พนักงานอึ้ง หลัง "เจ๊เกียว" ประกาศขายกิจการบริษัทเชิดชัยทัวร์แบบฟ้าผ่า วางแผนหลังตกงาน เตรียมกลับไปตั้งหลักอยู่บ้านนอกก่อนหางานใหม่ทำ
จากกรณีที่ นางสุจินดา เชิดชัย หรือ เจ๊เกียว นายกสมาคมผู้ประกอบการรถร่วมโดยสาร บขส. และเจ้าของอู่เชิดชัย และบริษัทเดินรถเชิดชัยทัวร์ ได้ออกมาเปิดเผยว่า ได้ตัดสินใจประกาศขายกิจการของบริษัทเดินรถเชิดชัยทัวร์ ที่ดำเนินการมานานกว่า 65 ปี เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้มีผู้โดยสารลดน้อยลง ประกอบกับปัญหาต่างๆ อาทิ การเกิดขึ้นของสายการบินโลว์คอสต์ และน้ำมันดีเซลที่แพงขึ้นต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องสุขภาพ เนื่องจากเจ๊เกียวมีอายุมากแล้วถึง 85 ปี อีกทั้งลูกๆ ทั้ง 5 คน ก็ทำธุรกิจอื่น ไม่มีใครอยากมาสานต่อธุรกิจเดินรถ บขส.ที่มีปัญหาหลายอย่าง จึงได้ตัดสินใจประกาศขายกิจการของบริษัทเดินรถเชิดชัยทัวร์ในครั้งนี้นั้น
ล่าสุด วันที่ 9 พฤษภาคม 2565 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปสำรวจจุดจำหน่ายตั๋วรถโดยสาร บขส.ของบริษัทเชิดชัยทัวร์ ที่สถานีขนส่งนครราชสีมา แห่งที่ 2 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พบว่ามีเพียงรถสายนครราชสีมา-กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถบัสปรับอากาศ ป.1 VIP 30 ที่นั่งเท่านั้นที่ยังคงวิ่งอยู่
ส่วนรถรถสายยาว ที่วิ่งระหว่างกรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดต่างๆ ทั้งภาคอีสานตอนบน และภาคเหนือ ได้หยุดวิ่งมานานเกือบ 2 ปีแล้ว ซึ่งวันนี้มีประชาชนเดินทางมาซื้อตั๋วน้อยมาก แม้เหลือเวลา 10 นาทีก่อนที่รถจะออกมีผู้โดยสารซื้อตั๋วเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น
...
จากการสอบถามพนักงานขับรถของบริษัทเชิดชัยทัวร์ บอกว่า ตอนนี้บริษัทวิ่งเพียงรถสายสั้น ระหว่างนครราชสีมา-กรุงเทพมหานคร เท่านั้น โดยวิ่งวันละ 12 เที่ยว โดยใช้รถบัสปรับอากาศ ป.1 เบาะ VIP 30 ที่นั่ง ซึ่งช่วงนี้มีผู้โดยสารน้อยมาก เพราะได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงทำให้แต่ละเที่ยววิ่งประสบกับปัญหาขาดทุนมาโดยตลอด ส่วนรถสายยาววิ่งกรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดต่างๆ ทั้งภาคอีสานตอนบน และภาคเหนือ ได้หยุดวิ่งมานานเกือบ 2 ปีแล้ว คนขับรถหลายคนต้องกลับไปอยู่บ้าน บางคนก็มาช่วยขับรถสายสั้นชั่วคราวก่อน
ขณะที่หัวหน้าพนักงานจุดจำหน่ายตั๋ว บริษัทเชิดชัยทัวร์ กล่าวว่า ภายหลังจากที่ทราบข่าวว่าเจ๊เกียวประกาศขายกิจการบริษัทเดินรถเชิดชัยทัวร์ ก็ทำให้ตนเองรู้สึกตกใจ เพราะทำงานกับบริษัทแห่งนี้มานานกว่า 20 ปีแล้ว และถือว่าเป็นบริษัทรถทัวร์รายใหญ่ของประเทศ ไม่คิดว่าจะมาปิดกิจการเช่นนี้ แต่ก็เข้าใจได้ว่าช่วงนี้บริษัทเจอกับปัญหามากมาย ทั้งปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ไม่ค่อยมีผู้โดยสาร และปัญหาราคาน้ำมันดีเซลแพง
ซึ่งจุดจำหน่ายตั๋วของบริษัทฯ ที่อยู่ในสถานีขนส่งนครราชสีมาแห่งที่ 2 นี้ มีพนักงานขายตั๋วอยู่จำนวน 4 คน และมีรถโดยสารปรับอากาศ ป.1 เบาะ VIP สายนครราชสีมา-กรุงเทพมหานคร วิ่งอยู่วันละ 12 คัน แต่ละคันมีพนักงานอยู่ 2 คน ได้แก่ พนักงานขับรถ และพนักงานให้บริการ หากบริษัทถูกขายออกไป ก็คงจะตกงานกันทั้งหมด ส่วนตนเองนั้นถ้าตกงานก็คงจะต้องกลับไปตั้งหลักใหม่อยู่ที่บ้านในชนบทก่อน หลังจากนั้นค่อยหางานอื่นทำต่อไป.