วราวุธ ย้ำ “ป่าชุมชน” ช่วยสร้างความมั่นคงทางฐานทรัพยากร สู่ความมั่งคั่งของชุมชนในระดับฐานราก ให้กินดีอยู่ดี มีรายได้มั่นคง มีเศรษฐกิจชุมชนที่ดี เพื่อความสุขของพี่น้องคนไทยทุกคน
คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2565 เห็นชอบให้วันที่ 24 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันป่าชุมชนแห่งชาติ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย และสืบสานพระราชปณิธานในด้านการส่งเสริมและพัฒนาทรัพยากรป่าไม้ ให้ “คน” กับ “ธรรมชาติ” อยู่ร่วมกันอย่างพึ่งพาอาศัยและเอื้อประโยชน์ต่อกันได้อย่างยั่งยืน
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า วันป่าชุมชนแห่งชาติ เป็นวันที่พี่น้องชาวป่าชุมชนทั่วประเทศมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ซึ่งชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมกับภาครัฐในการบริหารจัดการป่าชุมชนมาเป็นเวลายาวนาน จนกระทั่งมี กฎหมายเฉพาะที่ส่งเสริมให้มีการรับรองสิทธิชุมชนอย่างเป็นรูปธรรมในการบริหารจัดการป่าชุมชนอย่างแท้จริง รวมไปถึงการใช้ประโยชน์จากป่าชุมชนอย่างสมดุลและยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันมีป่าชุมชนตามพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 จำนวนมากกว่า 12,017 แห่ง รวมเนื้อที่ประมาณ 6.29 ล้านไร่ มีชุมชนร่วมบริหารจัดการป่ามากกว่า 13,718 หมู่บ้าน โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบกรมป่าไม้เร่งขยายการจัดตั้งป่าชุมชนทั่วประเทศให้ได้ จำนวน 15,000 แห่ง เนื้อที่ประมาณ 10 ล้านไร่
ตามที่รัฐบาลได้ประกาศโมเดลเศรษฐกิจ "BCG" ซึ่งเป็นโมเดลที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระดับฐานราก และสอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งการที่ชุมชนช่วยกันดูแลป่าจนมีความอุดมสมบูรณ์ และชุมชนก็ได้รับประโยชน์จากป่า ผลผลิต ผลิตภัณฑ์และบริการจากป่าชุมชน หากได้รับการส่งเสริมและพัฒนาอย่างถูกต้องสามารถสร้างเศรษฐกิจชุมชน จึงนับว่าเป็นเศรษฐกิจระดับฐานรากที่มีความสมดุลและยังยืน จึงมอบกรมป่าไม้ เร่งส่งเสริมและพัฒนาป่าชุมชนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 และส่งเสริมชุมชนคนดูแลป่าให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก จะช่วยเพิ่ม GDP ของแต่ละจังหวัด และของประเทศ ที่สำคัญจะช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมของไทยให้สมบูรณ์ รวมถึงจะทำให้ไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDG) ด้วย
นายวราวุธ ได้กล่าวย้ำถึงประโยชน์ที่เราจะได้รับจากป่าชุมชน โดยจะทำให้เกิดความมั่นคงทางสังคม ชุมชนมีความสามัคคีเข้มแข็ง แรงงานคืนถิ่น ผลผลิตจากการเกษตรเพิ่มขึ้น การมีรายได้เสริมจากป่าชุมชน ทำให้เกิดความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน ต่อยอดสร้างเศรษฐกิจชุมชน รวมไปถึงรายได้ที่จะเกิดจากการขายคาร์บอนเครดิตในอนาคต ทำให้เกิดความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เมื่อป่าชุมชนอุดมสมบูรณ์ สิ่งแวดล้อมดีขึ้น ก็ยังสามารถเป็นแหล่งเก็บกักคาร์บอน ลดสภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย
ด้าน นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กรมป่าไม้ได้เชื่อมโยงเครือข่ายป่าชุมชน 28 จังหวัด มีสมาชิกกว่า 170,659 คน และจากผลการประเมินป่าชุมชน ปี 2564 พบว่า มีจำนวนประชาชนที่ได้รับประโยชน์ประมาณ 3.7 ล้านครัวเรือน เกิดมูลค่าการพึ่งพิงป่าชุมชน 4,221 ล้านบาท การกักเก็บคาร์บอนของต้นไม้ในป่าชุมชน 40 ล้านตันคาร์บอน การกักเก็บน้ำในดินและปลดปล่อยน้ำท่า 4.321 ล้านลูกบาศก์เมตร และการประเมินมูลค่าระบบนิเวศของป่า 564,449 ล้านบาท” และกรกรมป่าไม้ได้กำหนดจัดงานวันป่าชุมชนแห่งชาติ ขึ้น ในระหว่างวันที่ 23 - 25 พฤษภาคม 2565 ณ โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ท และศูนย์การค้าเซียร์ รังสิต จังหวัดปทุมธานี เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย และสืบสานพระราชปณิธานในด้านการส่งเสริมและพัฒนาทรัพยากรป่าไม้ให้ “คน” กับ “ธรรมชาติ” อยู่ร่วมกันอย่างพึ่งพาอาศัย และเอื้อประโยชน์ต่อกันได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนเพื่อให้องค์กรทั้งภาครัฐ เอกชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ได้ทราบถึงความสำคัญของป่าชุมชนและทรัพยากรป่าไม้ของชาติในภาพรวม สร้างขวัญและกำลังใจให้กับชุมชนที่ดูแลรักษาป่า เกิดความภาคภูมิใจและเป็นเกียรติแก่ชุมชนต่อไป