เพราะเรื่องการศึกษารอไม่ได้ กลุ่มธุรกิจ TCP จับมือ กสศ. มุ่งภารกิจช่วยเหลือเยาวชนฝ่าวิกฤติการศึกษาท่ามกลางภาวะโควิด-19
การระบาดระลอกใหม่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงไม่คลี่คลาย และยอดผู้ติดเชื้อรายวันมีจำนวนสูงอย่างต่อเนื่อง รอยแผลที่เชื้อไวรัสอุบัติใหม่โควิด-19 นี้ได้ฝากเอาไว้ให้กับโลกทั้งใบและประเทศไทย คือ “ผลกระทบ” ต่อทุกภาคส่วนโดยไม่มีข้อยกเว้น แม้จะมีมาตรการเยียวยาต่างๆ ที่อุดหนุนสู่ระบบเศรษฐกิจเพื่อประคับประคองให้ประเทศยังคงสามารถเดินหน้าต่อไปได้ แต่หนึ่งในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบและการช่วยเหลือยังเข้าถึงได้ไม่มากพอก็คือ “เยาวชนกลุ่มเปราะบาง” ที่อยู่ในวัยเรียน และกำลังมีแนวโน้มหลุดออกจากระบบการศึกษาเป็นจำนวนมาก
อย่างที่เราทราบกันดีว่าการศึกษาคือ หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับเยาวชน อย่างไรก็ตามปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาถือได้ว่าเป็นปัญหาใหญ่และมีความซับซ้อน มีครอบครัวจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถพาบุตรหลานเข้าถึงการศึกษาได้ หรือแม้กระทั่งมีความจำเป็นต้องให้ออกจากระบบกลางคันเนื่องด้วยปัญหาหลักที่เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพของครอบครัว ซ้ำร้ายในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ก็ยิ่งทำให้ปัญหาดังกล่าวทวีความรุนแรงขึ้น จากผลกระทบด้านเศรษฐกิจ หรือแม้แต่นโยบายต่างๆ ที่มีส่วนโดยตรงทำให้เยาวชนบางส่วนไม่สามารถจะเข้าถึงการเรียนการสอนได้ (เช่น ความจำเป็นต้องใช้สมาร์ทโฟนในการเรียนออนไลน์) จนมีความน่ากังวลว่าเยาวชนกลุ่มเปราะบางจะไม่สามารถกลับเข้าสู่ระบบได้อีก และมีโอกาสนำไปสู่ปัญหาด้านการศึกษาระยะยาวตามมา
“กลุ่มธุรกิจ TCP” และ “กสศ.” การร่วมมือสำคัญเพื่ออนาคตเยาวชนไทย
กลุ่มธุรกิจ “TCP” (ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้ แบรนด์กระทิงแดง เรดดี้ โสมพลัส สปอนเซอร์ แมนซั่ม ไฮ่! เพียวริคุ ซันสแนค และวอริเออร์) ช่วยเหลือสังคมและชุมชนมายาวนานหลายทศวรรษ รวมถึงโอบอุ้มการศึกษาเป็นนโยบายที่กลุ่มธุรกิจ TCP ดำเนินการมาโดยตลอด ผ่านการให้ทุนการศึกษา แนะแนวอาชีพบุตรหลานพนักงาน ริเริ่มโครงการด้านการศึกษา รวมถึงสนับสนุนโครงการด้านการศึกษาร่วมกับภาครัฐ
สำหรับวิกฤติโควิด-19 ที่เป็นวาระเร่งด่วนและมีผลกระทบต่อชุมชนในพื้นที่เปราะบาง กลุ่มธุรกิจ TCP จึงเดินหน้าเต็มกำลังเพื่อสานความร่วมมือกับ กสศ. สนับสนุน 2 โครงการ “กลไกอาสาสมัครคุณภาพ” เพื่อเร่งดูแลผู้ป่วยเด็กและครอบครัวในพื้นที่เปราะบางทั่วกรุงเทพมหานคร และโครงการ “สานฝันการศึกษาเพื่อน้อง” สร้างโอกาสทางการศึกษาไม่ให้เยาวชนหลุดออกนอกระบบ ซึ่งทั้งหมดนี้สอดคล้องตามกรอบการพัฒนาที่ยั่งยืนของกลุ่มธุรกิจ TCP ที่มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างการอยู่ร่วมกันกับชุมชนอย่างยั่งยืน
ดูแลทั้งสุขภาพและทุนทรัพย์ ให้ได้เรียนไม่สะดุด
ข้อมูลของ กสศ. ระบุว่าวิกฤติโควิด-19 ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ ณ ขณะนี้ รุนแรงถึงที่สุด ปัจจุบันพบเด็กติดเชื้อโควิด-19 รายวันประมาณ 2,900 คน มีจำนวนเด็กติดเชื้อสะสม 107,245 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 20 สิงหาคม 2564) และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น กลุ่มธุรกิจ TCP จึงต้องการส่งต่อความช่วยเหลือเพื่อให้เข้าถึงเด็กๆ และครอบครัวกลุ่มเปราะบางในพื้นที่กรุงเทพมหานครอย่างรวดเร็วและเพียงพอ
เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว โครงการสนับสนุน “กลไกอาสาสมัครคุณภาพ” จึงได้ถูกจัดตั้งขึ้น โดยการมอบทุนสนับสนุนกว่า 1 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นกำลังเสริมให้แก่หน่วยงานหลักต่างๆ เช่น อาสาสมัครคุณครูทั้งในระบบและนอกระบบในชุมชน อาสาสมัครเยาวชน ช่วยรับส่งผู้ป่วยเด็ก รวมถึงส่งชุดยาและเครื่องมือติดตามอาการ หรืออุปกรณ์ช่วยชีวิตในกรณีจำเป็นเร่งด่วนตลอด 24 ชั่วโมง และยังสนับสนุนระบบอาสาสมัครดูแลเด็กสัมผัสเสี่ยงสูงที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ระหว่างระยะเวลากักตัว 14 วัน ในสถานที่กักตัว (State Quarantine) รวมถึงดูแลเด็กป่วยติดเชื้อที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในสถานพยาบาลทุกรูปแบบ พร้อมจัดตั้งอาสาสมัครเยี่ยมเด็กและครอบครัวในพื้นที่ชุมชน เพื่อติดตามการเลี้ยงดู ส่งยา อาหารหรือเครื่องใช้จำเป็น และอาสาสมัครเลี้ยงดูเด็กชั่วคราวในครอบครัวอุปถัมภ์
โครงการนี้เป็นการร่วมมือกับ กสศ. เพื่อมุ่งเน้นการทำงานเชิงรุกอย่างมีประสิทธิภาพ เสริมการทำงานของหน่วยงานหลักที่ยังเป็นช่องว่าง หรือเป็นอุปสรรคทำให้กลุ่มเป้าหมายตกอยู่ในภาวะวิกฤติ ซึ่งทรัพยากรที่เร่งด่วนและจำเป็นจะถูกส่งไปยังพื้นที่ที่มีความต้องการทันที เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในทุกๆ มิติ ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพกาย สุขภาพใจ ปัญหาด้านสังคม เพื่อให้เด็กๆ อยู่ในสภาพพร้อมที่จะเรียนรู้ นำไปสู่ ปลายทางคือการช่วยให้เด็กๆ กลุ่มเสี่ยงไม่หลุดจากระบบการศึกษา
และนอกเหนือไปจากโครงการสนับสนุนกลไกอาสาสมัครคุณภาพซึ่งเป็นภารกิจขั้นต้น กลุ่มธุรกิจ TCP ยังมองไกลไปกว่านั้นด้วยการร่วมมือในอีกบทบาทสำคัญ นั่นคือโครงการ “สานฝันการศึกษาเพื่อน้อง” ที่เป็นการมอบทุนการศึกษาในช่วงชั้นรอยต่อซึ่งได้แก่ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 ขึ้นปีที่ 4 และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ได้มีโอกาสเข้ารับการศึกษาตามที่มุ่งหวัง โดยโครงการนี้มีงบประมาณรวมถึง 4 ล้านบาท
นางสาวนุชรี อยู่วิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจ TCP กล่าวสรุปถึงเหตุผลหลักที่ทำให้กลุ่มธุรกิจ TCP ตัดสินใจเข้าผนึกกำลังร่วมกับ กสศ. ในโครงการด้านการศึกษาครั้งนี้ว่า “กลุ่มธุรกิจ TCP มุ่งดูแลสังคมในภาวะวิกฤติ โดยมีแนวทางตามกรอบการทำงานเพื่อความยั่งยืนของบริษัทฯ ซึ่งมีขอบเขตการทำงานเกี่ยวกับชุมชน นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจ TCP ในฐานะองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องดูแลพนักงานกว่า 5,000 ชีวิต เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างมาก โดยตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ได้ให้การสนับสนุนโครงการการศึกษาทั้งในและนอกองค์กรอย่างต่อเนื่อง เช่น มอบทุนการศึกษา แนะแนวอาชีพบุตรหลานพนักงาน ริเริ่มโครงการด้านการศึกษาร่วมกับภาครัฐ”
“วิกฤติจากโควิด-19 ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ ณ ขณะนี้รุนแรงถึงที่สุด และคนอีกกลุ่มหนึ่งในสังคมที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักคือเด็กกลุ่มในชุมชนเปราะบาง เรื่องด่วนที่กลุ่มธุรกิจ TCP จะเข้าไปดูแลร่วมกับ กสศ. คือ การดูแลสุขภาพความเป็นอยู่ของเด็กๆ เพื่อให้พวกเขาปลอดภัยและอยู่ในสภาพที่พร้อมเรียนรู้ รวมทั้งมีทุนทรัพย์พอที่จะได้เรียนหนังสือต่อโดยไม่ต้องออกจากระบบกลางคัน โดยให้ความช่วยเหลือผ่านโครงการ "กลไกอาสาสมัครคุณภาพ" และโครงการ "ทุนสานฝันการศึกษาเพื่อน้อง" ที่ดูแลทั้งสุขภาพและทุนทรัพย์ไปพร้อมกัน”
ดร.ไกรยส ภัทราวาท รองผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เผยว่า สถานการณ์ปัจจุบันพบเด็กติดเชื้อโควิด-19 รายวันล่าสุดประมาณ 2,900 คน มีจำนวนเด็กติดเชื้อสะสม 107,245 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 20 สิงหาคม 2564) ในจำนวนนี้ คาดว่าราว 70% เป็นกลุ่มยากจนด้อยโอกาส เนื่องจากสมาชิกแต่ละครอบครัวอยู่รวมกันในพื้นที่จำกัด ความแออัดทำให้การติดเชื้อโรคโควิด-19 เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และได้รับผลกระทบในทุกมิติ ได้แก่ สุขภาพกาย ใจ สังคม และความเสี่ยงหลุดออกนอกระบบการศึกษา
กสศ. จึงระดมความร่วมมือเพื่อทำงานเชิงรุกบรรเทาปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้า ผ่านศูนย์ประสานช่วยเหลือเด็กในภาวะวิกฤติ กสศ. เพื่อเสริมการทำงานของหน่วยงานหลักที่ยังเป็นช่องว่าง หรือเป็นอุปสรรคทำให้กลุ่มเป้าหมายตกอยู่ในภาวะวิกฤติ โดยสนับสนุนทรัพยากรที่จำเป็นเร่งด่วนและสำคัญที่สุด คือ กลไก อาสา กสศ. ที่มีภารกิจชัดเจนว่าวิกฤติเกิดขึ้นกับเด็กของเราที่จุดไหน อาสา กสศ.จะเข้าไปช่วยในจุดนั้นอย่างรวดเร็วทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ความเหลื่อมล้ำเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นทาง นอกจากนี้ในระยะฟื้นฟูจะมีการติดตาม วางแผนช่วยเหลือเป็นรายคนเพื่อป้องกันหลุดออกจากระบบการศึกษา กสศ.ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันสร้างระบบคุ้มครองทางสังคมเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาให้เกิดขึ้นได้จริงแม้ในยามวิกฤติ
อาจกล่าวได้ว่า นี่คืออีกหนึ่งการสานพลังจากภาคเอกชนที่มีความมุ่งมั่นจะเคียงข้างสังคมไทยให้ก้าวข้ามวิกฤติไปด้วยกันอย่างแข็งแกร่ง โดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลังอย่างแท้จริง