อ.ธรณ์ ให้ความรู้ปัญหา "ไมโครพลาสติก" ในท้องทะเลไทย มีโอกาสย้อนกลับมาหามนุษย์ แนะคนตื่นตัวช่วยกันรณรงค์เก็บขยะ

วันที่ 20 ตุลาคม 2564 ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat เกี่ยวกับ "ไมโครพลาสติก" ในท้องทะเลไทยและในแม่น้ำ

โดยระบุว่า นับจากเริ่มเกิดโควิด ปริมาณขยะใช้แล้วทิ้ง/ขยะติดเชื้อของเมืองไทยเพิ่มสูงขึ้นมาก เมื่อฝนตกน้ำท่วมหลายพื้นที่ กองขยะหลายแห่งก็ลอยไปกับน้ำ ก่อนลงมาสู่ทะเลในที่สุด การแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ง่ายเลย แต่อย่างน้อยหลายฝ่ายก็พยายามช่วยกันรณรงค์ หรือจัดกิจกรรมเก็บขยะดูแลโลกเท่าที่ทำได้

วันนี้ผมจึงอยากนำเรื่อง "ไมโครพลาสติกในทะเลไทย" มาเล่าให้ฟัง เผื่อจะนำไปใช้ประโยชน์หรือเป็นข้อมูลพื้นฐานได้ครับ

เริ่มจาก "ขยะพลาสติก" จะมีการแตกตัว กลายเป็นพลาสติกจิ๋วที่รู้จักในนาม "ไมโครพลาสติก" (เล็กกว่า 0.5 มิลลิเมตร) ไมโครพลาสติกพบได้ทั่วไป ไม่ใช่เฉพาะในทะเล ในแม่น้ำก็มี และมีเยอะด้วย เพราะปริมาตรน้ำในแม่น้ำมีน้อยเมื่อเทียบกับทะเล จึงไม่น่าแปลกใจที่การศึกษาทั่วโลกพบข้อมูลสอดคล้องกัน หากนับจำนวนชิ้นต่อลูกบาศก์เมตร หรือต่อพื้นที่ตารางกิโลเมตร ในแม่น้ำมีมากกว่าในทะเล

เมื่อขยะพลาสติกลอยลงทะเล การแตกตัวก็แตกต่างกัน ในบริเวณชายฝั่ง ขยะโดนคลื่นปะทะกับพื้น การแตกตัวย่อมมีสูงขึ้น นอกจากนี้ หากเป็นแพขยะ เช่น แพใหญ่ๆ ของโลกทั้ง 5 แห่ง ขยะจะชนกันไปมา
ปริมาณไมโครพลาสติกตามแพขยะจะมีสูงกว่าพื้นที่น้ำทะเลรอบๆ อย่างเห็นได้ชัด ยังรวมถึงขยะและไมโครพลาสติกบางส่วนที่จมลงบนพื้น เกิดการสะสมเพิ่มขึ้นตามเวลาผ่านไป แม้แต่ในทะเลลึกหลายพันเมตร ปัจจุบันมีรายงานการพบขยะพลาสติกเช่นกัน

...

เมื่อสัตว์น้ำกินไมโครพลาสติกเข้าไป จะเข้าสู่วงจรห่วงโซ่อาหาร และย้อนกลับเข้ามาหาเรา ผลที่เกิดขึ้นอาจมีหลายประการ เช่น การสะสมโลหะหนักในไมโครพลาสติก ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกกำลังศึกษากันอยู่

สำหรับในเมืองไทย คณะประมง มก. ได้รับความสนับสนุนจากบริษัท GC จัดทำหน่วยต่อต้านขยะทะเล ตั้งแต่ก่อนโควิด

เราเน้นเรื่องการวิเคราะห์ไมโครพลาสติกทั้งในน้ำ ในดินตะกอน และในสัตว์น้ำ เราทำงานวิจัยกับหลายหน่วยงาน วิเคราะห์ไมโครพลาสติกด้วยเครื่อง FTIR ไปแล้วมากกว่า 1 หมื่นตัวอย่าง เรียกได้ว่ามากสุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคอาเซียน ยังรวมถึงการทำงานร่วมกับ Ocean for Life (ปตท.สผ.) ศึกษาไมโครพลาสติกในพื้นที่ห่างไกลฝั่ง เราขอแรงพี่ๆ เจ้าหน้าที่ตามแท่นผลิตปิโตรเลียม 3 แหล่งในอ่าวไทย เพื่อเก็บตัวอย่างไมโครพลาสติกอย่างต่อเนื่อง

ผลสุดท้ายคือแผนที่ซึ่งผมนำมาแสดงให้ดู ยังลงรายละเอียดเป็นจำนวนตัวเลขไม่ได้ เพราะหลายโครงการอยู่ระหว่างการนำเสนอเปเปอร์ทางวิชาการ แต่เอาแค่แผนที่นี้คงพออธิบายภาพรวมให้เข้าใจ และนำไปบอกต่อได้บ้าง

เริ่มจากช่วงเวลา นี่คือข้อมูลช่วงปี 62-64 จะใช้เป็นฐานข้อมูลต่อไปในอนาคต เรื่องขยะทะเลต้องมีการติดตามความเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ มันคล้ายกับเรื่องโลกร้อน จะรีบเร่งทำหนเดียวตอบได้ทุกอย่าง คงเป็นไปไม่ได้ การเก็บข้อมูลใช้เครื่องมือ Manta ที่เคยได้รับความสนับสนุนจากเพื่อนธรณ์ โดยใช้วิธีเก็บ/วิเคราะห์แบบเดียวกัน

คราวนี้มาถึงผลบ้าง จุดแดงในแผนที่มีอยู่แห่งเดียวคือแม่น้ำเจ้าพระยา หลายหน่วยงานทำในพื้นที่นี้ ข้อมูลที่ได้สอดคล้องกันคือในแม่น้ำมีมากกว่าในทะเลเยอะเลย เมื่อเทียบกับต่างประเทศ ของเราใกล้เคียงแม่น้ำในยุโรป จะมากกว่าก็นิดหน่อย แต่น้อยกว่าแม่น้ำในจีนบางแห่งอยู่ค่อนข้างเยอะ ตอนนี้ทราบว่าหลายหน่วยกำลังศึกษาในแม่น้ำอื่น เช่น ม.แม่ฟ้าหลวงทำที่แม่โขง เอาไว้สักวันคงมีโอกาสประชุมเรื่องขยะ/ไมโครพลาสติกในแม่น้ำร่วมกัน

ในส่วนที่ลงทะเล จุดเหลืองคือทะเลชายฝั่ง ฝั่งตะวันออกคือชลบุรี ฝั่งตะวันตกคือชุมพร อันดามันคือตรัง
อันที่จริง เราทำไว้มากกว่านี้ แต่ผมเอามาเฉพาะที่วิเคราะห์แล้ว ชายฝั่งเป็นพื้นที่ซึ่งขยะพลาสติกแตกตัวเยอะเพราะคลื่นลม ยังรวมถึงไมโครพลาสติกที่ไหลลงมาตามแม่น้ำลำคลอง

จึงไม่น่าแปลกใจที่ชายฝั่งมีมากกว่าตามเกาะห่างฝั่ง ยิ่งมากกว่าแท่นปิโตรเลียมกลางทะเล แต่ฝั่งตรังมีน้อยกว่าพื้นที่อื่น อาจเป็นเพราะกระแสน้ำมีส่วน อีกทั้งบริเวณที่เราเก็บอยู่บนรอยต่อกระบี่/ตรังที่ไม่มีเมืองใหญ่ และเหตุผลอื่นๆ ที่ต้องตามศึกษาต่อไป มาถึงสีเขียว เกาะเต่ากับโลซินใกล้เคียงกัน ถือว่ามีน้อยเพราะไกลฝั่งไกลแหล่งกำเนิดขยะพลาสติก

แม้เกาะเต่าจะเป็นเกาะท่องเที่ยว แต่ปริมาณยังน้อย หากช่วยกันบริหารจัดการขยะให้ดี โดยเฉพาะช่วงเริ่มฟื้นการท่องเที่ยว ที่นี่ยังเป็น Green Tourism ได้อย่างดี โดยมีข้อมูลวิชาการประกอบเพื่อยืนยัน

สุดท้ายคือแท่นผลิตปิโตรเลียม อยู่ไกลฝั่งไมโครพลาสติกน้อยแน่นอน แต่เมื่อเทียบกับพื้นที่ในแปซิฟิก บอกได้ว่าเยอะกว่ากลางมหาสมุทรครับ (ยกเว้นตามแพขยะ) ว่าง่ายๆ คือไม่มีที่ใดในทะเลไทยที่รอดพ้นไมโครพลาสติก ขยะทะเลส่งผลไปถึงจุดไกลชายฝั่งมากสุด แต่อย่างน้อย เมื่อผมลองเทียบข้อมูลไทยกับต่างประเทศ พอบอกได้ว่ายังไม่ถึง Red Alert

ปัญหาสำคัญคือขยะพลาสติกต้องใช้เวลาแตกตัว ขยะทะเลที่ลงไปในช่วงโควิด/ช่วงนี้/ช่วงต่อไป ยังไม่ปรากฏผลชัดเจนในรูปแบบไมโครพลาสติก เพราะฉะนั้น เรายังวางใจอะไรไม่ได้เลย อันที่จริง เป็นช่วงที่เราควรจะต้องรีบเร่งแก้ไขในทุกทางจึงนำเรื่องนี้มาบอกเล่ากัน เผื่อวันนี้พรุ่งนี้ จะช่วยลดขยะใช้แล้วทิ้ง ช่วยกันแยกขยะหาทางรีไซเคิลเท่าที่ทำได้ ยังอยากเขียนเพื่อให้กำลังใจหลายต่อหลายคน ผู้ยังพยายามจัดกิจกรรมหาทางลดขยะอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ในช่วงโควิดที่ทำลำบาก

...

ขอบคุณทุกการกระทำ ผลอาจไม่เห็นกับตาในวันนี้ แต่มีผลแน่นอนในวันหน้า ส่งกำลังใจให้ทุกท่านที่ช่วยกัน ตั้งแต่ระดับนโยบายลงมาจนถึงเด็กน้อยผู้เก็บขยะสักชิ้นกับคุณพ่อคุณแม่ครับ.

ข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat