นพ.อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวในการแถลงข่าว “การบริหารจัดการและแนวปฏิบัติในการจัดการมูลฝอยติดเชื้อภายใต้การแพร่ระบาดโรคโควิด-19” ว่า ขณะนี้มีปริมาณขยะติดเชื้อจากโควิด-19 เพิ่มมากขึ้น คาดว่าจะมีขยะมากที่สุดในเดือน เม.ย.นี้ เฉลี่ยประมาณ 789 ตัน/วัน ขณะที่ศักยภาพระบบการกำจัดรวมมูลฝอยติดเชื้อในภาพรวมประเทศอยู่ที่ 342.3 ตัน/วัน ทำให้เกิดขยะติดเชื้อตกค้างในหลายพื้นที่ กรมอนามัยจึงประสานความร่วมมือกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เทศบาลนครนนทบุรี และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันกำจัดขยะติดเชื้อจากโควิด ทำให้ขณะนี้มีสถานที่กำจัดขยะเพิ่มขึ้น 11 แห่ง กำจัดได้ 1,189 ตันต่อวัน เมื่อรวมกับระบบกำจัดมูลฝอยติดเชื้อเดิม ทำให้สามารถกำจัดขยะติดเชื้อได้ 1,532 ตันต่อวัน เพียงพอต่อการกำจัดขยะที่เกิดขึ้นในภาพรวม ทั้งนี้ไม่แนะนำให้ประชาชนใช้วิธีฝังกลบหรือเผาเอง ขอให้คัดแยกและนำส่งเทศบาลไปกำจัดอย่างถูกต้อง บางชุมชนที่จะเผาในเตาเผาศพนั้น หากเป็นประเภท 2 เตาสามารถทำได้เป็นครั้งคราว แต่ต้องทำความเข้าใจกับชุมชนให้ดี ที่สำคัญเตาเผาศพไม่ได้ออกแบบมาใช้เพื่อการเผาขยะ
นพ.อรรถพลกล่าวด้วยว่า ส่วนการกำจัดแบ่งเป็น 2 กรณี ได้แก่ 1.กรณีในพื้นที่หรือชุมชน มีระบบการเก็บขนมูลฝอยติดเชื้อ ให้เก็บรวบรวมแล้วเคลื่อนย้ายไปไว้ยังจุดพักขยะที่จัดไว้เฉพาะ ก่อนนำมูลฝอยติดเชื้อไปกำจัดอย่างถูกต้อง 2.กรณีในพื้นที่ที่ระบบการเก็บขนมูลฝอยติดเชื้อไม่สามารถเข้าถึงได้ให้ทำลายเชื้อก่อนนำไปกำจัดเป็นมูลฝอยทั่วไป
นายภัทรพล ลิ้มภักดี ผอ.กองบริหารงานอนุญาตโรงงาน 2 กรมแรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 8 ต.ค.2564 ให้นำขยะมูลฝอยติดเชื้อจากโควิดมาเป็นเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้า เป็นการชั่วคราว อาทิ โรงงานปูนซีเมนต์ โรงงานกำจัดขยะเฉพาะ รวมกำลังการกำจัดขยะติดเชื้อมากถึง 750 ตันต่อวัน ซึ่งจากข้อมูลสรุปจนถึงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา มีการกำจัดขยะติดเชื้อจากโควิดแล้ว 9,235.29 ตัน ทั้งนี้ โรงงานที่จะเข้ามาร่วมต้องสามารถทำลายมูลฝอยติดเชื้อได้ด้วยความร้อนอุณหภูมิ 760 องศาเซลเซียส และทำลายอากาศเสียด้วยความร้อนในอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 1,000 องศาเซลเซียส และสามารถควบคุมอากาศที่ปล่อยออกมาได้ตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อม.
...