นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า เขตทะเลชายฝั่งตามพระราชกำหนดการประมง 2558 เดิมมีการกำหนดออกเป็น 2 รูปแบบ 1) เขตทะเลชายฝั่งนับจากแนวชายฝั่งทะเลออกไปสามไมล์ทะเล และ 2) เขตทะเลชายฝั่งตามที่ได้ออกกฎกระทรวงกำหนดเป็นการเฉพาะที่มีระยะตามที่กฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่งให้มีระยะนับจากแนวชายฝั่งทะเลออกไปน้อยกว่าหรือมากกว่าสามไมล์ทะเล มี 9 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ ชลบุรี ตรัง ตราด พังงา ภูเก็ต ระนอง สตูล และสุราษฎร์ธานี

“แต่จากการบังคับใช้กฎหมายที่ผ่านมา เราพบว่ายังคงมีเขตทะเลชายฝั่งที่มีลักษณะเป็นเส้นโค้งเว้า ทำให้เกิดความไม่ชัดเจนของพื้นที่ทำการประมง ส่งผลให้ชาวประมงได้รับความเดือดร้อน เกิดความขัดแย้งระหว่างประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ เนื่องจากมีการเข้าไปทำการประมงในเขตทะเลชายฝั่งโดยไม่ตั้งใจ และยังขาดการมีส่วนร่วมในการกำหนดเขตอย่างแท้จริง เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น กรมประมงจึงได้ดำเนินการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง โดยจะยกเลิกฉบับเดิมทั้งหมด และจะออกกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่งฉบับใหม่ ระบุเส้นแบ่งเขตชายฝั่งทะเลเป็นรายจังหวัด ทั้ง 23 จังหวัดชายทะเล เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพที่เป็นจริงของพื้นที่แต่ละจังหวัด”

...

นายบัญชา เผยอีกว่า สำหรับข้อกำหนดที่จะออกมานี้ ได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในแต่ละพื้นที่ และผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการประมงประจำจังหวัดเรียบร้อยแล้ว โดยในกฎกระทรวงฉบับใหม่นี้ มีการกำหนดให้เขตทะเลชายฝั่งเป็นเส้นตรง ลากผ่านจุดพิกัดทำให้ชาวประมงเดินเรือได้ง่ายและพนักงานเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายได้ชัดเจนด้วย

“กรณีที่เป็นพื้นที่เขตทะเลชายฝั่งทับซ้อนกับเขตอุทยานแห่งชาติหรือเขตที่กำหนดตามกฎหมายอื่น ให้ชาวประมงที่ทำการประมงหรือการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในเขตทะเลชายฝั่ง ต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้ให้ครบถ้วนด้วย การกำหนดเขตทะเลชายฝั่งมิใช่แค่แก้ไขความขัดแย้งของชาวประมงเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อการบริหารจัดการทรัพยากรในแต่ละพื้นที่ภายใต้บริบทของวิถีการทำประมงในพื้นที่นั้นๆ เพื่อความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เน้นย้ำในเรื่องของการบริหารจัดการการทำประมงให้เกิดความยั่งยืนควบคู่ไปกับความมั่นคงในการประกอบอาชีพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพี่น้องชาวประมง ขณะนี้การออกกฎกระทรวงฉบับใหม่นี้อยู่ระหว่างการนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบเสียก่อนถึงจะประกาศใช้ได้” รองอธิบดีกรมประมงกล่าว.