รอง ปธ.ที่ปรึกษา ศบค.ให้อดใจรอ ประเมินสถานการณ์อีกรอบ 1 ต.ค.นี้ หลังคาดผ่อนคลายมาตรการ 1 ก.ย. แล้วยอดติดเชื้อโรคโควิด-19 อาจกลับมาพุ่ง ตั้งเป้าติดเชื้อต้องต่ำกว่าวันละ 5 พันคน ตายไม่เกิน 50 ศพ ระบบสาธารณสุขถึงจะไม่เกินกำลัง แต่ยอดล่าสุดทั่วประเทศยังติดเชื้อทะลุเกิน 1.4 หมื่นคน ตายอีก 180 ศพ กทม.ยังหนัก ขณะเดียวกันข่าวดีเยอรมนีส่ง “กลุ่มยาโมโนโคลนอลแอนติบอดี” ถึงไทย ช่วยลดอาการป่วยรุนแรงในผู้ติดเชื้อที่มีโรคประจำตัวได้ ทว่าราคาแพงเข็มละ 4 หมื่นบาท เบื้องต้นจัดสรรเฉพาะใน รพ.รัฐ
นอกจากวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าได้แล้วอนาคตไทยจะมียารักษาโรคจากไวรัสมรณะโคโรนา 2019 ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการเสียชีวิตในผู้ป่วยติดเชื้อที่มีโรคประจำตัว

นายกฯ เยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีน
ที่สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 12 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม นำคณะ อาทิ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว. มหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มาตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่บริเวณจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยมีผู้บริหารสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ นายวันชัย คงเกษม ผวจ. สมุทรปราการ และ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ นางนันทิดา แก้วบัวสาย นายก อบจ.สมุทรปราการ ให้การต้อนรับ
...
ระบุมีวัคซีนให้ฉีดดีกว่าไม่มี
จากนั้น นายกฯเข้ารับฟังการรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการต่างๆ และได้เยี่ยมชมจุดฉีดวัคซีน โดยกล่าวกับ ผวจ.สมุทรปราการ ประธานสภาจังหวัดสมุทรปราการ และข้าราชการว่า ขอให้ทุกคนช่วยกัน ช่วยรัฐบาลและขอบคุณ ทั้งนี้นายกฯได้กล่าวทักทายประชาชนที่มารอฉีดวัคซีนว่าแข็งแรงดีอยู่นะ ส่วนเรื่องวัคซีนเรากำลังรีบอยู่ มีวัคซีนให้ฉีดดีกว่าไม่มี เดี๋ยววัคซีนก็จะทยอยมาเรื่อยๆ ปีหน้าก็จะฉีดได้จนครบ คนที่ฉีดวัคซีนแล้วก็ขอให้ระมัดระวังตัวเองกันด้วย ขอให้ทุกคนช่วยกันประเทศชาติจะปลอดภัย ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่าได้หารือเรื่องเวชกรรมต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการผลิตแพทย์ พยาบาล วันนี้ต้องขอบคุณที่สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ ซึ่งช่วยได้มาก จากผู้ป่วยพันหลายพันก็ลดลงไปเรื่อยๆ ผู้ที่อาการหนักที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจก็ลดลง นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เรายังไม่นิ่งนอนใจ วันนี้เราจำเป็นต้องสร้างความมั่นคงทางด้านสุขภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งเทคโนโลยีและด้านดิจิทัลต่างๆ ถ้ามีอะไรต่างๆเสนอมา ตนจะเพิ่มเติมให้
ป่วยเกิน 1.4 หมื่น ดับ 180 ศพ
ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันที่ 12 ก.ย.ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.เผยแพร่ข้อมูลว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 14,029 คน เป็นการติดเชื้อในประเทศ 13,749 คน ในจำนวนนี้มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 12,224 คน มาจากการค้นหาเชิงรุก 1,525 คน และมาจากเรือนจำ 276 คนเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 4 คน มาจาก เนเธอร์แลนด์ 1 คน มาเลเซีย 2 คน และเมียนมา 1 คน รักษาหายป่วยเพิ่มขึ้น 15,742 คน เสียชีวิตเพิ่ม 180 คน เป็นชาย 101 คน หญิง 79 คน ในจำนวนผู้เสียชีวิตเป็นผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไปและมีโรคเรื้อรัง รวมกันถึงร้อยละ 93 ผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 132 คน มีโรคเรื้อรัง 36 คน นอกจากนี้ มีหญิงตั้งครรภ์ 1 คนและเด็ก 5 เดือน 1 ราย ขณะที่ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อโควิดสูงสุด คือ กทม. 3,356 คน ชลบุรี 848 คน สมุทรปราการ 832 คน ระยอง 524 คน ราชบุรี 516 คน สมุทรสาคร 506 คน นนทบุรี 410 คน ยะลา 402 คน สงขลา 396 คน และปราจีนบุรี 379 คน
ไทยติดสะสมอันดับ 29 โลก
นอกจากนี้ ยอดผู้ติดเชื้อสะสมตั้งแต่ปี 2563 รวมทั้งสิ้น 1,382,173 คน หายป่วยสะสม 1,231,854 คน อยู่ระหว่างรักษา 135,966 คน อาการหนัก 4,103 คน ใส่ท่อช่วยหายใจ 856 คน และมียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 รวม 14,353 คน ไทยมียอดติดเชื้อสะสมอยู่อันดับที่ 29 ของโลก ส่วนยอดรวมผู้ได้รับวัคซีน ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-11 ก.ย.2564 มีจำนวนทั้งสิ้น 40,060,467 โดส จำแนกเป็นผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 สะสม 27,194,487 ราย เข็มที่ 2 สะสม 12,251,011 ราย เข็มที่ 3 สะสม 614,969 ราย และเฉพาะวันที่ 11 ก.ย.ฉีดทั่วประเทศได้ 428,605 โดส
โลกเร่งพัฒนายาต้านไวรัส
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก ผศ.นพ.โอภาส พุทธเจริญ ศูนย์โรคอุบัติใหม่ด้านคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่า จากการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีน ในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าผู้ป่วยที่ฉีดวัคซีนแล้วกับผู้ป่วยที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน มีปริมาณเชื้อไวรัสโควิดในโพรงจมูกจำนวนมากพอๆกัน ทำให้ขณะนี้หลายบริษัทกำลังเร่งพัฒนาวัคซีนชนิดพ่นจมูก เพื่อฆ่าเชื้อในโพรงจมูก ส่วนการรักษาผู้ป่วยโควิด ปัจจุบันต้องยอมรับว่า ศาสตร์การรักษาพัฒนาค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับการพัฒนาวัคซีน ยาที่มีใช้ในขณะนี้ยังมีประสิทธิภาพไม่เป็นที่น่าพอใจ ลดอัตราการตายได้บ้าง แนวทางการรักษาในขณะนี้คือ การให้ยาต้านไวรัสและยาลดการอักเสบ เพื่อลดความรุนแรงของโรค

...
โมโนโคลนอลฯ พระเอกตัวใหม่
ผศ.นพ.โอภาสกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้แม้จะมียาให้เลือกรักษาหลายตัว แต่ที่พบว่ายาที่ดีในกลุ่มใหม่ๆ ที่ลดอัตราการตายได้ดี คือ กลุ่มยาโมโนโคลนอลแอนติบอดี Monoclonal Antibody ถือเป็นพระเอกในขณะนี้ ช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ร้อยละ 80 โดยให้ยาตั้งแต่ระยะแรกๆ จะช่วยให้กลุ่มผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ หรือกลุ่มผู้มีโรคประจำตัว ไม่ให้อาการพัฒนาเป็นกลุ่มผู้ป่วยอาการหนัก ถือเป็นความก้าวหน้าล่าสุดในการรักษาในขณะนี้ มีข้อจำกัดคือ ราคายาค่อนข้างสูง หากในอนาคตมีการนำเข้าก็จะเป็นประโยชน์มาก เพราะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้ดี กลุ่มยาใหม่ๆ อยู่ในระหว่างการศึกษาที่ รพ.จุฬาฯ ด้วย เช่น โมลนู พิราเวียร์ (Molnupiravir)
เยอรมนีบริจาคให้นับพันชุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มยาโมโนโคลนอลแอนติบอดี Monoclonal Antibody ในประเทศ ล่าสุดได้รับบริจาคจากประเทศเยอรมนี โดยเมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.ระบุว่า ประเทศเยอรมนีบริจาคยาโมโนโคลนอลแอนติบอดี เพื่อรักษากลุ่มผู้ป่วยอาการหนักมาก 1,000-2,000 ชุด และได้ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ในประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว คาดว่ายาจะมาถึงไทยในเดือนนี้
ของดีเข็มละ 2-4 หมื่น
ขณะที่ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโมโนโคลนอล แอนติบอดี Monoclonal Antibody ที่ประเทศเยอรมนี บริจาคให้รัฐบาลไทยว่า คาดว่าจะมาถึงประเทศไทย วันที่ 13-14 ก.ย. เบื้องต้นได้เตรียมแผนการจัดสรรว่า จะแบ่งให้โรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ กรุงเทพมหานคร โรงเรียนแพทย์ และ โรงพยาบาลสังกัดกรมควบคุมโรค ตามสัดส่วน แต่ไม่ขอลงในรายละเอียด และอีกส่วนเก็บไว้ที่ส่วนกลาง และจะมีการติดตามผลการใช้ ทั้งนี้ ขอทำความเข้าใจว่า กลุ่มโมโนโคลนอลแอนติบอดี Monoclonal Antibody ไม่ใช่ยา แต่เป็นแอนติบอดี ใช้วิธีการฉีดเข้าสู่ร่างกาย ตามคำแนะนำของผู้ผลิตคือ ใช้สำหรับผู้มีอาการน้อยหรือปานกลาง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการรุนแรง หากใช้ในกลุ่มผู้มีอาการรุนแรง จะไม่ค่อยได้ผล และมีราคาแพง ขณะนี้มีการขายในระดับประเทศ ราคาแตกต่างกัน เช่น ขายให้ประเทศกัมพูชา เข็มละ 2 หมื่นบาท ขายให้ประเทศไทย ราคาเข็มละ 4 หมื่นกว่าบาท ในส่วนของกรมการแพทย์ คิดว่าน่าจะไม่เหมาะกับคนไข้ส่วนใหญ่ทั่วไปที่เราดูแล และบางคนอาจต้องใช้ 2 เข็ม ขณะนี้ทราบว่าโรงพยาบาลเอกชนบางแห่งมีการนำเข้ามาแล้ว ส่วนที่นักวิชาการระบุว่า โมโนโคลนอลแอนติบอดี (Monoclonal Antibody) เป็นพระเอกในการรักษาผู้ป่วยโควิด ยอมรับว่าเป็นพระเอกจริง เพราะมีผลการศึกษาที่ค่อนข้างชัดเจน จะได้ผลดีถ้ามีอาการไม่มาก แต่เป็นพระเอกที่ค่าตัวสูง
...
ประเมินสถานการณ์อีกครั้ง 1 ต.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ศ.นพ.อุดม คชินทร รองประธานที่ปรึกษา ศบค. เปิดเผยถึงสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่พบต่ำกว่า 15,000 คน เป็นผลพวงมาจากการล็อกดาวน์ตั้งแต่ 20 ก.ค. และตลอดเดือน ส.ค.อีกทั้งการระดมฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่อง แต่การผ่อนคลายกิจกรรมบางอย่างตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา จะเริ่มเห็นตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อเปลี่ยนไปในอีก 2 สัปดาห์หน้า กราฟผู้ป่วยติดเชื้อจะค่อยๆ กลับมาเพิ่มขึ้นแน่นอน และมีการอธิบายสถานการณ์ตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อ นายกรัฐมนตรีรับทราบและเข้าใจแล้ว จึงยังไม่ผ่อนคลายมาตรการต่างๆทั้งหมด ดังนั้น วันที่ 1 ต.ค.ค่อยมาดูสถานการณ์ตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อว่าสมควรที่จะผ่อนคลายมาตรการต่างๆหรือไม่ ยอมรับที่ผ่านมา คนมักมองว่าเรื่องของสุขภาพและเศรษฐกิจมักสวนทางกัน แต่ไม่ใช่ เพราะ ศบค.เข้าใจสถานการณ์ว่าทั้งสุขภาพและเศรษฐกิจต้องเดินควบคู่กันไป เพราะโควิดไม่สามารถจบลงได้โดยเร็ว ต้องบริหารจัดการอย่างไรที่ทำให้ตัวเลขการป่วยติดเชื้อไม่เป็นภาระหนักจนระบบสาธารณสุขรับไม่ไหว และเศรษฐกิจ ยังขับเคลื่อนต่อไปได้ จะเห็นว่าตอนนี้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติ คนเต็มห้าง แต่ยังต้องขอให้ระมัดระวังตัวเอง เพราะการรับวัคซีน 2 เข็มครบแล้วไม่ได้ การันตีว่าไม่ติดเชื้อ ดังนั้นถ้าไม่อยากให้ตัวเลข ผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอีกทุกคนต้องช่วยกัน ทั้ง มาตรการป้องกันตัวเองแบบครอบจักรวาล และหน่วยงาน องค์กร หรือออฟฟิศต่างๆ ร่วมกันทำ Covid free setting สุ่มค้นหาผู้ติดเชื้อในสถานที่ทำงานทุกสัปดาห์ ช่วยลดผู้ป่วยได้แน่นอน

...
ตั้งเป้าป่วยไม่เกินวันละ 5 พัน
ศ.นพ.อุดมกล่าวอีกว่า สำหรับอัตราผู้ป่วยติดเชื้อที่ระบบสาธารณสุขรับได้ไม่เกินกำลังควรต่ำกว่าวันละ 5,000 คน และตายไม่เกิน 50 คน ถือว่ารับได้ไม่เหนื่อยมาก แต่หากตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้ออยู่ที่ 5,000-10,000 คนต่อวัน จะทำให้การทำงานในระบบสาธารณสุขเรียกว่าต้องยอมเหนื่อย แต่ยังพอรับได้ หากดูตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อครองเตียงในขณะนี้แม้ตัวเลขลดลง แต่เตียงใน รพ.ในผู้ป่วยสีแดงยังเต็มอยู่ หากตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อเกิน 10,000 คนต่อวัน จะทำให้ระบบการทำงานของสาธารณสุขเริ่มหลังแอ่น ดังนั้นทุกคนต้องช่วยกัน
อนาคตต้องกระตุ้นเข็ม 3
ขณะที่ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์ เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อมูลในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เราบุกเบิกและให้ข้อมูลการฉีดวัคซีนไขว้ ที่มีการกระตุ้นภูมิต้านทานได้ดี ในทำนองเดียวกันการกระตุ้นเข็มสามด้วยวัคซีนต่างชนิดก็มีผลในการกระตุ้นที่ดีมาก วัคซีนเชื้อตายจะเป็นวัคซีนปูพื้นหรือรองพื้น แล้วใช้วัคซีนอื่นมาแต่ง เราจะเห็นว่าการให้วัคซีน 2 เข็ม ตั้งแต่เชื้อตาย ไวรัสเวกเตอร์และ mRNA เชื้อตายภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 100 หน่วย ไวรัสเวกเตอร์จะอยู่ที่ประมาณเกือบ 1,000 หน่วย mRNA จะอยู่ที่ 1,700 หน่วย เมื่อกระตุ้นเข็ม 3 ในผู้ที่ได้วัคซีนเชื้อตายมาก่อน 2 ครั้ง ภูมิคุ้มกันจะกระตุ้นขึ้นสูงอย่างมากไม่ว่าจะเป็นไวรัสเวกเตอร์ หรือ mRNA การศึกษาของ เราระดับภูมิที่สูงมากสามารถขัดขวางไวรัสสายพันธุ์เดลตาได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม การได้วัคซีนครบ 2 ครั้งตามกำหนด สามารถลดความรุนแรงของโรคลงได้ ลดอัตราการเสียชีวิต ลดการนอนในหอผู้ป่วยวิกฤติ และเกือบทุกชนิด ในอนาคตคงต้องมีการกระตุ้นครั้งที่ 3
ยะลาป่วยพุ่งเด็ก 4 เดือนตาย
ส่วนสถานการณ์โควิด-19 จ.ยะลา เมื่อวันที่ 12 ก.ย. กลับมาพุ่ง พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 402 คน นับเป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวันที่สูงสุดในรอบสัปดาห์ พบมากที่สุดใน อ.เมือง คือ 167 คน นายสุชาติ อนันตะ รอง สสจ.ยะลา เปิดเผยว่า สาเหตุหลักมาจากการแพร่เชื้อของผู้อาศัยร่วมบ้าน ตลอดจนที่ทำงาน ตามรายงานพบว่ามีจำนวน 221 คน และอีกสาเหตุคือการร่วมกิจกรรมชุมชนติดเชื้อที่มี 115 คน เสียชีวิตเพิ่มอีก 3 ศพ เป็นหญิง 34 ปี ในเขตเทศบาลนครยะลา ชาย 81 ปี ใน อ.เมือง และเด็กชายวัย 4 เดือน ใน อ.ยะหา เช่นเดียวกับ จ.ปัตตานี ที่ข้อมูลเมื่อวันที่ 11 ก.ย. ติดเชื้อพุ่งอีก 261 คน แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต ขณะที่ว่าที่ ร.ต.ตระกูล โทธรรม รอง ผวจ.ปัตตานี ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนที่มารับฉีดวัคซีน ที่โรงเรียนคูระ ชาว ต.ม่วงเตี้ย อ.แม่ลาน ร่วมกับโรงพยาบาลแม่ลาน รพ.สต.ออกหน่วยบริการ บรรยากาศการเข้ารับบริการฉีดวัคซีน มีประชาชนมาอย่างคึกคัก เช่นเดียวกับนายลาเตะ กูว๊ะ อายุ 102 ปี ทำหน้าที่โต๊ะคอเต็บในหมู่บ้าน ต.ม่วงเตี้ย ได้ปั่นจักรยานมารับวัคซีน ตั้งแต่เช้า ก่อนจะปั่นจักรยานกลับบ้าน

ปิด 11 ร้านค้าไม่ปิดห้าง
ขณะที่ จ.เชียงใหม่ พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 62 คน ด้านนายกนก ศรีวิชัยนันท์ ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตามที่พบการติดเชื้อโรคโควิด-19 ในห้างเทสโก้ โลตัส สาขารวมโชค ต.ฟ้าฮ่าม อำเภอเมืองเชียงใหม่ เป็นกลุ่มก้อนและพบความเกี่ยวข้องการระบาดใน 11 ร้าน ประกอบด้วย ร้านซีตรัส ฟาร์มาซี ร้านแว่นท็อปเจริญ ร้านซาบีน่า ร้านแฟชั่นเกสร โชว์รูมรถยนต์โตโยต้า ร้านเสื้อผ้าวันชัย ร้านเบเบโฟน ร้านแว่นตาหน้าร้านเบเบโฟน ร้านบ้านกรองน้ำ ร้าน KFC และร้าน Play land ล่าสุดติดเชื้อแล้ว 10 คน เพื่อให้การควบคุมและป้องกันโรคในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดจึงได้มีมติออกคำสั่งที่ 147 / 2564 ให้ปิด 11 ร้านดังกล่าว เป็นเวลา 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 11-15 ก.ย.2564 พร้อมให้กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทุกคนที่เข้าไปใช้บริการในสถานที่ดังกล่าวในช่วงวันที่ 4-10 ก.ย.2564 สังเกตอาการ เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และกักตัวจนครบ 14 วัน ส่วนคลัสเตอร์โรงเรียนสบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เจอผู้ป่วยอีก 19 คน รวมสะสม 150 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ศพ เป็นชายวัย 71 ปี ภูมิลำเนา อ.ท่าสองยาง
มหาชัยเปิด รพ.สนามสีเหลือง
ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ใน จ.สมุทรสาคร พบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 506 คน เสียชีวิตเพิ่มอีก 12 ศพ รวมเสียชีวิตสะสม 743 ศพ ด้านนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผวจ.สมุทรสาคร กล่าวหลังตรวจเยี่ยม “ศูนย์ห่วงใยคนสาคร” แห่งที่ 17 หรือ “โรงพยาบาลสนามทองอุไร” ณ อาคารอเนกประสงค์ เทศบาลนครอ้อมน้อย ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน ซึ่งเป็นโรงพยาบาลสนามสีเหลืองแห่งที่ 2 ของจังหวัด รองรับผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองที่ต้องการใช้ออกซิเจนได้มากถึง 200 เตียงว่า รพ.สนามทองอุไร มีความพร้อมเต็มร้อย เปิดให้บริการได้ทันที ส่วนที่มีคนสงสัยทำไมยังต้องเปิด รพ.สนามสีเหลืองเพิ่มอีก เพราะวิกฤติที่ผ่านมาเกิดจากการแพร่ระบาดและรุนแรงมากขึ้น ปัญหาเตียงไม่พอรับคนป่วย วัคซีนไม่ได้อย่างใจคิด บุคลากรไม่พอ เครื่องมือไม่พร้อม สถานที่ไม่อำนวย โรงพยาบาลสนามที่มีนอกจากไม่พอ ยังรับได้แต่ผู้ป่วยสีเขียว ไม่สามารถรองรับผู้ป่วยสีเหลืองที่ต้องการออกซิเจนได้เลย การเกิดขึ้นของโรงพยาบาลสนามสีเหลือง 2 แห่ง คือ “เหลืองปรีดิยาธร อ.เมืองสมุทรสาคร” และ “ทองอุไร อ.กระทุ่มแบน” ทำให้โรงพยาบาลหลักมีเตียงรับผู้ป่วยหนักได้มากขึ้นและยังเป็นการเตรียมความพร้อมสถานการณ์ในอนาคตที่อาจจะมีการกลับมาแพร่ระบาดอีกด้วย
ไฟเซอร์ทำเด็กป่วยมากกว่า
สำหรับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ยอดติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็นกว่า 225.17 ล้านคน เสียชีวิตรวมกว่า 4.63 ล้านคน ขณะที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เผยผลการศึกษาพบว่าเด็กชายอายุ 12-15 ปี มีโอกาสที่จะเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากผลข้างเคียงของวัคซีนไฟเซอร์มากกว่าเข้าโรงพยาบาลเพราะเชื้อโควิดราว 4 เท่า พร้อมพบว่าเด็กส่วนใหญ่จะแสดงอาการผลข้างเคียงดังกล่าวภายในเวลาไม่กี่วันหลังฉีดไฟเซอร์โดสที่สอง และมีอัตราต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอยู่ที่ร้อยละ 86 กระนั้น ข้อมูลชุดนี้เทียบจากอัตราเด็กอเมริกันล้มป่วยเข้าโรงพยาบาลเพราะเชื้อโควิด อยู่ที่ประมาณ 44 คนต่อ 1 ล้านคน ขณะที่อัตราเด็กอเมริกัน (ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย) เกิดอาการผลข้างเคียงจะอยู่ที่ 162 คนต่อ 1 ล้านคน