กรมวิชาการเกษตรแจ้งข่าวดี มะระไทยได้รีเทิร์นสู่ตลาดอียูอีกครั้ง อียูยอมรับมาตรการกำจัดศัตรูพืชในมะระไทย แต่ผู้ประกอบการต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบตั้งแต่ในแปลงปลูกจนถึงภายหลังการเก็บเกี่ยวในโรงคัดบรรจุ
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เผย กรมวิชาการเกษตรได้รับแจ้งจากสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป (อียู) ขณะนี้สหภาพยุโรปได้อนุญาตให้นำเข้ามะระจากไทยอีกครั้ง เนื่องจากอียูได้มีการปรับปรุงบัญชีรายชื่อพืช สินค้าพืช และวัสดุอื่นๆที่มีความเสี่ยงสูง ทำให้สินค้าที่อยู่ภายใต้บัญชีดังกล่าวจากประเทศที่สามไม่สามารถส่งออกไปยังสหภาพยุโรปได้ จนกว่าจะได้รับการประเมินความเสี่ยง โดยครอบคลุมถึงมะระจากประเทศไทยที่มีการระงับการส่งออกมาตั้งแต่ 14 ธ.ค.2562
“กรมวิชาการเกษตรในฐานะเป็นองค์กรอารักขาพืชแห่งชาติของประเทศไทย จึงได้ดำเนินการส่งเอกสารข้อมูลมะระให้ DG SANTE พิจารณาประกอบการประเมินความเสี่ยงศัตรูพืชของผลมะระสดจากประเทศไทย โดยในระหว่างการพิจารณานั้น DG SANTE และกรมวิชาการเกษตรได้มีการติดต่อสื่อสารเพื่อแจ้งข้อมูลกันเป็นระยะ จนได้รับแจ้งจากสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำอียูว่า DG SANTE ได้ประกาศปรับแก้การอนุญาตนำเข้ามะระจากฮอนดูรัส เม็กซิโก ศรีลังกา และไทย ภายใต้ข้อกำหนดการนำเข้าเฉพาะ เพื่อลดความเสี่ยงของโอกาสที่เพลี้ยไฟฝ้าย Thrips palmi Karny จะติดไปกับผลมะระส่งออกให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้แจ้งมาตรการทางเขตกรรมเพิ่มเติม เสนอ DG SANTE ตามที่ประกาศกำหนด และปัจจุบัน DG SANTE ได้ประกาศมาตรการที่กรมวิชาการเกษตรเสนอขึ้นบนเว็บไซต์ จึงทำให้ผลมะระสดของไทยสามารถส่งออกไปสหภาพยุโรปได้อีกครั้ง”
...
อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าวอีกว่า ผู้ประกอบการที่มีความประสงค์จะส่งออกผลมะระสดไปยังสหภาพยุโรป จะต้องมีการดำเนินการอย่างเป็นระบบตั้งแต่ในแปลงปลูกจนถึงภายหลังการเก็บเกี่ยวในโรงคัดบรรจุ โดยในแปลงปลูกของเกษตรกรต้องติดกับดักกาวเหนียวเพื่อดักจับเพลี้ยไฟตลอดวงจรการผลิต และมีการตรวจสอบแปลงผลิตมะระอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์และมีการจดบันทึก โดยไม่พบอาการหรือร่องรอยการเข้าทำลายของเพลี้ยไฟ หากสงสัยว่ามีเพลี้ยไฟ ต้องกำจัดตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตร รวมทั้งต้องมีการกำจัดวัชพืชในแปลงปลูกอย่างมีประสิทธิภาพ และต้องดูแลความสะอาดแปลงปลูก เช่น ไม่ให้มีผลร่วง ผลเน่า ผลที่ถูกเข้าทำลาย หรือเศษซากพืชในแปลง หากพบต้องนำออกจากแปลงและทำลายทิ้งทันที
“นอกจากนี้ผลมะระที่เก็บเกี่ยวแล้ว ต้องจัดการและขนส่งไปยังโรงคัดบรรจุในภาชนะที่มิดชิดป้องกันการเข้าทำลายซ้ำของเพลี้ยไฟ สำหรับการดำเนินการหลังเก็บเกี่ยวในโรงคัดบรรจุจะต้องทำความสะอาดผลมะระด้วยการแปรงและล้างด้วยน้ำผสมน้ำยาฆ่าเชื้อ และต้องผ่านการสุ่มตัวอย่างเพื่อตรวจสอบศัตรูพืชจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรฐาน ISPM 31 ก่อนออกใบรับรองสุขอนามัยพืช เป็นต้น สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจจะส่งออกผลมะระสดไปสหภาพยุโรป สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กรมวิชาการเกษตร โทรศัพท์ 0-2940-6466-8 และ 0-2561-1680 คาดว่ามะระไทยจะสามารถส่งออกไปตลาดอียูได้ประมาณต้นเดือนกันยายนนี้” อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าว.