บ่ายวันพุธที่ผมกำลังเขียนบทความนี้ นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังประชุมหารือกับ คุณสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าไทย และ 40 ซีอีโอบริษัทยักษ์ใหญ่เอกชนผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เรื่อง การแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด–19 แต่แปลกที่นายกฯไม่เชิญ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ ซีอีโอบริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ เข้าร่วมด้วย แล้วมันจะ Connect the dots แก้ปัญหาวิกฤติโควิด–19 ที่เชื่อมโยงกันทั้งระบบได้อย่างไร วันนี้ระบาดไปทั่วประเทศแล้ว
หรือจะเป็นเพียง “พิธีกรรม” ในการแก้ปัญหาแบบเดิมๆของพล.อ.ประยุทธ์ อีกครั้ง
ผมไปดูข้อมูลย้อนหลัง ข้อเสนอของสภาหอการค้าไทย และ 40 ซีอีโอ ที่เสนอต่อนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ ในการประชุมครั้งแรกเมื่อเมษายน 3 เดือนก่อน วันนั้น 40 ซีอีโอ เต็มไปด้วยความหวังทำงานเต็มที่ วัคซีนลอตใหญ่แอสตราเซเนกากำลังจะเข้ามาในเดือนมิถุนายน พวกเขาระดมสมอง ช่วยรัฐบาลวางแผนการกระจายวัคซีนให้มีประสิทธิภาพ ตั้งเป้าไว้ว่า ปี 2564 ต้องบรรลุเป้าการฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์ 100% ฉีดให้คนทั้งประเทศ 70% โดยแก้ปัญหาแบบ Connect the dots ดึงความร่วมมือจากทุกฝ่าย
มีการเสนอพื้นที่ขนาดใหญ่ในห้างสรรพสินค้า เป็นจุดฉีดวัคซีนมาตรฐานหลายสิบแห่งทั่วกรุงเทพฯ แบ่งการทำงานออกเป็น 4 ทีม ผมขอเอามาฉายใหม่เพื่อให้เห็นภาพดังนี้
ทีม A : Distribution and Logistics เป็น ทีมสนับสนุนการกระจายและฉีดวัคซีน ช่วยสนับสนุนสถานที่ บุคลากร อาสาสมัคร อุปกรณ์ไอที เช่น คอมพิวเตอร์ พรินเตอร์ เครื่องอ่านบัตรประชาชน ฯลฯ
ทีม B : Communication ทีมการสื่อสาร (รัฐบาลชุดนี้สื่อสารล้มเหลวซ้ำซากจนประชาชนไม่เชื่อถือคำพูดของรัฐบาลรวมทั้งนายกฯโดยเฉพาะวัคซีน) เพื่อให้ประชาชนเข้าใจและไปฉีดวัคซีน (ช่วงนั้นคนยังไม่เข้าใจ มีคนไม่ยอมฉีดวัคซีน) ทีมสนับสนุนเป็น บริษัทสื่อโซเชียลยักษ์ใหญ่ของโลกและไทย อาทิ กูเกิล ไลน์ เฟซบุ๊ก วีจีไอ ยูนิลีเวอร์ ฯลฯ
...
ทีม C : IT Operation ทีมเทคโนโลยีและระบบ เพื่อช่วยด้าน ประสิทธิภาพการลงทะเบียน ระบบการติดตามตัว การออกใบรับรองการฉีดวัคซีน โดยมีบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง IBM เป็นหัวหน้าทีมทำงาน
ทีม D : Extra Vaccine Procurement ทีมจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม ร่วมกับ ภาครัฐ และ เครือข่ายโรงพยาบาลเอกชน เพราะประเมินว่าไทยยังต้องการวัคซีนเพิ่มอีก 30 ล้านโดส จะจัดหาวัคซีนทางเลือก เช่น ไฟเซอร์ โมเดอร์นา ซิโนฟาร์ม สปุตนิกวี ฯลฯ ซึ่งภาคเอกชนยินดีจ่ายค่าวัคซีนเอง เพื่อแบ่งเบาภาระรัฐบาล
เป็นข้อเสนอที่เป็นระบบดีมาก แค่นายกฯพยักหน้า เอกชนก็ทำให้ฟรี แต่นายกฯฟังแล้วก็ผ่านหูไป ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้แต่วัคซีนทางเลือกก็เพิ่งมายอมเมื่อไม่กี่วันนี้ เพราะไม่มีทางเลือกแล้ว หลังวันนั้นทุกอย่างก็เลวร้ายลงไปเรื่อยๆ ระบบของรัฐบาลล้มเหลวแทบทุกเรื่อง วัคซีนก็ไม่มาตามนัด การลงทะเบียนฉีดวัคซีนก็ล้มเหลว การสื่อสารเรื่องวัคซีนของรัฐบาลก็ล้มเหลว เรื่องการจัดซื้อวัคซีนเพิ่มการส่งมอบวัคซีน รัฐบาลโกหกประชาชนซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนหมอด่านหน้าก็ไม่เชื่อรัฐบาลแล้ว สิ่งที่รัฐบาลทำตามข้อเสนอเอกชนมีอย่างเดียวคือ สถานที่ฉีดวัคซีนในห้างที่เอกชนจัดให้ เพราะรัฐบาลไม่สามารถจัดหาที่ฉีดวัคซีนให้ประชาชนจำนวนมากได้
วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ สิ้นหนทางแล้ว การประกาศล็อกดาวน์ 13 จังหวัดสีแดงเข้มครั้งที่ 2 อย่างเข้มข้น สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอีกมหาศาล แต่ ผู้ติดเชื้อกลับเพิ่มขึ้นเป็นวันละหมื่นกว่าคน ตายวันละร้อยกว่าคน จนติดท็อป 51 ของโลกแล้ว
ถึงจุดนี้แล้ว ผมหวังว่านายกฯจะยอมรับข้อเสนอของเอกชนไปปฏิบัติ เพื่อแก้วิกฤติของชาติให้รอดไปด้วยกัน ผมดู 4 ทีมเอกชนแล้ว เก่งกว่ารัฐบาลแน่นอน ที่สำคัญที่สุด ไม่คอร์รัปชันบนความตายของประชาชน กลไก “รัฐราชการ” วันนี้มันไม่ฟังก์ชันแล้ว.
“ลม เปลี่ยนทิศ”