ก้าวสู่ปี 2022 สถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลกยังน่าเป็นห่วง ด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่ลดลงจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร เราเริ่มมองเห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่การใช้ชีวิตแบบรักษ์โลกของระดับปัจเจกบุคคลไปจนถึงภาคธุรกิจต่างๆ ที่หันมาบรรจุนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ให้ธุรกิจเติบโตไปพร้อมกับการแสดงความรับผิดชอบต่อชุมชน สังคม และโลก
หนึ่งในนั้นคือการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานสะอาดที่แปรเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าผ่านแผงโซลาร์เซลล์ที่สามารถใช้ได้ในบ้าน การเกษตร หรือโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ประหยัดค่าไฟ พื้นที่ห่างไกลก็มีไฟฟ้าใช้ โดยไม่เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
เช่นเดียวกับ บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BG (บีจี) ผู้นำด้านธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจรและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่ใส่ใจในคุณภาพและสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินนโยบายเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาตลอด 4 ทศวรรษ จึงก่อตั้ง บริษัท บีจี เอ็นเนอร์ยี่ โซลูชั่น จำกัด หรือ BGE (บีจีอี) ด้วยความตั้งใจที่จะนำพลังงานเหลือทิ้งจากกระบวนการผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วมาใช้อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งมุ่งดำเนินธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียนโดยเฉพาะ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้พลังงานจากแหล่งธรรมชาติที่สะอาดและบริสุทธิ์ เพื่อไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในอนาคต
สำหรับธุรกิจของ BGE เป็นธุรกิจพลังงานหมุนเวียนที่เกี่ยวข้องกับพลังงานต่างๆ ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy), พลังงานลม (Wind Energy), พลังงานน้ำ (Hydro Power), พลังงานชีวภาพ ชีวมวล (Bio Mass Energy), พลังงานความร้อนจากแหล่งใต้พิภพ และพลังงานความร้อนทิ้ง (Geothermal & Waste Heat Recovery)
ไม่เพียงนำพลังงานธรรมชาติและพลังงานเหลือทิ้งมาใช้อย่างคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดเท่านั้น BGE ยังดำเนินธุรกิจภายใต้นโยบายของบริษัทแม่อย่าง BG ในการช่วยเหลือสังคมอย่างรอบด้าน โดยเล็งเห็นถึงความสำคัญของพลังงานไฟฟ้าที่มีบทบาทที่สำคัญด้านการศึกษา จึงสนับสนุนโครงการ Solar Rooftop ให้แก่โรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดผ่องพลอยวิริยาราม โดยติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบบนหลังคา (Solar Rooftop) กำลังผลิตรวม 30.15 kWp ทำให้อาคารหลังนี้มีไฟฟ้าใช้ตลอดเวลา ได้ใช้เป็นสถานที่ศึกษาทางพระพุทธศาสนา และปฏิบัติธรรมของสามเณร สามารถใช้ประโยชน์ด้านสาธารณูปโภคได้ในทุกด้าน อำนวยความสะดวก ทั้งการเรียนหนังสือ การปฏิบัติธรรม และการดำเนินกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาในทุกรูปแบบ ที่สำคัญคือช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าของวัด เพราะการติดตั้ง Solar Rooftop ในครั้งนี้ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าลงเฉลี่ย 15-20% ต่อเดือน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 15,000 บาทต่อเดือน หรือประมาณ 177,400 บาทต่อปี
นอกจากนี้ในอนาคตอันใกล้ยังกำหนดเป้าหมายเพิ่มประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดการใช้ทรัพยากรให้น้อยที่สุด เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น และยังคงดำเนินงานจัดโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมเติบโตไปพร้อมกับองค์กรอย่างยั่งยืน