สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร แจ้งเตือนเกษตรกรผู้ปลูกมะเขือเทศในช่วงเวลานี้ ให้หมั่นสำรวจสวนและเฝ้าระวังการเข้าทำลายของหนอนแมลงวันชอนใบ สามารถเข้าทำลายมะเขือเทศในทุกระยะการเจริญเติบโต
โดยตัวหนอนจะชอนไชอยู่ในใบทำให้เกิดรอยเส้นสีขาวคดเคี้ยวไปมา เมื่อนำใบมะเขือเทศมาส่องดูจะพบหนอนตัวเล็กสีเหลืองอ่อนโปร่งแสง ใส อยู่ภายในเนื้อเยื่อใบ หากระบาดรุนแรงจะทำให้ใบเสียหายร่วงหล่นซึ่งจะมีผลต่อผลผลิตหากมะเขือเทศไม่สามารถสร้างใบทดแทนได้ก็จะตายไปในที่สุด
วิธีการป้องกันกำจัดหากพบการเข้าทำลายของหนอนแมลงวันชอนใบ สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืชแนะนำให้เผาทำลายเศษใบมะเขือเทศที่ถูกทำลายตามพื้นดิน จะช่วยลดการแพร่ระบาดได้ เนื่องจากดักแด้ที่อยู่ตามเศษใบมะเขือเทศจะถูกทำลายไปด้วย ส่วนการใช้สารฆ่าแมลงที่มีประสิทธิภาพ แนะนำให้ใช้ อีมาเมกตินเบนโซเอต 1.92% EC อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ อิมิดาโคลพริด 70% WG อัตรา 10 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ โทลเฟน ไพแรด 16% EC อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ เบตา-ไซฟลูทริน 2.5% EC อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร...โดยพ่นสารฆ่าแมลงเมื่อพบการระบาด พ่น 2 ครั้งติดต่อกันทุก 5 วัน
...
นอกจากนี้ให้เฝ้าระวังการระบาดของ โรคเหี่ยวเขียว อาการเริ่มแรกใบล่างจะเหี่ยวและลู่ลง ใบแก่ที่อยู่ด้านล่างมีอาการเหลือง และใบที่เหี่ยวจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ระยะแรกจะแสดงอาการเหี่ยวเฉพาะเวลากลางวันที่อากาศร้อนจัด ต่อมาอาการเหี่ยวจะนานขึ้นจนกระทั่งเหี่ยวถาวรทั้งวัน และอาการจะลามขึ้นไปยังส่วนยอด ขอบใบม้วนลงด้านล่าง เมื่อถอนต้นขึ้นมาพบว่ารากเกิดอาการเน่า และถ้าตัดลำต้นตามขวางแช่น้ำสะอาด ภายใน 5-10 นาทีจะมีเมือกสีขาวขุ่นไหลออกมาตามรอยตัดเป็นสายละลายปนกับน้ำ...หากอาการรุนแรงจะพบภายในลำต้นกลวง เนื่องจากเนื้อเยื่อถูกทำลายโดยเชื้อสาเหตุโรคและมะเขือเทศจะตายในที่สุด
แนวทางป้องกันกำจัด เกษตรกรควรเลือกพื้นที่ปลูกที่ไม่เคยมีการระบาดของโรคนี้มาก่อนและมีการระบายน้ำที่ดี ไถพรวนดินให้ลึกเกินกว่า 20 ซม. ตากดินไว้นานกว่า 2 สัปดาห์
พื้นที่เคยมีการระบาดของโรคสามารถฆ่าเชื้อโรคในดินโดยใช้ยูเรียผสมปูนขาว อัตรา 80 : 800 กก.ต่อไร่ หว่านลงในแปลงหลังไถพรวนดินครั้งแรก จากนั้นไถกลบและรดน้ำให้ดินมีความชื้น ทิ้งไว้ 3-4 สัปดาห์จึงเริ่มปลูกพืช พร้อมกับหมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพบต้นที่แสดงอาการของโรคให้ขุดไปทำลายนอกแปลงปลูกทันที และโรยปูนขาวบริเวณหลุมที่ขุดเพื่อป้องกันการระบาดของโรค
สำหรับอุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในการเกษตรควรฆ่าเชื้อโดยจุ่มหรือพ่นด้วย แอลกอฮอล์ 70% หรือ คลอรอกซ์ 10% ก่อนใช้ทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้มีการระบาดของเชื้อ ปรับระบบการให้น้ำ ควบคุมความชื้นในดินไม่ให้มากเกินไปเพื่อลดการเกิดโรค และไม่ควรปลูกพืชที่เป็นพืชอาศัยของเชื้อสาเหตุโรค เช่น พืชตระกูลขิง พืชตระกูลมะเขือ พริก และถั่วลิสงใกล้แปลงปลูกมะเขือเทศที่เป็นโรคเพื่อลดการแพร่ระบาดของโรค
ส่วนแปลงที่มีการระบาดของโรค หลังเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วให้นำส่วนที่เป็นโรคไปทำลายนอกแปลงปลูก และควรปลูกพืชหมุนเวียนที่ไม่ใช่พืชอาศัยของเชื้อก่อโรค เช่น ข้าวโพด ข้าว ฝ้าย ถั่วเหลืองสลับกันเป็นเวลามากกว่า 1 ปี.