นิทานเรื่อง “ขี้ยาปราบยักษ์” ในหนังสือนิทานไทย คุณตาคุณยายเล่าไว้ (สำนักพิมพ์รวมทรรศน์ พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ.2536) ผู้เล่า หลวงพิพัฒน์คุรุกิจ เชียงใหม่ ผมลอกเอามาแล้วหลายครั้ง

ครั้งนี้ตั้งใจจะให้ได้รสชาติใหม่ๆ ขอเอาเรื่อง “ไอ้ขี้เกียจได้ดี” ที่แม่เล่าให้ฟังเล่าผสม

ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเมืองเมืองหนึ่งถูกยักษ์จับคนไปกินเป็นประจำ เจ้าเมืองร้อนใจตีฆ้องร้องป่าวหาคนมีฝีมือปราบ พร้อมจะให้รางวัลเป็นเงินทองกองใหญ่

หลายวันไม่มีชายใดกล้าอาสา...จนมีขี้ยาติดกัญชาคนหนึ่ง สะพายย่ามใหญ่ใบเดียวเดินเข้ามา

ในย่ามเขาไม่มีอาวุธอะไร นอกจากบ้องกัญชา เนื้อกัญชาหั่นละเอียดอย่างดี เหล็กไฟชุด และข้าวตูปั้นเป็นก้อนใหญ่สี่คู่

เมื่อไม่มีใครหน่วยก้านดีกว่าเข้ามาเสนอตัว เจ้าเมืองจนใจ ตกปากรับคำให้เขาทำงาน

ขี้ยาไม่พูดพล่ามทำเพลง เดินลิ่วมุ่งหน้าหาภูเขาที่ยักษ์อยู่เจอหนังรัดเกวียนเส้นหนึ่งตกอยู่ก็เก็บใส่ย่าม กลางทางเจอกลองใหญ่ในวัดร้างพร้อมไม้ตีก็อุ้มเอาไป

ตกบ่ายเจอคราดไถนาที่ชาวนาทิ้งไว้เขาก็แบกเอาไปอีก

ด้วยสรรพสิ่ง...ที่มี ในที่สุดเขาก็ถึงศาลาที่ยักษ์อยู่ แต่เป็นเวลาที่ยักษ์ออกไปหากินในป่า ขี้ยาเข้าไป ปิดประตูลงกลอนแน่นหนา ไม่นานนักยักษ์ก็กลับมา

เจอประตูปิดสนิทจึงตะโกนถาม “ใครมาอยู่ในบ้านข้า”

“กูเอง” ขี้ยาตะโกนตอบ “กูไม่กลัวมึงหรอก อยากรู้ไหม ตัวข้าใหญ่กว่ามึงแค่ไหน?”

ยักษ์บอกอยากรู้ ขี้ยาสอดหนังรัดเกวียนออกไปแล้วบอกว่า “นี่ไง เส้นผมกู” ยักษ์เห็นเข้าก็อึ้ง มันเป็นสัตว์ชนิดไหน เส้นผมจึงใหญ่ขนาดนี้ จึงขอดูหัวดูหน้า

“กูไม่ชอบให้ใครเห็นหน้า” ขี้ยาว่า “แต่ถ้าอยากดูหวีต่างหน้า กูจะให้”

...

ขี้ยาโยนคราดออกไปดังโครม ยักษ์เห็นแล้วก็เริ่มกลัว “นี่ขนาดหวียังใหญ่แค่นี้ หัวมันจะใหญ่สักแค่ไหน”

ขี้ยาได้ทีงัดไม้ออกมาตีกลองดังตุ๋งๆแล้วสำทับ “เฮ้ย! ยักษ์ ได้ยินเสียงตดกูหรือไม่?”

สถานการณ์ขั้นนี้ ยักษ์ขวัญหนีดีฝ่อวิ่งหนีเข้าไปในป่า มุ่งหน้าไปที่ศาลาที่อยู่สำรอง ไปถึงความกลัวฝังใจ ยักษ์ปีนขึ้นนอนบนขื่อ

แน่นอน เจ้าขี้ยาตามไปทัน ถึงศาลาไม่ทันเห็นว่ายักษ์อยู่ที่ไหน แต่เขาทั้งเหนื่อยและหิวจึงวางย่าม ล้วงบ้อง เนื้อกัญชา และเหล็กไฟชุดออกมาตั้งท่าจะสูบ

นึกขึ้นได้มีข้าวตูจึงหยิบออกมา บรรจงวางที่เสาศาลา ครบสี่เสาเสาละคู่

ลีลานี้เด็กๆก็รู้ คอกัญชาชอบของหวาน พิธีการจบ ขี้ยาก็เริ่มเอากัญชาใส่บ้องจุดไฟดูดเอาๆ เสียงดังคร่อกๆ

ยักษ์กลั้นใจมองจากขื่อเห็นแล้วที่แท้มันเป็นคนตัวเล็ก แต่มีฤทธิ์เดชมาก กินไฟได้

ขี้ยาดูดกัญชาได้ที่แล้วก็คอแห้ง เริ่มพิธีการต่อ ชี้มือไปที่เสาศาลาต้นแรกหยิบข้าวตูกิน ไปเสาที่สอง เสาที่สาม และถึงเสาสุดท้าย...ขี้ยาตะโกนเสียงดัง “ไอ้ข้าวตู กูจะกินมึง”

ในนิทานเรื่องที่แม่ผมเล่า เจ้ายักษ์บังเอิญชื่อข้าวตู ได้ยินขี้ยารู้ชื่อ เรียกชื่อ มันยิ่งตกใจ กระโดดโผงลงจากขื่อศาลา แล้ววิ่งหายเข้าป่าลึก จากนั้นเจ้ายักษ์ก็ไม่กล้าแวะเวียนมากินคนที่เมืองนั้นอีกเลย

นิทานเรื่องนี้จบลงตรงขี้ยาคอกัญชาได้เงินทองกองใหญ่จากเจ้าเมืองกลายเป็นคนเศรษฐีใหญ่ มีคนนับหน้าถือตาทั่วบ้านทั่วเมือง

ผมฟังจากเรื่องเล่า ไม่มีเค้าคนโบราณรังเกียจเดียดฉันท์คอกัญชานักหนา...

ใครที่หมั่นไส้คุณอนุทิน พรรคภูมิใจไทย...พรรคที่หนุนนโยบายกัญชาเสรี ยั้งมือไว้ไมตรีไว้บ้างนะครับ...กัญชาก็เหมือนทุกสิ่งในโลกนี้ มีด้านดี มีด้านร้าย...แล้วแต่ใครจะเลือก.

กิเลน ประลองเชิง