สถานการณ์ในรอบปีที่แล้ว “ประเทศไทย”ต้องเผชิญมรสุมปัญหารุมเร้าหนักจาก “การเมืองไทยทับซ้อนโรคระบาดโควิด-19” ที่ยังไม่มีท่าทีจะจบลงโดยง่ายส่งผลกระทบต่อสังคม และเศรษฐกิจตกต่ำดิ่งลงเหวซ้ำเติมมาตลอดปี

แล้ว...ปัญหานี้ก็มีต่อเนื่องส่งต่อมาสู่ “ปีขาล 2565” ทำให้กลายเป็น “ปีเสือดุ” ที่มีโอกาสเผชิญกับ “ภัยพิบัติทางธรรมชาติเกี่ยวกับอุบัติที่เกิดจากดิน หรือธรณีพิบัติแผ่นดินไหว” เสมือนเคราะห์กรรมเข้ามาโหมกระหน่ำซ้ำเติมให้ “คนไทย” เจอกับวิบากกรรมหนักสุดขั้วอีกปี

อันเป็นลักษณะ “ดวงบ้านเมืองปี 2565” ตามหลักการพยากรณ์โหราศาสตร์ เพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือเหตุการณ์ในอนาคตนี้ อ.ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ บอกว่า

ตามการตรวจคำนวณดวงเมืองปี 2565 “ดาวมฤตยู” ที่ถูกจัดให้เป็นดาวพระเคราะห์แห่งทุกข์อาเพศ อันเป็นดาวแห่งโทษมากกว่าให้คุณ เมื่อเคลื่อนโคจรไปจุดใด มักส่งผลให้บ้านเมืองยุ่งเหยิงแล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ สร้างสิ่งใหม่เกิดขึ้นอยู่เสมอ ที่กำลังจะโคจรอยู่ในตำแหน่ง 2 ราศีในปีนี้

...

จริงๆแล้ว...“ดาวมฤตยูโคจรมาตรงราศีเมษ” ที่เป็นดวงเมืองมาตั้งแต่ปี 2557 ในห้วงเวลานั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงจากเหตุการณ์ “คสช.ยึดอำนาจปฏิรูปประเทศ” แต่ว่าในปี 2565 ดาวมฤตยูจะโคจรอยู่ราศีเมษต่อไปจนถึงวันที่ 7 ก.ค.2565 แล้วจะโยกย้ายเข้าสู่ “ราศีพฤษภ” อันมีลักษณะเดินหน้าถอยหลังไปจนถึง 1 ธ.ค.2565...

จากนั้นก็จะโคจรถอยหลังเข้ามาสู่ราศีเมษอีกครั้งไปจนถึงวันที่ 8 มี.ค.2566 แล้วจะโคจรถอยหลังกลับเข้ามาสู่ราศีพฤษภยาวไปอีก 7 ปี

แต่ว่าในช่วงต้นปี 2565 “ดาวมฤตยูโคจรอยู่ตำแหน่งราศีเมษ” อันมีลักษณะโยกย้ายเดินหน้าถอยหลังเช่นนี้ “เป็นเกณฑ์ร้าย” ก่อให้เกิดความยุ่งยากต่อการบริหารประเทศหลายประการ ทั้งเกิดความอับโชคแก่สุขภาพอนามัยของประชาชนจนเกิดความไม่พอใจ...มีการลุกขึ้นชุมนุมประท้วงขับไล่ นัดหยุดงานกันมากมาย

คนไม่พอใจกฎหมายระเบียบเก่า เกิดการปฏิบัติการนอกกฎหมาย เกิดอาชญากรรมร้ายแรง หรือเกิดการกบฏ รัฐประหาร ส่งผลร้ายต่อ “รัฐบาล...รัฐสภาทำหน้าที่ได้ไม่ราบรื่น” จนนำไปสู่เปลี่ยนแปลงสิ่งใหม่ๆ

ถัดมานับแต่วันที่ 7 ก.ค.-1 ธ.ค.2565 “ดาวมฤตยู” ก็จะเคลื่อนโคจรย้ายมาตำแหน่ง “ราศีพฤษภ” ที่เป็นเรือนกดุมภะอันมีความหมาย “การเงิน การคลัง” เช่นนี้ “มฤตยูเป็นดาวพระเคราะห์เข้ามาอยู่เรือนการเงิน” มักทำให้ระบบการเงินผกผันผิดเพี้ยน หรือเกิดการปริวรรตเงินตราถูกเปลี่ยนแปลงไปมโหฬารตามมานี้...

ทั้งระบบการเงิน ระเบียบ วิธี และกฎหมายเกี่ยวกับการเงินตราใหม่ มีการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ในระบบการเงินการลงทุน แม้แต่ตลาดหุ้นก็อาจได้รับอิทธิพลเกิดความเสียหาย โดยเฉพาะ “นักธุรกิจยุคเก่าจะปรับตัวไม่ทัน” ฉะนั้น การจะอยู่รอดต้องรอบคอบต่อการลงทุนในธุรกิจเสี่ยงน้อยสุด

ด้วย “ดาวมฤตยู” มีความเกี่ยวกับเทคโนโลยี นวัตกรรมแล้วโคจรมาอยู่ “ราศีพฤษภ” ต้องจับตาธุรกิจนวัตกรรมใหม่ๆ มีโอกาสรุ่งเรืองแล้ว “ดาวมฤตยู” จะโคจรถอยหลังกลับมาราศีเมษอีกไปถึงวันที่ 8 มี.ค.2566

...

ประการต่อมา “พระราหู” ที่มีความหมาย “เจ้าเรือนราคะ” ที่เกี่ยวรายได้ผลประโยชน์แล้วอยู่ใน “ราศีพฤษภ หรือเรือนการเงิน” ตั้งแต่เดือน ก.ย.2563 ไปจนถึงเดือน มี.ค.2565

ในระหว่างนี้ก็จะทำให้เกิดปรากฏการณ์ราหูค้นทรัพย์ ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การคลัง การธนาคาร และปากท้องความเป็นอยู่ของประชาชนลำบากยิ่งขึ้น

กระทั่ง “ค้นเอาทรัพย์มีอยู่มาใช้หมดเกลี้ยง” ทำให้ปีที่แล้ว “รัฐบาลกู้ยืมเงินตราทั้งในประเทศ...ต่างประเทศ” เป็นหนี้สิน หนี้สาธารณะ หนี้เอกชน หนี้ครัวเรือน มีปัญหาเศรษฐกิจการเงินการคลังรุนแรง

เรื่องนี้นำมาซึ่งเหตุ “คราบสีแดงคล้ายเลือดไหลอาบองค์เทวรูปพระคลังในพระคลังมหาสมบัติ” ประดิษฐานกระทรวงการคลัง ในทางเชิงโชคลาภอาถรรพณ์ก็เกิดจาก “องค์เทพเทวดา” นิมิตแจ้งเตือน “ผู้บริหารประเทศ” ให้รู้ล่วงหน้าควรต้องระวังเพศภัยที่จะเกิดขึ้นกับการเงินการคลังของประเทศแล้ว

เพราะราหูค้นทรัพย์จะอยู่ “ราศีพฤษภ” ต่อเนื่องจนวันที่ 30 มี.ค. 2565 ก่อนเข้ามาอยู่ “ราศีเมษ” แล้วย้อนกลับมาราศีพฤษภใหม่อีก 7 ปี ดังนั้น ประชาชนต้องประหยัดรอบคอบในการใช้จ่ายเงิน เพื่อให้การดำเนินชีวิตผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้

...

ทว่าการที่ “พระราหูโคจรมาอยู่ในราศีเมษ” ก็มีการเคลื่อนเข้ามาทับลัคนาเมือง และทับอาทิตย์ในดวงเมืองอีกด้วย อันมีความหมายสำคัญเมื่อ “เจ้าเรือนราคะมาทับลัคนาภพตนุ” มักนำมาซึ่งการเปิดช่องทางการทำมาหาได้ จึงหมายถึงนำรายได้ หรือผลประโยชน์มาจากสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

เหตุว่า “พระราหูเป็นบาปพระเคราะห์” มักให้ผลในทางโมหะจริตเกี่ยวกับความมัวเมา ความมืดมิด ความลุ่มหลงอันมี “จุดเด่นอบายมุข ความสำเร็จ โชคลาภ” ฉะนั้นในปีนี้ผู้คนมักหันมุ่งหวังเกี่ยวกับเสี่ยงโชคมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ “ธุรกิจสีเทา” เริ่มกลับมาฟื้นตัวเติบโตเฟื่องฟูแพร่หลายมากยิ่งขึ้น

...

สิ่งที่น่าจับตาบางช่วง “พระราหูเคลื่อนกุมดาวมฤตยู” มักเกิดพลังรุนแรงนำมาซึ่งการสูญเสีย ตามหลักพระราหูเวียนมาราศีเมษทุก 18 ปี แล้วย้อนกลับไปดู 18 ปีก่อนก็มีเหตุสำคัญในปี 2547 เกิดคลื่นสึนามิถล่ม 6 จังหวัดฝั่งอันดามัน ฉะนั้นต้องระวังภัยจากดิน ธรณีพิบัติ เช่น แผ่นดินไหว แผ่นดินแยก แผ่นดินทรุดอีกด้วย

“พระราหูจะเคลื่อนผ่านราศีเมษมุ่งหน้าเข้าสู่ราศีมีนในวันที่ 17 ต.ค.2566 แล้วดาวมฤตยูก็ยกตัวพ้นออกจากราศีเมษในวันที่ 8 มี.ค.2566 นั่นหมายความว่าดาวบาปพระเคราะห์ทั้งหลายจะผ่านดวงเมืองออกไปหมดสิ้น ดังนั้น ความหวังอันเป็นสิ่งเลวร้ายก็จะผ่านไปด้วย นำมาซึ่งสิ่งดีๆ เข้ามาในปี 2566” อ.ภิญโญว่า

ตอกย้ำด้วย “ดาวพฤหัส” ประธานฝ่ายศุภเคราะห์โคจรมาอยู่ “ราศีมีน” ในระหว่างวันที่ 8 เม.ย.2565-19 เม.ย.2566 ที่เป็นเกษตรมีความมั่นคงเป็นปึกแผ่นถือว่าได้มาตรฐานที่ดี แต่ด้วยมีการโคจรผ่านภพที่ 12 เรียกว่า “วินาศ” ทำให้มักมีความเสียหาย วิบัติ และโรคภัยไข้เจ็บมากมายอยู่เช่นเดิม

ดังนั้น “การระบาดโควิด-19” ก็ยังไม่พ้นคลี่คลายลงในปี 2565 ทั้งยังรับอิทธิพลดาวมฤตยู พระราหู ดาวอังคาร ดาวเสาร์ ที่จะเคลื่อนย้ายผ่านดวงเมืองออกไปในปี 2566 แล้วสถานการณ์โรคภัยไข้เจ็บก็จะมีแนวโน้มคลี่คลายดีขึ้นเรื่อยๆ “ประชาชน” จำเป็นต้องประคองการใช้ชีวิต...รักษาสุขภาพป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด

แต่ความโชคร้ายนี้ยังเป็นตัวช่วยส่งเสริมกิจการสถานพยาบาล โรงพยาบาลมีการเติบโตอย่างมากรวมถึง “องค์กรการกุศลทั้งหลาย” จะสามารถเรี่ยไรรับบริจาคเงินในการเข้าช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากเฟื่องฟูมากขึ้น โดยเฉพาะ “เรือนจำ สถานที่บำบัดโรค โรงงาน” ที่จะได้รับการปรับปรุงให้มีสภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม

ส่วนดาวเด่นในปีนี้ “ดาวมฤตยู” เน้นธุรกิจนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ “พระราหู” เน้นเรื่องโชคลาภ การพนันขันต่อ ธุรกิจสีเทา “ดาวเสาร์” ที่เกี่ยวกับการทำธุรกิจอสังหาทรัพย์มีโอกาสดีในช่วงต้นปี “ดาวพฤหัส” ก็ดีช่วงต้นปีเกี่ยวกับกิจการสถานพยาบาล วงการแพทย์ การศึกษา กฎหมาย ความศรัทธาจะเฟื่องฟูยิ่งขึ้น

นี่เป็นคำพยากรณ์สิ่งที่จะเกิดในปี 2565 ตามหลักโหราศาสตร์ “ดวงเมือง” มีทั้งเรื่องดีเรื่องร้ายที่กำลังจะลุกเป็นไฟนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่เร็วๆนี้ ชวนให้ติดตามจริงๆ.