งามหน้า “ผีน้อย” โดดทัวร์คณะใหญ่กว่าครึ่งร้อย หลังนักท่องเที่ยวไทย 697 คน โดยสารสายการบินเชจู แอร์ไลน์ส ปลายทางเกาะเชจู แต่ไม่ผ่าน “ด่านอรหันต์” ไม่ได้รับอนุญาตเข้าประเทศถึง 417 คน สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้แจง เกาะเชจูเป็นเส้นทางของขบวนการลักลอบเข้ามาทำงานโดยผิดกฎหมาย ใช้เดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้ เพราะไม่มีระบบคัดกรองผู้เดินทางจากต่างประเทศด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ใช้วีซ่า “K-ETA” แต่ถึงผ่านก็ไม่การันตีจะเข้าประเทศได้ เพราะอาจถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้ปฏิเสธเข้าประเทศ

ผีน้อยไทยโดดทัวร์เกาหลีกว่าครึ่งร้อยรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 7 ส.ค. สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้ เปิดเผยกับสำนักข่าวยอนฮัปว่า นักท่องเที่ยวชาวไทย 55 คน ที่เดินทางมาพร้อมกับคณะทัวร์ 280 คน ในทริปท่องเที่ยว 3 วัน หายตัวไปจากสนามบินนานาชาติเชจู บนเกาะเชจู เบื้องต้นสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้ยังไม่ทราบว่านักท่องเที่ยวชาวไทย 55 รายดังกล่าวหลบหนีหายไปที่ใด และกำลังเร่งติดตามหาตัว

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้ชี้แจงว่า ในระหว่างวันที่ 2-5 ส.ค. มีนักท่องเที่ยวไทย 697 คน โดยสารเครื่องบินสายการบินเชจูแอร์ไลน์ส บินตรงจากกรุงเทพมหานคร มายังเกาะเชจู ปรากฏว่านักท่องเที่ยวไทย 417 คน ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศและถูกส่งตัวกลับ ในจำนวนนี้ 367 คน หรือร้อยละ 52.7 มีประวัติไม่ผ่านระบบ K-ETA ขณะที่ ผู้โดยสารไทยอีก 280 คน ที่เป็นคณะทัวร์ใหญ่ ผ่านการตรวจสอบแล้ว หลบหนีไป 55 คน

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยเลือกเดินทางเข้าเกาหลีใต้ผ่านเกาะเชจู เนื่องจากไม่มีระบบ K-ETA หรือระบบคัดกรองผู้เดินทางจากต่างประเทศด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ใช้วีซ่า ไทยอยู่ใน 112 ประเทศที่ได้รับการละเว้นวีซ่าเข้าเกาหลีใต้ รัฐบาลเกาหลีไม่ได้ใช้ระบบดังกล่าวที่เกาะเชจู เนื่องจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ ทำให้การเข้าประเทศง่ายกว่าสนามบินอื่นๆ โดยเฉพาะสนามบินอินชอน เป็นสนามบินหลักของเกาหลีใต้ และขึ้นชื่อเรื่องการปฏิเสธนักท่องเที่ยวชาวไทย

...

ข้อมูลจากเว็บไซต์ K-ETA ระบุว่า ผู้โดยสารในประเทศที่ได้รับการละเว้นวีซ่า จะต้องลงทะเบียนเข้าระบบและผ่านการอนุมัติ K-ETA ก่อนเดินทางเข้าเกาหลีใต้ ไม่ว่าจะทางอากาศหรือทางน้ำ ผู้ลงทะเบียน 1 คน สามารถลงทะเบียนให้ผู้อื่นได้ไม่เกิน 30 คน ใช้เวลาดำเนินการอ 72 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น มีค่าธรรมเนียม 10,000 วอน หรือประมาณ 275 บาท ระบบ K-ETA มีอายุ 2 ปี นับตั้งแต่วันผ่านการอนุมัติ ทั้งนี้ผู้ที่ผ่าน K-ETA ไม่ได้การันตีว่าจะผ่านการตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้ ส่วนผู้ที่กรอกข้อมูลอันเป็นเท็จจะไม่ได้รับการอนุมัติ หรือถูกยกเลิก K-ETA รวมทั้งจะถูกห้ามเข้าประเทศ และจะได้รับโทษตามกฎหมายเกาหลีใต้

ที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ เช้าวันเดียวกัน มีผู้โดยสารคนไทย 106 คน เดินทางไปยังเกาะเชจู ประเทศเกาหลีใต้ โดยสารการบินเชจูแอร์ เที่ยวบิน 7C2244 ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้ปฏิเสธเข้าประเทศ และถูกส่งกลับไทยทั้งหมดถูกนำตัวไปบันทึกประวัติที่สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 6 ส.ค. มีผู้โดยสารชาวไทยทั้งหมด 149 คน จะเดินทางไปยังเกาะเชจู ด้วยสารการบินเดียวกัน แต่ถูกระงับการเดินทางโดยด่านตรวจคนหางานสุวรรณภูมิ จำนวน 17 คน เพราะเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วเชื่อว่าไม่มีเจตนาไปเที่ยวตามที่กล่าวอ้าง ที่เหลือ 132 คน เดินทางไปถึงท่าอากาศยานนานาชาติเชจู เกาะเชจู เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น แต่ถูกปฏิเสธเข้าประเทศดังกล่าว ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 ส.ค. มีคนไทย 115 คน ถูกปฏิเสธเข้าประเทศเกาหลีใต้โดยเที่ยวบินเดียวกันที่เดินทางไปเกาะเชจู เป็นเป้าหมายใหม่ของคนไทยที่ต้องการไปทำงานผิดกฎหมายในเกาหลีใต้ เพราะไม่ต้องลงทะเบียนระบบ K-ETA

มีรายงานว่า สำหรับกรณีคนไทยที่ลักลอบเข้าประเทศเกาหลีใต้โดยผิดกฎหมาย หรือรู้จักกันในนาม “ผีน้อย” มีการส่งตัวกลับมายังประเทศไทย ทุกวัน วันละหลักร้อยคนขึ้นไป ทั้งทางสนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ ในส่วนของตรวจคนเข้าเมือง เมื่อกลุ่มคนเหล่านี้ถูกส่งตัวกลับเข้า จะมีการแยกประเภทของกลุ่มที่ถูกส่งตัวกลับมาเป็น 2 ประเภท คือ ผู้ที่ถูกจับได้ที่สนามบิน และผู้ที่ถูกจับได้ในประเทศเกาหลีใต้ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะดำเนินการสอบสวน ถึงที่มาที่ไป เช่น เดินทางไปเมื่อไหร่ ไปทำอะไร และในประเด็นอื่นๆ ตามขั้นตอนปฏิบัติ เพื่อเป็นการรวบรวมสถิติ จากนั้นก็ต้องปล่อยตัวไป เพราะทางตรวจคนเข้าเมืองไม่มีอำนาจในการจับกุม สุดท้ายเรื่องนี้ทางกระทรวงแรงงานน่าจะต้องลงมาดูแล เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาต่อไป