(แฟ้มภาพ)
กรมอนามัย เน้นย้ำมาตรการโรงงานขนาดใหญ่ ชี้ กรณีพบพนักงานติดโควิด-19 มากกว่า 10% ให้รีบแจ้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อภายใน 3 ชั่วโมง เพื่อพิจารณาปิดพื้นที่ทำความสะอาดทันที
วันที่ 26 ส.ค. 2564 นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ยังเกิดคลัสเตอร์โรงงานกระจายในหลายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง กรมอนามัยขอความร่วมมือโรงงานขนาดใหญ่ที่มีคนงานตั้งแต่ 200 คนขึ้นไป จำนวน 3,300 แห่ง ประเมินผ่าน Thai Stop COVID Plus (GOOD FACTORY PRACTICE)
สำหรับโรงงานที่ยังไม่พบพนักงานติดเชื้อขอให้ยังคุมเข้มมาตรการดังนี้
1. มาตรการด้านการป้องกันโรค
มีการคัดกรองวัดอุณหภูมิ สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา จัดให้มีที่ล้างมือพร้อมสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ไว้บริการ ลดความแออัด การเว้นระยะห่าง ติดตามข้อมูลของผู้ปฏิบัติงาน จัดให้มีที่ล้างมือพร้อมสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ไว้บริการ รวมถึงการให้ผู้ที่อยู่ในโรงงานปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด
2. มาตรการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม
ทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัส การจัดการขยะมูลฝอย จัดให้มีการระบายอากาศที่เหมาะสม หอพักสำหรับผู้ปฏิบัติงานต้องสะอาด ไม่แออัด และหลีกเลี่ยงการรวมกลุ่ม หากมีรถรับ-ส่งต้องมีการทำความสะอาด สำหรับการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มในโรงอาหาร ต้องกำหนดเส้นทางการเดิน จุดนั่ง เดิน ยืน หรือที่พักรอให้ชัดเจน แยกสำรับอาหาร และไม่ใช้แก้วน้ำ จาน ชาม ร่วมกัน
3. มาตรการเสริมสำหรับโรงงานขนาดกลางและขนาดใหญ่
ต้องมีกลไกการจัดการและแผนเผชิญเหตุ เมื่อเกิดเหตุกรณีพบพนักงานติดเชื้อต้องมีการซักซ้อมแผน หากมีแรงงานต่างด้าวต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย และสำหรับโรงงานขนาดใหญ่ ต้องเข้มเรื่องการคัดกรองผู้ปฏิบัติงานและผู้มาติดต่อ โดยใช้ระบบประเมินตนเองผ่านเว็บไซต์ ไทยเซฟไทย ก่อนเข้าปฏิบัติงาน เพื่อประเมินความเสี่ยงรายบุคคล กรณีมีรถรับ-ส่ง ให้พนักงานสวมหน้ากากตลอดเวลา เว้นระยะห่าง วัดอุณหภูมิก่อนขึ้นรถ และเช็ดฆ่าเชื้อในรถหลังใช้งาน ทำความสะอาดฆ่าเชื้อในพื้นที่ส่วนกลาง และจุดสัมผัสร่วมให้เปลี่ยนเป็นระบบอัตโนมัติ เช่น ประตู ก๊อกน้ำ เป็นต้น เพื่อเป็นการลดการสัมผัส
...
ทั้งนี้ หากโรงงานพบพนักงานติดเชื้อโควิด-19 มากกว่าร้อยละ 10 ของผู้ปฏิบัติงานทั้งหมด ไม่ควรปิดบัง ให้ใช้มาตรการหลักที่ 4 คือ มาตรการเมื่อพบผู้ติดเชื้อแจ้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ภายใน 3 ชั่วโมง เพื่อให้เจ้าหน้าที่สั่งการและคำแนะนำ หลังจากนั้นให้พิจารณาปิดพื้นที่หรือสถานที่และทำความสะอาดพื้นผิวทันที โดยจัดการแบบ Bubble and Seal เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค และให้กระบวนการผลิตสามารถดำเนินการต่อไปได้ ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ให้ส่งตรวจเชื้อและกักตนเองทันที ส่วนผู้เสี่ยงต่ำให้มีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด สำหรับแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการ ผู้ปฏิบัติงาน และแนวทางการปฏิบัติกรณีพบผู้ติดเชื้อ ให้ผู้ประกอบการต้องประเมินตนเองอย่างน้อยทุก 2 สัปดาห์ สำหรับพนักงานทุกคนยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน D-M-H-T-T อย่างเคร่งครัด พร้อมยกระดับคัดกรอง ผู้ที่มีความเสี่ยงด้วยชุดตรวจ ATK