“อัจฉริยะ” เข้าให้ปากคำตำรวจ หลังแจ้งดำเนินคดีกับ “แซน” ใน ข้อหาแจ้งความเท็จ และเตรียมหอบหลักฐานส่งดีเอสไอ 18 พ.ค. โวมีผู้เชี่ยวชาญและพยาน 12 ปาก ชัดเจน เพื่อเปิดสำนวนใหม่เป็นคดีพิเศษ ยันใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย ส่วนเพจชมรมฯ แจงเป็นของปลอมแจ้งความไว้แล้ว ขณะนี้ไม่ได้ถูกตำรวจหรือใครคุกคาม ส่วนหนิง-ปณิตาและสามีสวนกลับแจ้งความ “แซน” ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

คดี “แตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์” ยังยืดเยื้อ ภายหลัง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานช่วยเหลือ เหยื่ออาชญากรรม ยังคงหาหลักฐานการเสียชีวิตอ้างว่ามีเงื่อนงำเป็นฆาตกรรม นำทีมนักประดาน้ำค้นหาหลักฐานที่จุดพบศพและจุดที่ดาราสาวตกน้ำรวม 3 จุด โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดบันทึกภาพไว้ได้ว่ามีคนบนเรือถือมีด แต่การค้นหายังไม่พบมีด จากนั้นจะนำหลักฐานทั้งหมดส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษในวันที่ 18 พ.ค.เพื่อเริ่มนับหนึ่งใหม่ในการทำคดีแตงโมต่อไป

ความคืบหน้าช่วงสายวันที่ 17 พ.ค. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมาที่ สภ.พระประแดง เพื่อเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 ในคดีที่แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษนายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือแซน ข้อหาให้การเท็จ ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ไปแจ้งความต่อตำรวจ บก.ป.ไว้แล้ว สำนวนโอนมาที่ บช.ภ.1
นายอัจฉริยะกล่าวว่า วันนี้มาให้การกับพนักงานสอบสวน ไม่ได้คาดหวังในชั้นตำรวจเพราะไม่เชื่อมั่น แต่มาทำตามขั้นตอนให้สมบูรณ์ เพื่อคานอำนาจในส่วนคดีหลัก ตนจะไม่ให้หลักฐานกับตำรวจทั้งหมด ให้ปากคำและยื่นหลักฐานเป็นเพียงซีดี 1 แผ่นที่ระบุให้เห็นว่า แซนให้การเท็จจริงเท่านั้นคือคลิปที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยืนยันว่า คลิปที่เห็นเงาไม่ใช่คลิปตอนตกเรือ ส่วนหลักฐานอื่นๆ ที่มีนั้น เปลี่ยนแผนจะไม่ยื่นให้ในชั้นตำรวจแล้ว เชื่อ ว่ายื่นไปตำรวจจะอ้างว่าส่งสำนวนคดีหลักให้อัยการแล้ว ไม่สามารถกลับคำให้การ มีธงตั้งไว้อยู่แล้ว ถ้าหากตนเปิดโชว์หลักฐานทั้งหมดไป อีกฝ่ายจะรู้ทันหมด จะเปลี่ยนแผนเก็บหลักฐานไว้นำไปยื่นขอความเป็นธรรมในชั้นอัยการแทน หากอัยการสั่งไม่ฟ้องแซนในคดีให้การเท็จ

...

นายอัจฉริยะกล่าวอีกว่า ส่วนที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือ จะนำหลักฐานทั้งหมดที่มีไปยื่นต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีนัดสอบปากคำวันที่ 18 พ.ค. มีความเห็นทั้งจากผู้เชี่ยวชาญและพยานประกอบถึง 12 ปาก อาทิ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ อดีต ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเรือจากโรงเรียนนายเรือ พ.อ.นายแพทย์ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ที่พิสูจน์แล้วว่า บาดแผลที่ต้นขาขวาใกล้เคียงกับใบมีด นายเอกพันธ์ บันลือฤทธิ์ หรือไทด์ เรื่องทรายในกำมือ อีกทั้งยังมีภาพจากกล้องวงจรปิดว่า คนบนเรือไปจอดเรือแวะที่ท่าจอดเรือทราย และมีการถอดรองเท้าเคาะทราย ภาพวงจรปิดเป็นมุมเดิมนำไปเข้าโปรแกรมที่ซื้อจากอเมริกาทำให้เห็นอย่างชัดเจน และยังมีคลิปที่พยานในคืนเกิดเหตุถ่ายเอาไว้ได้ด้วย ทั้งนี้ยังมีประเด็นเรื่องสารในร่างกายแตงโมที่พบสารชนิดเดียวกันกับคนบนเรือที่เป็นยานอนหลับ ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเป็นยาที่หมอสั่งจ่ายหรือถูกมอม

นายอัจฉริยะเน้นย้ำด้วยว่า คดีที่ไปยื่นดีเอสไอเป็นคนละคดีกับที่ตำรวจภาค 1 ไม่ใช่คดีประมาท โดยคดีของ น.ส.สุภาภรณ์ นิปวณิชย์ หรือ อัยการดาว ตนไม่มีสิทธิ์ไปก้าวล่วง ดังนั้นคนที่ไม่เข้าใจจะมาพูดว่าสิ่งที่ทำเปลี่ยนสำนวนคดีไม่ได้ ตนไปยื่นคือ การเปิดสำนวนคดีใหม่ให้เป็นคดีพิเศษ หวังว่าจะผ่านชั้นคณะอนุกรรมการรับเป็นคดีพิเศษได้ และยืนยันด้วยมีอำนาจตามกฎหมายในฐานะประชาชนเป็นผู้เสียหายไปร้องทุกข์ต่อดีเอสไอ เพราะเป็นคดีอาญาแผ่นดิน

“ส่วนเพจชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ออกมาโพสต์ประกาศปิดตัวนั้น เพจดังกล่าวไม่ใช่เพจของชมรมฯ แต่มีบุคคลแอบอ้างทำขึ้นมา มักจะโพสต์โจมตีบุคคลอื่นให้เกิดความเข้าใจผิด และยังเอาไปแอบอ้างรับเงินบริจาคด้วย ผมทราบเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้วและแจ้งความไว้ที่ บช.สอท.แล้ว ขณะนี้รู้ตัวคนทำแล้ว สัปดาห์หน้าจะไปติดตามความคืบหน้าพร้อมยืนยันว่า ไม่ได้ถูกตำรวจหรือ ใครคุกคาม” นายอัจฉริยะกล่าว

ต่อมาเมื่อเวลา 16.40 น. นายจรินทร์ หรือจิน ธรรมวัฒนะ น.ส.ปณิตา หรือหนิง ธรรมวัฒนะ ภรรยา และนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เข้าแจ้งความกับ พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ปทุมวัน ให้ดำเนินคดีกับนายวิศาพัช หรือแซน มโนมัยรัตน์ อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาในคดีกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ แตงโม-นิดา ดาราสาวตกเรือเสียชีวิตกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โดยก่อนหน้านี้นายวิศาพัชแจ้งความดำเนินคดีกับนายจรินทร์ที่ สน.ท่าข้าม ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เมื่อวันที่ 1 พ.ค. หลังจากมีการตอบโต้กันผ่านสื่อสังคมออนไลน์

นายษิทรากล่าวว่า จากกรณีที่นายวิศาพัชไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายจรินทร์ เมื่อวันที่ 1 พ.ค. นายวิศาพัชให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวทำนองว่า หนิงมีเรื่องให้ด่ามากกว่าตนเองตั้งเยอะ มีถ้อยคำว่าดำเนินคดีเพื่อความสะใจ ตนรวบรวมพยานหลักฐานมีคลิป และถอดเทปคำให้สัมภาษณ์เองของนายวิศาพัชเป็นการด้อยค่า ลดค่าของผู้อื่น นอกจากนี้ ยังมีพยานบุคคลเข้ามาให้การ ถึงความรู้สึกที่ได้ฟังคำสัมภาษณ์ของนายวิศาพัช ว่ามีความเห็นอย่างไร การดำเนินคดีกับใครต้องว่าไปตามกฎหมาย ไม่ได้ทำเพื่อความสะใจ การที่นายวิศาพัชบอกว่า ดำเนินคดีเพื่อความสะใจมันไม่ถูกต้อง ถ้อยคำที่คอมเมนต์ตอบโต้กันเป็นเพียงการดูหมิ่น แต่ไม่ใช่การหมิ่นประมาท ประเด็นนี้จะสู้คดีอย่างเต็มที่ เขามีสิทธิ์แจ้งความได้ แต่เรามีสิทธิ์ที่จะสู้คดี และมีสิทธิ์ดำเนินคดีกับเขาได้เหมือนกัน

ด้านหนิง-ปณิตาเปิดเผยว่า การโพสต์ภาพ และข้อความเขียนไปตามความรู้สึก เชื่อว่าทุกคนอ่านจะเข้าใจตามที่เขียน ตนทำงานอยู่กับสื่อ เป็นดาราอยู่กับโลกโซเชียล ไม่ได้ทำอะไรด้วยความสะใจ การมาแจ้งความ เรื่องเงินไม่สำคัญ เอาตามความเหมาะสมตามที่ควรจะเป็น ไม่เรียกตามความสะใจ อยู่ที่ทนายความ และเรื่องนี้ทุกคนต้องได้รับความยุติธรรม หนิงก็ต้องการเช่นกัน ผู้สื่อข่าวถามนายจรินทร์ว่า จะเจรจายอมความกันหรือไม่ นายจรินทร์ตอบว่า หากมีอะไรให้พูดคุยผ่านทนายความได้เลย ตนจะไม่ขอโทษ

...