หงส์หยก...แม้จะเป็นนกประจำถิ่นออสเตรเลีย แต่กลับถูกพัฒนาสายพันธุ์อย่างแพร่หลายในยุโรปมาเป็นเวลานาน จนได้สายพันธุ์ยอดนิยม “สายพันธุ์ฮอลแลนด์” (Budgie, Wild budgie, Australian budgerigar) แล้วนำเข้ามาเผยแพร่ในบ้านเราเมื่อกว่า 100 ปีที่แล้ว จนเรียกกันติดปาก “หงส์หยกไทย”
ด้วยเลี้ยงกันมาอย่างยาวนาน เลี้ยงง่าย ดูแลรักษาไม่ยาก โรคค่อนข้างน้อย บวกกับราคาแค่หลักร้อยบาท หาซื้อได้ทั่วไปตามตลาดสัตว์เลี้ยงสวยงาม จึงค่อนข้างได้รับความนิยม ที่สุดหงส์หยกจึงกลายเป็นเสมือน “นกครู ผู้อาภัพ” นกฝึกหัดเลี้ยงสำหรับมือใหม่ ที่จะกรุยทางไปสู่การเลี้ยงนกชนิดอื่น ทำให้หงส์หยกบ้านเราขาดการพัฒนาสายพันธุ์อย่างที่ควรจะเป็น
ในขณะที่ต่างประเทศ โดยเฉพาะยุโรปมีการพัฒนาสีสัน ลวดลายสวยสดงดงามขึ้นกว่าเก่า อันเป็นที่มาของสายพันธุ์ที่ทั่วโลกยอมรับ “English Budgerigar” นกหงส์หยกขนาดใหญ่ตัวละ 1,000-50,000 บาท (ราคาถูกแพงขึ้นอยู่ตามสายเลือดและคุณภาพตัวนก) แล้วสถานการณ์ในบ้านเราล่ะ เป็นอย่างไร???
...
“นกหงส์หยกบ้านเราซื้อง่าย ขายคล่อง เลยมีการพัฒนาสายพันธุ์กันค่อนข้างน้อย แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ของวงการนกหงส์หยกไทยกว่า 100 ปี เกิดขึ้นเมื่อต้นปีที่แล้ว ราคานกหงส์หยกในทุกภูมิภาคทั่วโลกปรับสูงขึ้นในทุกสีทุกลาย บางกลุ่มสีราคาแตะหลักหมื่นบาท จากความต้องการในตลาดที่มีสูงมากกว่ากำลังการผลิตในช่วงเวลานั้น แต่ละฟาร์มผลิตไม่ทัน ไม่พอขาย ทำให้ราคานกในตลาดบ้านเราจึงเปลี่ยนไป จากเดิมท้องตลาดนกมีราคาเท่ากันหมดทุกสีทุกลาย วันนี้ราคานกถูกแบ่งออกเป็นระดับ ตามสีสัน และการพัฒนา ส่งผลให้กลุ่มผู้เพาะเลี้ยงเริ่มหันมาใส่ใจในการพัฒนาสายพันธุ์กันมากขึ้น”
นายรุ่งโรจน์ มาสวนิช พิธีกรสัตว์เลี้ยงจิตอาสา เลขานุการสมาพันธ์นกหงส์ หยกไทยและสัตว์เลี้ยง หรือที่รู้จักกันอย่างดีในนาม “อดัมตีสิบ” เล่าถึงที่มาของพัฒนาการในการพัฒนา สายพันธุ์นกหงส์หยกไทย ที่กำลังเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น...จากสถานการณ์โลก ทำให้วงการนกหงส์หยกไทยต้องขยับตัว จากเดิมราคาจะเท่ากันหมดทุกสีทุกลาย วันนี้เปลี่ยนไปเป็นกลุ่มนกสีดั้งเดิม มีราคาถูกที่สุด ตัวละ 100-150 บาท
กลุ่มสียอดนิยมมีราคาตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักพัน อาทิ กลุ่มสีทีซีบี Texas Clear body Budgie ตัวละ 2,000–5,000 บาท กลุ่มหน้าโกลเด้น สีหน้าเหลือง 500–1,500 บาท กลุ่มสีเรนโบว์ ราคา 1,000–3,000 บาท กลุ่มสีฟอลโล่ 1,000–5,000 บาท นอกจากนั้นยังมีกลุ่มสีพัฒนา เช่น สีเอฟบี (Fallow Budgie) มีราคา 1,000 บาทขึ้นไป กลุ่มตาแดง 5,000 บาทขึ้นไป
กลุ่มแบล็กวิง เป็นกลุ่มสีพัฒนาสีใหม่ ลายปีกสีดำเข้ม ยังมีจำนวนอยู่ในโลกไม่มาก มีการนำเข้ามาขายในปัจจุบัน ราคาสูงที่สุดตัวละ 40,000-50,000 บาท
และเพื่อเป็นการผลักดันให้เกิดการพัฒนาสายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง สมาพันธ์จึงสนับ สนุนให้เกษตรกร ผู้เพาะเลี้ยง ได้มีการรวม กลุ่ม หรือตั้งกลุ่มแลกเปลี่ยนความรู้ในสื่อออนไลน์ รวมถึงจัดกิจกรรมประกวดนกหงส์หยกไทย โดยแบ่งเป็นประเภทสี หรือแบ่งเป็นเพศผู้เพศเมีย ตามแต่ละผู้จัดงานกำหนด อันจะทำให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงส่วนใหญ่ได้รับความรู้ ความเข้าใจในการพัฒนาสีสัน ลวดลาย ตามหลักกรรมพันธุ์หรือยีนที่ถูกต้อง ซึ่งจะทำให้มีโอกาสผลิตลูกนกสีที่ผู้เพาะเลี้ยงต้องการได้ หรืออาจผลิตนกที่มีสี และลวดลายใหม่ของโลกได้เช่นกัน
โดยกิจกรรมแรกของปีเตรียมจัดการประกวดนกหงส์หยกไทย ในงานไก่หรรษา ปักษาร่าเริง จัดวันที่ 12 ก.พ.นี้ ณ ศูนย์การค้าเอ็นมาร์ค พลาซ่า (Nmarkplaza) ห้างน้อมจิตต์ บางกะปิ.
กรวัฒน์ วีนิล