แก๊งคอลเซ็นเตอร์ป่วนดีเอสไอวุ่น เอาชื่อไปแอบอ้างหลอกลวง เงินจนประชาชนไม่เชื่อ เจ้าหน้าที่จริงติดต่อประสานถูกกล่าวหาว่าเป็นขบวนการหลอกเงินประชาชน ทำให้มีปัญหาการปฏิบัติหน้าที่ ถึงขนาดต้องเอาเรื่องเข้าที่ประชุมผู้บริหาร “ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์” อธิบดีดีเอสไอ ออกมาแจง 2 ข้อ 1.ดีเอสไอไม่มีการติดต่อประชาชนและขอข้อมูล หรือแจ้งให้ประชาชนทำธุรกรรมทางการเงิน หรือโอนเงินด้วยการพูดคุยทางโทรศัพท์ 2.ในการปฏิบัติงานจริง เจ้าหน้าที่จะมีหนังสือราชการติดต่อก่อน เร่งจัดทำระบบตรวจยืนยันย้อนกลับเป็นคิวอาร์โค้ด (QR CODE) ว่าเป็นเอกสารราชการจริง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน

กรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หลอกลวงเหยื่อโอนเงินเสียหายไปแล้วจำนวนมาก ทำให้การทำงานของดีเอสไอติดขัดประชาชนไม่เชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริง เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 16 พ.ค. นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เผยว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ค.ในการประชุมผู้บริหารกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับรายงานกรณีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษประสานติดต่อประชาชนเพื่อให้มาพบ และให้ถ้อยคำเกี่ยวกับการสอบสวนคดีพิเศษคดีหนึ่ง แต่เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต้องใช้เวลาสื่อสารทำความเข้าใจ ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงาน รวมทั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 13 พ.ค.(วันหยุดราชการวันพืชมงคล) ยังมีผู้เสียหายจำนวนหนึ่งหลงเชื่อเดินทางมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตามคำหลอกลวงของคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บางรายทำธุรกรรมโอนเงินให้คนร้ายต้องสูญเสียเงินเป็นจำนวนมากอีกด้วย

อธิบดีดีเอสไอเผยอีกว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษขอเน้นย้ำวิธีการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษอีกครั้งดังนี้ 1.เจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษไม่มีการติดต่อประชาชนและขอข้อมูล หรือแจ้งให้ประชาชนทำธุรกรรมทางการเงิน หรือโอนเงินด้วยการพูดคุยทางโทรศัพท์อย่างแน่นอน 2.ในการปฏิบัติงานจริง เจ้าหน้าที่จะมีหนังสือราชการติดต่อไปยังประชาชนก่อน โดยจะแจ้งเหตุผลและนัดหมายให้มาพบที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือสถานที่ราชการอื่นๆ ตามวัน เวลาราชการ หากเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยากที่จะมีหนังสือติดต่อดังกล่าวก่อน เนื่องจากจะเป็นการเสียเวลา และส่วนใหญ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะใช้การสุ่มโทรศัพท์ตามหมายเลขต่างๆ โดยไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่อยู่ของผู้ที่โทรศัพท์ติดต่อ

...

“ดังนั้นกรณีอ้างว่า เป็นเจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้สอบถามถึงหนังสือที่เจ้าหน้าที่มีถึงท่าน เพื่อตรวจสอบว่าเป็นผู้ประสานงานจริงหรือไม่ เพราะคนร้ายจะไม่มีหนังสือดังกล่าว กรณีท่านมีข้อสงสัยว่า หนังสือที่ท่านได้รับเป็นหนังสือราชการของกรมสอบสวนคดีพิเศษจริงหรือไม่ สามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกรมสอบสวนคดีพิเศษ หมายเลข 1202 โทรฟรีทั่วประเทศ ในวัน เวลาราชการ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์จะโอนสายโทรศัพท์ให้ท่านตรวจสอบกับหน่วยงานเจ้าของหนังสือได้โดยตรง” นายไตรยฤทธิ์กล่าว

อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษกล่าวต่อว่า มอบหมายให้ศูนย์นวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพื่อการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ จัดทำระบบตรวจยืนยันย้อนกลับเป็นคิวอาร์โค้ด (QR CODE) บันทึกลงในเอกสารราชการของกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ส่งถึงประชาชนหรือหน่วยงานของรัฐ เพื่อให้ประชาชนหรือหน่วยงานของรัฐสามารถสแกนและตรวจสอบกลับมายืนยันกับเอกสารต้นฉบับที่อยู่ในระบบของกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ คิวอาร์โค้ดจะลดโอกาสคนร้ายใช้ช่องทางหนังสือราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษหลอกลวงประชาชน และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นการปฏิบัติงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตามวิสัยทัศน์กรมสอบสวนคดีพิเศษคือ เป็นองค์กรชั้นนำด้านการสืบสวนสอบสวนมีมาตรฐานในระดับสากล ได้รับความเชื่อมั่นในการบังคับใช้กฎหมายด้วยความเป็นธรรม เมื่อพัฒนาระบบคิวอาร์โค้ดเสร็จสิ้นแล้ว จะประชาสัมพันธ์อย่างเป็นทางการอีกครั้ง

นายไตรยฤทธิ์กล่าวด้วยว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษฝากถึงกลุ่มคนไทยที่เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยการเป็นเครื่องมือของคนต่างชาติมาหลอกลวงคนไทยด้วยกันว่า ขอให้หยุดการกระทำดังกล่าว เพราะผู้เสียหายอาจเป็นบุคคลในครอบครัว และท่านยังอาจถูกดำเนินคดีและยึดทรัพย์ สำหรับผู้มีข้อมูลหรือเบาะแสเรื่องดังกล่าว สามารถส่งข้อมูลได้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เลขที่ 128 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210 หมายเลขโทรศัพท์ 0-2831-9888 เว็บไซต์ www.dsi.go.th หรือโทร.สายด่วน 1202 จะเก็บรักษาข้อมูลผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับ