"มนัญญา" ประกาศตามล่า "มาเฟียนมโรงเรียน" เล็งรื้อมติ ครม.ปี 62 ที่ให้แค่ อ.ส.ค.เป็นคู่สัญญาซื้อขาย ส่วน "กรมปศุสัตว์" มีหน้าที่แบ่งโควตาให้เอกชน 70 ราย ตั้งคำถาม ทำไมไม่ให้สหกรณ์โคนมทั่วประเทศ มีสิทธิ์เข้าร่วม แนะให้ ศธ.ชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อเคลียร์ปัญหา
เมื่อวันที่ 23 ก.ย.64 น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีโกงนมโรงเรียนว่า ตนได้รายงานนายกฯแล้ว นายกฯ ให้ทำการตรวจสอบ วันนี้ได้แจ้งให้กับหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้เตรียมเอกสารทั้งหมด โดยวันจันทร์ที่ 27 ก.ย.นี้ เวลา 13.00 น.ที่กระทรวงเกษตรฯ เรื่องนี้องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ไม่ได้ทำตามลำพัง เพราะเรื่องนี้เป็นมติ ครม.ตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งไม่เข้าใจว่ามติ ครม.ทำไมออกมาแบบนี้ เราไม่เข้าใจ ทำไมจะต้องมีสัญญากับ อ.ส.ค. ทำไมไม่ทำสัญญาโดยตรงกันเลย ทำไมเอา อ.ส.ค.มาเป็นหัว คงเข้าใจว่า อ.ส.ค.เป็นนมที่มีคุณภาพ คุณก็ต้องซื้อจากนมที่มีคุณภาพ สหกรณ์หนองโพมีสิทธิ์ สหกรณ์ต่างๆ สามารถเสนอนมโรงเรียนได้ ไม่ใช่มากำหนดว่าจะต้องเป็นอันนี้และเป็นเจ้านี้ ส่วนผู้ยื่นเข้าไปขอจากกรมปศุสัตว์ 70 บริษัท เคยเข้าไปตรวจหรือไม่
น.ส.มนัญญา กล่าวต่อว่า เรื่องนี้จะต้องมีกรมปศุสัตว์มาเข้าร่วมประชุมด้วยว่า การเปลี่ยนแปลง มติ ครม.ทำไมถึงมีการเปลี่ยนแปลง ทำไม อ.ส.ค.ต้องเป็นคู่สัญญา และทำไมถึงต้องมาทำเชื่อมให้มาเป็นบริษัทต่างๆ ด้วย การแบ่งโควตาเป็นกรมปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์คือ การแบ่งโควตา และกรมปศุสัตว์ไปตรวจสอบดูหรือไม่ว่า การแบ่งโควตาที่จะได้มาซึ่งเสนอมาแบบนี้ คือ งบประมาณนี้ให้กับเกษตรกร อันดับ 1 คือเด็กจะต้องมีนมที่มีคุณภาพ และช่วยเหลือเกษตรกรที่เลี้ยงโคนม ซึ่งบอกนมล้นนู่นนี่อะไรต่างๆ แต่เวลาแบ่งโควตา เคยเข้าไปลงลึกถึงตรงนั้นหรือไม่ และเคยไปดูไหมว่าคุณภาพของนมที่เอามาให้กับเด็ก มันมีคุณภาพขนาดไหน ผลิตอย่างไร มีการเลี้ยงโคอย่างไร และในกล่องมีคุณภาพ มีโปรตีน มีไขมันเท่าไร ถ้าทำการตรวจสอบจริงๆ คือ จะต้องล้างกันทั้งระบบเลย ได้ข่าวว่ามาเฟียเยอะ มาเฟียนม มาเฟียโรงนม
...
"มติมันมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อปี 2562 และอยากจะรู้นักว่า ทำไมต้องผ่านมติ ครม.บริษัทไหนรับ ที่เขาทำกันทั่วๆ ไปบริษัทในสัญญาเวลาเขาเขียนจะแยกออกมา อย่างบริษัทรับเหมา สัญญามันต้องเขียนบอกเลยว่า สามารถที่จะไปรับช่วงได้ แต่มติ ครม.ออกมาปี 2562 ว่า อ.ส.ค.ซึ่งเป็นผู้ผลิตนมรายใหญ่ระดับประเทศ ไม่ผสมนมผง แต่วันนี้ อ.ส.ค.เป็นแค่ผู้ทำตามคำสั่งของคณะอนุกรรมการนมโรงเรียน มันออกมาเป็นว่ามี อ.ส.ค.ทำสัญญาเดียวในประเทศไทย กรมปศุสัตว์ที่มีตำแหน่งเป็นเลขานุการคณะกรรมการนมโรงเรียน จะมามอบให้กับบริษัทไหนเป็นผู้ประกอบการซื้อขาย อ.ส.ค.ก็มีหน้าที่แค่ว่าขายหัวให้เฉยๆ ประเภทรายหัว เหมือนเอาหัวของ อ.ส.ค.ไป แต่ไปทำสัญญากับใครก็ได้ แล้วแต่ กรมปศุสัตว์จะเป็นผู้ไปใส่ในสัญญานั้น" น.ส.มนัญญา กล่าว
น.ส.มนัญญา กล่าวอีกว่า ถ้าเกิดมีการฟ้องร้องขึ้นเมื่อไร โรงเรียนไหนฟ้องร้องจะต้องฟ้องร้องคู่สัญญา แล้วก็ไปฟ้องร้อง อ.ส.ค.ด้วย ซึ่งมันเป็นภาระหน้าที่มาเกี่ยวข้องกันหรือไม่ อ.ส.ค.มีส่วนได้เสียอะไรกับเรื่องตรงนี้ จริงๆ แล้วโรงเรียนที่อยากจะได้นมของสหกรณ์ไหน และเจ้าไหนที่มีคุณภาพ โรงเรียนต้องมีสิทธิ์ไม่ใช่ให้คนจัดสรรบงการ ดูการจัดสรรนมปีนี้ 30 บริษัท ปีหน้า 40 บริษัท อีกปีขึ้นไป 60 บริษัท และไอ้บริษัทที่งอกออกมานั้นก็เป็นบริษัทเก่าๆ หรือวนเวียนอย่างนี้ ซึ่งตนไม่ได้ว่าใคร แต่พูดในทางที่ถูกต้องเท่านั้น
"กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ก็ต้องเข้ามาเคลียร์ด้วย เราต้องคุยกับ ศธ.ว่าต้องการแบบไหน ไปคุยกับโรงเรียนให้มีการฟ้องร้องนมบูดจากใคร คราวนี้ภาพใหญ่มันจะกลายเป็นภาพเล็ก แต่ถ้ามันจะเกิดขึ้นเราไม่ได้ยึดติดว่าเราคุมหน่วยงานนี้ และต้องมาซื้อของเรา แต่เราให้ ศธ.เข้ามาร่วมพิจารณาด้วย ไม่ใช่ว่ามีปัญหานมโรงเรียน กว่าจะได้เรื่องได้ราวว่ามีใครมีความผิดบ้าง ต้องวิ่งย้อนกลับไปกลับมา ถามว่ากว่าเด็กจะได้กินนม นมบูดไปถึงไหนแล้ว จริงๆ แล้ว ศธ.ต้องเข้ามาดูเรื่องนี้ด้วยว่า ต้องการนมแบบไหนให้กับเด็ก ให้เด็กเป็นผู้เลือกได้หรือไม่ ทุกวันนี้นมเอาไปทิ้งอยู่ที่ไหนต่อไหน เด็กนักเรียนไม่ได้ดื่มนมที่อร่อย ไม่ได้ดื่มนมตามความต้องการ มันหมดสมัยในการยัดเยียดให้เด็กแล้ว ต้องถามเด็กว่าเขาต้องการอะไร เริ่มจากความต้องการดื่มนมนี่แหละคือสิ่งที่ถูกต้อง" น.ส.มนัญญา กล่าว