สธ.เผย ผลชันสูตรเด็กวัย 12 เสียชีวิต สันนิษฐานจากเบาหวานเรื้อรังแทรกซ้อน ยัน ไม่เกี่ยวฉีดไฟเซอร์ เผย ยอดนักเรียนประสงค์ รับไฟเซอร์ 3.6 ล้านราย เตรียมจัดส่ง เริ่มฉีด 4 ต.ค.
วันที่ 1 ต.ค. ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โรคโควิด 19 และการฉีดวัคซีนในเด็กนักเรียน ว่า วันนี้มีผู้ป่วยรักษาหาย 12,473 ราย ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 11,754 ราย เสียชีวิต 123 ราย ภาพรวมทั้งประเทศการติดเชื้อมีแนวโน้มลดลง ส่วนจังหวัดชายแดนใต้ยังเพิ่มขึ้น รวมถึงเรือนจำที่วันนี้มีรายงาน 501 ราย สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ของวันที่ 30 กันยายนที่มีการรายงานเข้ามา 2.28 ล้านโดสนั้น เป็นการนำข้อมูลจากการระดมฉีดวัคซีนตั้งแต่วันมหิดล 24 กันยายน ซึ่งมีการฉีดเชิงรุกและฉีดในชุมชนรวม 1,700,523 โดส รวมกับการฉีดของวันที่ 30 กันยายน จำนวน588,205 โดส รวมเป็น 2,288,728 โดส
นพ.เฉวตสรรกล่าวต่อว่า สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ในนักเรียน ขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการได้แจ้งตัวเลขนักเรียนทั่วประเทศในฐานข้อมูลจำนวน 5,048,000 ราย โดยผู้ปกครองแสดงความจำนงให้บุตรหลานฉีดวัคซีน 3,618,000 กว่าราย คิดเป็นร้อยละ 71 สำหรับการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ล็อตแรก 2 ล้านโดส จะกระจายให้ทุกจังหวัด โดยสัดส่วนวัคซีนจะพิจารณาความพร้อมของแต่ละจังหวัดด้วย และจะส่งให้ครบภายในเดือนตุลาคมซึ่งจะมีวัคซีนไฟเซอร์เข้ามาอีก 8 ล้านโดส จะเริ่มฉีดวัคซีนวันที่ 4 ตุลาคมนี้ตามความพร้อม และไม่มีระยะเวลาสิ้นสุดของการฉีดวัคซีน เนื่องจากอาจมีผู้แสดงความจำนงขอฉีดเพิ่มก็จะดำเนินการฉีดให้ ไม่เสียสิทธิแต่อย่างใด สถานที่ฉีดสามารถฉีดได้ทั้งที่สถานศึกษาและโรงพยาบาล โดยขอให้บริหารจัดการคิวไม่ให้มีความแออัด
...
สำหรับการติดตามเฝ้าระวังอาการและความปลอดภัยใช้ระบบเดียวกับผู้ใหญ่ โดยมีการเฝ้าระวังอาการแพ้รุนแรงช่วง 30 นาทีแรกหลังฉีด และมีการติดตามอาการต่อเนื่องอีก 30 วัน โดยกรณีข้อกังวลเรื่องภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบนั้น อัตราการเกิดต่ำมาก แต่ขอให้สังเกตอาการ คือ แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก หอบเหนื่อยง่าย ใจสั่น หมดสติ เป็นลม หรือรู้สึกอ่อนเพลียผิดปกติ หากมีอาการเหล่านี้ให้รีบมารับการรักษา เพื่อให้การดูแลรักษาอย่างถูกต้อง เนื่องจากอาการเหล่านี้อาจเกิดจากภาวะอื่นได้ และข้อปฏิบัติภายใน 7 วันหลังฉีดวัคซีน ไม่แนะนำเรื่องออกกำลังกายหนักๆ เพราะจะทำให้หัวใจต้องทำงานเพิ่มขึ้น และความรู้สึกเหนื่อยจากออกกำลัง อาจทำให้กังวลและไม่แน่ใจว่าเป็นผลจากวัคซีนหรือไม่
ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ยังฉีด 2 เข็ม ระยะห่าง 3-4 สัปดาห์ ส่วนข้อเสนอการฉีดวัคซีนในเด็กผู้ชายเพียงเข็มเดียว จะมีการพิจารณาข้อมูลทางวิชาการ หากมีการปรับเปลี่ยนจะดำเนินการให้ทันก่อนฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ส่วนกลุ่มเด็กประถมอายุต่ำกว่า 12 ปีที่ยังไม่อยู่ในเกณฑ์การรับวัคซีน ข้อแนะนำคือใช้มาตรการป้องกันตนเอง สวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง หากดำเนินการได้ดีก็ยังสามารถทำกิจกรรมการเรียนการสอนได้
นายแพทย์เฉวตสรร ยังกล่าวถึง กรณี การฉีดวัคซีนให้กับเด็กนักเรียน มีระบบเฝ้าระวังเพื่อความปลอดภัยต่อเนื่องเหมือนกับผู้ใหญ่ ฉะนั้นผู้ปกครองไม่ต้องกังวลว่า จะมีระบบติดตามหลังการฉีดอย่างไร แต่เพื่อให้เกิดความมั่นใจ กระทรวงสาธารณสุขและเครือข่ายโรงพยาบาล กำลังจะมีหนังสือแจ้งไปเพิ่มเติมว่า หลังจากฉีดวัคซีนหากมีนักเรียนมีอาการผิดปกติมาแจ้ง ให้รีบดูแลรักษาให้ถูกต้อง
สำหรับอาการเฝ้าระวังนักเรียนที่ฉีดวัคซีน mRNA คือ อาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ แต่เป็นอัตราที่ต่ำ อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นอัตราที่ต่ำ เราก็เห็นว่า ควรจะต้องเตรียมการเรื่องนี้ให้ดี โดยอาการที่ต้องเฝ้าระวังหลังฉีด ได้แก่ แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก หอบเหนื่อยง่าย ใจสั่น หมดสติ เป็นลม อีกทั้งภายใน 7 วัน หลังการฉีดควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ เพราะจะแยกไม่ได้ว่าเป็นผลจากการฉีดวัคซีนหรือไม่
นายแพทย์เฉวตสรร ยังชี้แจงเพิ่มเติม กรณีเด็กชายวัย 12 ปี มีโรคประจำตัวเสียชีวิตหลังการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ว่า โดยสรุปไม่ได้เสียชีวิตจากวัคซีน เพราะผู้เสียชีวิตฉีดวัคซีนไฟเซอร์วันที่ 24 กรกฎาคม ต่อมาวันที่ 12 สิงหาคม เริ่มมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ไม่มีอาการมือสั่น ไม่มีไข้ ไม่เหนื่อยง่าย อีกทั้งระยะห่างการฉีดวัคซีนกับวันที่เริ่มมีอาการ มีระยะเวลาถึง 3 สัปดาห์ ซึ่งเมื่อเสียชีวิตวันที่ 13 สิงหาคม วันที่ 14 สิงหาคม ได้ตรวจชันสูตร จากการตรวจชิ้นเนื้อไม่พบอาการอักเสบที่หัวใจ แต่พบระดับน้ำตาลในสารน้ำลูกตามีสูงมากกว่า 700 สาเหตุการตายจึงสันนิษฐานว่า เกิดจากภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานเรื้อรัง