มาว่ากันต่อถึงเทคโนโลยีหมักน้ำส้มสายชู (Cider vinegar) ที่พัฒนาโดยไบโอเทคและภาคเอกชนจนได้กระบวนการผลิตที่ง่าย มีต้นทุนต่ำ เกษตรกรผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเข้าถึงการแปรรูปสินค้าเกษตรเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มได้...กระบวนการนี้มีวิธีการอย่างไร

ระบบของการหมักเป็นแบบแยกยูนิต ประกอบด้วย ถังหมักพลาสติกชนิด food grade ขนาด 100 ลิตร 4 ถัง สามารถผลิตน้ำส้มสายชูหมักได้ประมาณ 280 ลิตร

เป็นเทคโนโลยีที่มีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง ผู้ผลิตสามารถปรับเพิ่มหรือลดจำนวนถังหมักและระบบให้อากาศให้สอดคล้องกับปริมาณการผลิตที่ต้องการได้...ที่สำคัญกระบวนการเตรียมหัวเชื้อจุลินทรีย์ และอุปกรณ์การผลิตยังมีราคาถูก ใช้งานง่าย ไม่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญคอยควบคุมการผลิต

ต้นทุนการผลิตเลยถูกกว่าเทคโนโลยีที่นำเข้าจากต่างประเทศมาก สำคัญที่สุดคือน้ำส้มสายชูหมักจากมังคุดที่ผลิตได้ คุณภาพดีทั้งกลิ่นและรสชาติ คุณภาพสม่ำเสมอตามมาตรฐาน สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้มังคุดได้กว่า 50 เท่า

ทั้งนี้ ความพิเศษของน้ำส้มสายชูหมักจากมังคุด นอกจากสรรพคุณหลักของกรดแอซิติก ช่วยเสริมประสิทธิ ภาพการย่อยอาหาร ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดแล้ว

ยังได้สารสำคัญจากมังคุดเป็นผลพลอยได้ เช่น สารต้านอนุมูลอิสระ สารต้านการอักเสบ และสารอื่นๆที่ส่งผลดีต่อสุขภาพอีกด้วย

และเทคโนโลยีนี้สามารถประยุกต์ใช้กับวัตถุดิบการเกษตรไทยได้หลากหลาย โดยได้ขยายผลการใช้งานเทคโนโลยีนี้ในสับปะรดให้แก่บริษัท ซินอา บริว จำกัด และในอนาคตไบโอเทคยังมีแผนพัฒนาต่อยอดไปสู่กระเทียมดำ, ผลเชอร์รีกาแฟ, อ้อย ฯลฯ

นับเป็นอีกเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นโดยนักวิจัยไทย เปิดโอกาสให้เกษตรกรยกระดับเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร ลดการสร้างของเสีย ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ที่สำคัญช่วยป้องกันผลผลิตล้นตลาดได้เป็นอย่างดี.

...

สะ–เล–เต