นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เผยว่า จากการที่สถาบันวิจัยพืชไร่และพืชทดแทนพลังงาน กรมวิชาการเกษตร ได้วางแผนการเตรียมความพร้อมด้านเมล็ดพันธุ์ให้กับเกษตรกร ด้วยการพัฒนาและขยายเครือข่ายผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียวและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสม เพื่อเป็นการกระจายเมล็ดพันธุ์ดีสู่เกษตรกร ช่วยลดต้นทุนการผลิตด้านเมล็ดพันธุ์ และเป็นการพัฒนาศักยภาพและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกร ให้เป็นผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ได้เองตรงตามคุณภาพมาตรฐานเมล็ดพันธุ์เพื่อนำไว้ใช้เองและจำหน่ายในชุมชน โดยมีนักวิชาการเกษตรของกรมวิชาการเกษตรเป็นพี่เลี้ยงให้คำแนะนำเพื่อพัฒนาให้เป็นเกษตรกรผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์มืออาชีพ

...

“ในปีนี้ได้คัดเลือกกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียวพันธุ์ชัยนาท 3 จำนวน 5 กลุ่ม ใน 5 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ พิจิตร เพชรบูรณ์ ลพบุรี และอำนาจเจริญ มีเกษตรกรทั้งหมด 48 ราย พื้นที่ดำเนินการ 235 ไร่ โดยเกษตรกรได้ดำเนินการปลูกถั่วเขียวในฤดูแล้งแล้ว นอกจากนี้ยังมีกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียวในจังหวัดอุทัยธานีอีก 1 กลุ่ม จะเริ่มปลูกในเดือนนี้”

อธิบดีกรมวิชาการเกษตรเผยอีกว่า นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนาเครือข่ายผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมนครสวรรค์ 5 ที่มีลักษณะเด่น ทนแล้ง ให้ผลผลิตสูงไร่ละ 1,176 กก. ต้านทานต่อโรคใบไหม้แผลใหญ่ และโรคใบด่างที่เกิดจากเชื้อไวรัส เก็บ เกี่ยวเร็วที่อายุ 95-100 วันอีกด้วย โดยได้จัดอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ และจัดทำแปลงต้นแบบการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดลูกผสมในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก และอุตรดิตถ์ ตั้งเป้าหมายให้สมาชิกภายในกลุ่มเกษตรกรนำร่องนำเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมนครสวรรค์ 5 ในพื้นที่ 100 ไร่

“การดำเนินงานนี้เป็นการบูรณาการงานวิจัยเพื่อนำผลงานวิจัยจากต้นน้ำ เผยแพร่สู่การนำไปใช้ประโยชน์ปลายน้ำ เป็นการเพิ่มช่องทางให้เกษตรกรเข้าถึงพันธุ์ดีของกรมวิชาการเกษตร เนื่องจากบางครั้งการจัดหาเมล็ดพันธุ์ปลูกมักเป็นปัญหาสำหรับเกษตรกรในบางพื้นที่ เช่น ขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียว หรือเมล็ดพันธุ์ลูกผสมมีราคาแพง ซึ่งการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ทั้งถั่วเขียวและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ดังกล่าวจะทำให้เกษตรกรมีเมล็ดพันธุ์เพียงพอกับความต้องการ และช่วยลดต้นทุนการผลิตจากการซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกได้ เป็นการสร้างอาชีพและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร มีความมั่นคงและยั่งยืนในการประกอบอาชีพต่อไป” นายระพีภัทร์ กล่าว.