ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า การรณรงค์ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในคนไทยเป็นไปตามเป้า เรามีวัคซีน 6 ล้านโดส และฉีดไปแล้วเกือบ 5 ล้านโดส แต่ปัญหาใหญ่ที่พบคือ ประชาชนยังเข้าใจว่าฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วต้องเว้นระยะห่างอีกหลายวันจึงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด ขณะนี้กรมควบคุมโรคได้ออกคำแนะนำว่า การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่สามารถฉีดร่วมกันกับวัคซีนโควิด-19 ได้ และสิ่งที่ยังเข้าใจคลาดเคลื่อนคือ คนยังเข้าใจว่า ฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วจะป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ ซึ่งความจริงแล้วทั้ง 2 โรคนี้เป็นไวรัสคนละสายพันธุ์กัน ฉีดวัคซีนโควิด-19 ก็ป้องกันโรคโควิด-19 ถ้าจะป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ก็ต้องมาฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ด้วย ซึ่งการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในปีนี้ ได้ขยายการฉีดให้ครอบคลุม 10 กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งจะเห็นได้ว่า เราเปิดกว้างมาก เพื่อรณรงค์ให้คนไทยไม่ติดทั้งโรคโควิด-19 และโรคไข้หวัดใหญ่ เพราะการเป็นไข้หวัดใหญ่ ถ้าคนร่างกายไม่แข็งแรง เมื่อเป็นแล้วจะมีอาการหนัก ถึงเข้าโรงพยาบาลได้

“วิธีการปฏิบัติตัวก่อนรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ จะมีข้อห้ามน้อยง่ายกว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยเมื่อมาถึงหน่วยบริการ ก็จะมีการคัดกรองที่หน้างาน ส่วนเรื่องความดัน สำหรับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไม่มีส่วนสัมพันธ์กัน ซึ่งสามารถฉีดได้ เพียงแต่คนที่มีความดันโลหิตสูงและมีอาการหน้ามืด หายใจไม่สะดวกในวันที่จะฉีด ก็อาจเว้นการฉีด หรือมีไข้ ก็เว้นไปก่อน ส่วนคนที่จะฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่กับวัคซีนโควิด-19 พร้อมกัน จะเน้นการคัดกรองของวัคซีนโควิด-19 เป็นหลักคือ คัดกรองประวัติ ก่อนรับวัคซีนเสมอ โดยแพทย์ พยาบาล จะสอบถามประวัติ เช่น มีไข้หรือไม่ มีความดันสูงหรือไม่ มีโรคประจำตัวหรือไม่ ซึ่งเป็นไปตามข้อห้ามของการฉีดวัคซีนโควิด-19 เมื่อผ่านการคัดกรองแล้ว ถ้าฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ก็ฉีดได้เช่นกัน” ทพ.อรรถพรกล่าว

...

สำหรับการฉีดวัคซีนของบุคลากรในองค์กรต่างๆนั้น รองเลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า หน่วยงานหรือองค์กร สามารถประสานมาที่ สปสช.ได้หากมีวัคซีนเพียงพอ สปสช.ก็จะให้บริการโดยให้หน่วยบริการที่อยู่ในระบบ สปสช. มาให้บริการ ส่วนประชาชนทั่วไป ที่ต้องการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ สามารถเข้าแอปเป๋าตัง ค้นหาหน่วยบริการ หรือโทรศัพท์มาสอบถามที่ สายด่วน สปสช.1330 จะมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำหน่วยบริการที่รับวัคซีนที่ใกล้บ้านที่สุด และการฉีดวัคซีนก็จะฉีดให้ตามกลุ่มเสี่ยงต่างๆ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ และให้บริการทุกสิทธิการรักษาพยาบาลของรัฐ.