ล็อกดาวน์กันไปยาวๆจนถึงวันที่ 2 ส.ค. เวิร์กฟรอมโฮม 100% ปิดห้างปิดกิจการ ยกเว้นร้านอาหารกับร้านขายยา และโรงพยาบาล ชาวบ้านไม่มีกิจจำเป็นให้อยู่แต่ภายในบ้านเท่านั้น ห้ามเดินทางข้ามเขตข้ามจังหวัดโดยเฉพาะพื้นที่สีแดงเข้ม กทม. ปริมณฑล ชายแดนภาคใต้ 4 จังหวัด บวกกับ พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี ฉะเชิงเทรา อีก 3 จังหวัดก็เป็น 13 จังหวัดที่จะต้องบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวด
นอกจากนี้ในยามวิกาล 21.00-04.00 น. มีเคอร์ฟิว ห้ามออกจากบ้านยกเว้นความจำเป็นจริงๆ ใครมีธุระปะปังก็ต้องจัดการให้เสร็จภายใน 20.00 น. รวมทั้งร้านอาหาร ร้านขายยาก็ต้องปิดตามไปด้วยเพื่อให้มีเวลาเดินทางกลับบ้าน รถเมล์ รถแท็กซี่ รถไฟฟ้า รถโดยสารสาธารณะ วิ่งไปจนถึง 21.00 น. ก็ต้องหยุดวิ่ง ปัญหาที่ตามมาคือ กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน สำหรับคนที่ไม่มียานพาหนะส่วนตัวจะทำอย่างไร คงทุลักทุเลน่าดู
รัฐบาลโดย ศบค. พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ยังบอกด้วยว่า มาตรการนี้ค่อยๆบังคับจาก เบาไปหาหนัก หลังวันที่ 2 ส.ค.ไปแล้ว ถ้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่ดีขึ้นก็จะยกระดับขึ้นอีก ส่วนจังหวัดอื่นๆที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้มก็ยังใช้ประกาศฉบับที่ 24 สามารถรับประทานอาหารในร้านได้ตามปกติถึง 23.00 น. แต่ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ ยังไปไหนมาไหนได้ตามปกติ
รองนายกฯฝ่ายกฎหมาย วิษณุ เครืองาม ขยายความต่ออีกว่า ตามข้อกำหนดฉบับที่ 28 ฉบับล่าสุดที่ออกมา เป็นการปรับระดับพื้นที่ของ 3 จังหวัด ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และ พระนครศรีอยุธยา ให้เป็นพื้นที่สีแดงเข้มควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยที่ชาวบ้านไม่รู้เนื้อรู้ตัวมาก่อน
ห้ามออกนอกเคหสถาน 21.00-04.00 น. ร้านสะดวกซื้อ ก็ต้องปิดบริการ 20.00-04.00 น.และให้ชาวบ้านทำงานอยู่ที่บ้านร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งน่าจะหมายถึงข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ส่วนภาคเอกชนเป็นการขอความร่วมมือ และยอมรับว่า เอกชนไม่ทำก็ไม่ผิด แต่การเดินทางไปทำงานจะมีความยากลำบากมากขึ้นเพราะรถโดยสารสาธารณะจะน้อยลง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการควบคุมโรคแต่ละพื้นที่ด้วยว่ามีความเห็นจะให้เพิ่มความเข้มงวดหรือลดระดับลงมา
...
ส่วนที่มีการพูดกันเหลือเกินว่า ถ้ายังคุมสถานการณ์ไม่ได้ประเทศไทยอาจต้องใช้มาตรการเดียวกับเมืองอู่ฮั่น ปิดเมือง ห้ามออกจากบ้านร้อยเปอร์เซ็นต์ อาจจะเกิดคำถามตามมามากมาย อู่ฮั่นพบโควิด-19 เป็นครั้งแรก ปิดเมือง สร้างโรงพยาบาลสนามรองรับ ฉีดวัคซีน ทำการรักษา ตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลมให้เชื้อไวรัสไม่กระจายออกนอกอู่ฮั่น เจ็บแล้วจบ แต่บ้านเรา โควิด-19 ลามเข้าไปถึงในครัวเรือน ล็อกดาวน์ ก็เท่ากับล็อกโควิดเอาไว้ในครัวเรือน ทีนี้ได้ติดกันทั้งครอบครัว วัคซีนก็ไม่มี โรงพยาบาลก็ไม่มี ยาก็ไม่มี ชาวบ้านจะต้องรับกรรมตามลำพังแบบอนาถาไปตามระเบียบ ถ้ารัฐบาลกล้าที่จะปิดแหล่งคลัสเตอร์ สถานที่ก่อสร้าง โรงงาน แคมป์คนงาน ตลาดค้าปลีกค้าส่ง ตั้งแต่แรก
โควิด-19 ก็คงไม่ลามลงสู่ครอบครัว ถ้ารัฐบาลตัดสินใจ ปลดล็อกวัคซีน เสียตั้งแต่วันแรกที่การระบาดมีแนวโน้มหนักขึ้น ชาวบ้านก็คงไม่ป่วย ไม่ตาย เยอะขนาดนี้ เมื่อถึงทางตัน รัฐบาล เอาไม่อยู่ ยังโยนภาระให้ชาวบ้านตาดำๆต้องรับกรรมแบบอนาถา รัฐทำอะไรก็ไม่ผิด ประชาชนทำอะไรก็ผิดหมด.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th