ทั้งที่ไทยเป็นต้นแบบการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมกุ้งในเวียดนามแท้ๆ เรามีความพร้อมทั้งด้านสายพันธุ์ เทคโนโลยีการเลี้ยง...แต่กลับต้องสูญเสียความเป็นเบอร์ 1 ของผู้ผลิตกุ้งให้เวียดนามไปอย่างน่าเสียดาย

หลายคนคงมองไปทิศทางเดียวกัน คิดแล้วมันน่าโมโห...ปฏิเสธไม่ได้เลย ความสำเร็จก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมกุ้งเวียดนามเกิดจาก “ภาครัฐ” เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ

ขณะที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสถาบันการเงินเดินตามเมื่อเห็นว่ามาถูกทาง ทำให้ทุกองคาพยพก้าวไปพร้อมกัน
เวียดนามกล้าที่จะประกาศแล้วลงมือทำทันที ต่างจากบ้านเราเก่งประกาศ จะเป็นฮับนั่นโน่นนี่ แต่สุดท้ายขาดความต่อเนื่อง ไร้ความจริงจัง เลยยังแทบไม่ได้เป็นสักฮับ

ที่สำคัญไม่หยุดอยู่กับที่ กล้าจะลองถูก ไม่ลองผิดลองถูกแบบที่คนไทยชอบใช้ เพราะสิ่งที่ถูกผ่านการทดสอบมาแล้วว่าได้ผลจริง ที่เหลือแค่นำมาประยุกต์ให้เข้ากับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่นเท่านั้นเอง

ส่วนภาครัฐของไทย กรมประมง เป็นผู้มีบทบาทสำคัญที่สุดในการผลักดันส่งเสริมการเลี้ยงกุ้งให้มีประสิทธิภาพ มีต้นทุนต่ำ เพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขันของกุ้งไทย

แต่ทั้งหมดทั้ง มวลต้องเริ่มจากวางทิศทางของอุตสาหกรรมกุ้งให้ชัดเจนเหมือนที่เวียดนามเคยใช้ รวมถึงกระจายนโยบายลงสู่การปฏิบัติให้ตลอดห่วงโซ่การผลิต

พร้อมกับควรเป็นผู้นำในการแก้ปัญหาอุปสรรคต่างๆ เช่น โรคกุ้งที่ทำให้ผลผลิตเสียหาย หรือมาตรการที่จะเชิญชวนให้เกษตรกรใช้ระบบการผลิตที่เหมาะสม การสนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งทุน รวมถึงการร่วมปรับปรุงแผนการผลิตกุ้งให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ของทั้งในและนอกประเทศ

การจะทวงบัลลังก์เบอร์ 1 ของโลกกลับคืนมา ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ภาครัฐในระดับนโยบายต้องวางทิศทางอุตสาหกรรมให้ชัดเจน และทำร่วมกันอย่างจริงจังทั้งองคาพยพเหมือนเวียดนาม นั่นฝันนั้นถึงจะเป็นจริงขึ้นมาได้.

...

สะ–เล–เต