จ่อล็อกดาวน์เข้มข้น หลังนายกฯประชุม ศบค.วาระพิเศษ พบการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ยังไม่ลดลงแต่กลับเพิ่มสูงต่อเนื่อง จากเชื้อไวรัสอันตรายสายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดง่ายแพร่เร็ว ทั้งประชาชนบางส่วนไม่ร่วมมือในมาตรการจำกัดการเดินทาง ยังไม่ยอมหยุดเคลื่อนตัว จนอาจทำให้สถานการณ์ทวีความรุนแรง สั่งทีมงานศึกษารูปแบบการล็อกดาวน์ หากจำเป็นจะประกาศใช้ สั่งทหาร-ตำรวจเดินเคาะประตูบ้านตรวจหาเชื้อ อียูถอดไทยออกจากประเทศปลอดภัยจากโควิดแล้ว คปภ.เอาจริงสั่งลงดาบ “สินมั่นคงประกันภัย” ใช้กฎเหล็กห้ามยกเลิกประกันภัยโควิด-19 ชี้ประชาชนเดือดร้อนอยู่แล้ว ควรช่วยดูแลกันยามวิกฤติ อย.อนุมัติชุดตรวจโควิดด้วยตนเอง 4 รายการ สลดเมืองกรุง มีทั้งตายคาบ้านคาถนนคารถเพราะโควิด

กลายเป็นกระแสร้อนแรงในโซเชียล ภายหลังบริษัท “สินมั่นคงประกันภัย” ประกาศยกเลิกกรมธรรม์โควิด-19 ทำให้ทัวร์ลงถล่มทลายชนิดเบรกไม่อยู่กันเลยทีเดียวและท่ามกลางความหวังของคนไทยจำนวนมากที่อยากจะได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อป้องกันความสูญเสียของชีวิต แต่ยังไม่สามารถหาที่ฉีดวัคซีนได้เนื่องจากปัญหาการจัดหาวัคซีนของภาครัฐ ทำให้มีบางรายที่ติดเชื้อป่วยหนักตายคาบ้านคารถก็มี โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร นับเป็นเรื่องที่น่าสลดหดหู่เศร้าใจที่ประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

...

“สินมั่นคง”ยกเลิกกรมธรรม์โควิด

เมื่อวันที่ 16 ก.ค. บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งยกเลิกผู้เอาประกันที่ซื้อ “ประกันภัยโควิด เจอ จ่าย จบ” หรือ COVID 2 in 1 พร้อมคืนเบี้ยประกันให้ลูกค้าภายใน 15 วัน โดยให้กรมธรรม์ประกันภัยสิ้นสุดความคุ้มครองทั้งฉบับ เมื่อล่วงพ้นกำหนด 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ผู้เอาประกันได้รับหนังสือ โดยสินมั่นคงประกันภัยระบุว่า การ ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 อันเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินที่ทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูง จึงนับเป็นภาวะวิกฤติด้านสาธารณสุขในระดับที่ท้าทายจนไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าสถานการณ์จะพัฒนาไปสู่จุดใด ส่งผลให้บริษัทต้องบริหารความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพ

คปภ.ค้าน-เรียกคุยอย่าหาทำ

ด้านนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ทันทีที่เห็นหนังสือ แจ้งลูกค้าของบริษัทสินมั่นคงประกันภัย ได้เรียกประชุมทีมงานพร้อมหารือกับสมาคมประกันวินาศภัย โดยคปภ.เตรียมใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก เริ่มจากเรียกบริษัทสินมั่นคงประกันภัยมาคุยให้ยกเลิกประกาศการยกเลิกประกันโควิด เพราะยังมีเวลาอีก 30 วัน หากไม่ยินยอมจะใช้อำนาจ คปภ.ในฐานะนายทะเบียนยกเลิกประกาศของบริษัทสินมั่นคง และยังคงรับประกันโควิดตามกรมธรรม์ คปภ.ไม่เห็นด้วยกับการบอกเลิกประกันโควิดครั้งนี้ เพราะในสถานการณ์ที่ประชาชนกำลังเดือดร้อน ระบบประกันควรเข้ามาช่วยดูแลประชาชน ที่ผ่านมาสินมั่นคงไม่เคยแจ้งให้ คปภ.ทราบมาก่อนว่าจะมีการบอกเลิก คปภ.ได้ประเมินความมั่นคงของทุกบริษัทประกันภัยภายใต้สถานการณ์ที่เลวร้าย ทุกแห่งมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งสามารถรับมือได้เป็นอย่างดี

บริษัทอื่นไม่มีนโยบายยกเลิก

ต่อมาสมาคมประกันวินาศภัยชี้แจงว่า ได้สอบถามบริษัทประกันวินาศภัยรายอื่นที่เป็นสมาชิกของสมาคม ซึ่งขายกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองการติดเชื้อโควิด-19 อยู่ ได้รับแจ้งว่ายังไม่มีนโยบายยกเลิกกรมธรรม์ สมาคมได้หารือไปยัง คปภ.ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ขอให้มั่นใจว่าธุรกิจประกันวินาศภัยไทยยังคงมุ่งมั่นทำหน้าที่เป็นผู้บริหารความเสี่ยงแบบมืออาชีพให้กับประชาชนและสังคม ดูแลลูกค้าอย่างเต็มความสามารถโดยเฉพาะในสถานการณ์วิกฤติที่เกิดขึ้นขณะนี้

ลงดาบออกคำสั่งห้ามบอกเลิก

ช่วงเย็นวันเดียวกัน นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ออกคำสั่งในฐานะนายทะเบียนที่ 38/2564 เรื่องให้ยกเลิกเงื่อนไขการใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโดยบริษัทในกรมธรรม์ประกันภัยโควิดสำหรับบริษัทประกัน-วินาศภัยเรียบร้อยแล้ว เพื่อสร้างความเป็นธรรม บรรเทาความเดือดร้อน และให้ความคุ้มครองแก่ผู้เอาประกันภัยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด ตลอดจนเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบธุรกิจประกันภัยโดยรวม สำหรับกรมธรรม์ประกันภัย โควิด ที่บริษัทได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียนและกรมธรรม์ประกันภัยโควิดที่บริษัทได้ออกให้แก่ผู้เอาประกันภัย ก่อนวันที่มีคำสั่งนี้และยังคงมีผลใช้บังคับ เว้นแต่ปรากฏหลักฐานชัดเจนต่อบริษัทว่าผู้เอาประกันภัยได้กระทำการทุจริตหรือฉ้อฉลประกันภัยเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์จากการประกันภัยนี้ เริ่มมีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

อัยการยันฟ้องศาลเอาผิดได้

นายธนกฤต วรธนัชชากุล ผอ.สำนักงานประสานงานกระบวนการยุติธรรม สถาบันนิติวัชร์ สำนักงานอัยการสูงสุด แสดงความเห็นข้อกฎหมายถึงเรื่องบริษัทสินมั่นคงประกันภัย แจ้งยกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 ว่า กรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทฯ เป็นข้อตกลงตามสัญญา เป็นสัญญาสำเร็จรูปที่มีการกำหนดข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญไว้ล่วงหน้าแล้ว หากข้อสัญญาใดทำให้บริษัทฯ ผู้รับประกันภัย ได้เปรียบผู้เอาประกันภัยเกินสมควร ให้ถือว่าข้อสัญญานั้นเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ให้มีผลบังคับได้เพียงเท่าที่เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณี นอกจากนี้ข้อตกลงที่ให้สิทธิบริษัทฯ บอกเลิกสัญญาได้โดยฝ่ายผู้เอาประกันภัยมิได้ผิดสัญญาในสาระสำคัญ ให้ถือว่าเป็นข้อตกลงที่ทำให้ได้เปรียบประชาชนผู้เอาประกันภัยเกินสมควร หากบริษัทฯไม่ยอมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยตามกรมธรรม์ประกันภัย โดยอ้างสิทธิในการบอกเลิกกรมธรรม์ผู้เอาประกันภัยย่อมมีสิทธินำคดีมาฟ้องต่อศาลและเรียกร้องให้บริษัทต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัยรวมทั้งค่าเสียหายได้

...

ศบค.ประเมิน 7 วันหลังล็อกดาวน์

อีกด้าน ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเช้าวันที่ 16 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว. กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค. เป็นประธานประชุม ศบค.ครั้งที่ 10/2564 มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ประธานคณะทำงานพิจารณาจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 หรือวัคซีนทางเลือก นพ.อุดม คชินทร นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ร่วมประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ 7 วัน หลังประกาศล็อกดาวน์ 10 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มและหารือการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโควิด-19

สั่งทหาร-ตร.เคาะประตูบ้านหาเชื้อ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในที่ประชุม ศบค. พล.อ.ประยุทธ์ขอให้คณะแพทย์และกระทรวง มหาดไทย ไปพิจารณาร่วมกันจะล็อกพื้นที่ที่ยังมีการเคลื่อนย้ายเดินทางกันอยู่ โดยเฉพาะแพทย์ใน ศบค.ห่วงว่าหากผู้ติดเชื้อสูงขึ้นหลักหมื่นต่อวันจะเอาไม่อยู่ อยากให้เร่งควบคุมพื้นที่ให้เบ็ดเสร็จ พร้อมกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังสั่งการไปยังเหล่าทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จัดชุดเคลื่อนที่เร็วเสนารักษ์ หรือเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการอบรมจากสถานพยาบาล ร่วมกับ กทม. และ สธ.กว่า 100 ชุด ลงพื้นที่ตรวจเชิงรุกแบบเคาะประตูบ้านโดยใช้ Rapid Antigen Test ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล พบผู้ป่วยนำส่ง รพ.สนามทันที หากเป็นกลุ่มเสี่ยงให้แจกจ่ายยาฟ้าทะลายโจร ยาลดไข้ แนะนำข้อปฏิบัติ ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.เป็นต้นไป ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ย้ำว่า เข้าใจสถานการณ์ดีและเข้าใจทุกคน ขอให้ใจเย็นๆกันหน่อย ให้ฟังหมอ สื่อสารเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ให้เป็นหน้าที่หมอและ ศบค.เป็นคนให้ข่าวเท่านั้น ประชาชนจะได้ไม่สับสน

...

นายกฯสั่งศึกษาใช้ยาแรง

เวลา 19.00 น. ภายหลังประชุม ศบค.วาระพิเศษ พล.อ.ประยุทธ์ โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.หลังยกระดับควบคุม 10 จังหวัดสีแดงเข้ม ได้เรียกประชุม ศบค.วาระพิเศษ เชิญคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ประเมินสถานการณ์และความจำเป็นในการปรับแผนการ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขรายงานการแพร่ระบาดยังคงไม่ลดลง โดยเฉพาะ กทม.และปริมณฑล และจังหวัดอื่นๆในประเทศมีแนวโน้มสูงขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาดได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น การหยุดเคลื่อนตัวของประชาชนยังคงทำได้ไม่มากพอ หากยังไม่มีมาตรการที่เข้มงวดขึ้นสถานการณ์อาจจะทวีความรุนแรงขึ้นอีก จนมีผลร้ายแรงต่อระบบสาธารณสุข ที่ประชุมจึงมีมติจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการจำกัดการเดินทางของประชาชนให้มากที่สุด และเพิ่มการปิดสถานที่ต่างๆให้เหลือเท่าที่จำเป็น รวมทั้งออกกฎการทำงานที่บ้านสูงสุด คณะแพทย์ที่ปรึกษาจะหารืออย่างละเอียดรอบคอบ ศึกษารูปแบบการล็อกดาวน์ในประเทศเพื่อทำเป็นมาตรการเสนอต่อ ศบค. อย่างเร่งด่วนเพื่อดำเนินการโดยเร็วที่สุด ขอให้ผู้ว่าฯ 10 จังหวัดสีแดงเข้มและจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นเตรียมความพร้อม แต่ให้เกิดความเดือดร้อนต่อประชาชนน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

จ่อล็อกดาวน์เข้มงวดขึ้นเร็วๆนี้

“ขอให้พี่น้องประชาชนทุกคนร่วมกันตระหนักถึงความจำเป็นที่อาจต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดมากขึ้นในเร็วๆนี้ และอาจจะทำให้ได้รับผลกระทบความไม่สะดวกในหลายๆอย่าง แต่ขอให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจว่า ทุกมาตรการที่ออกมาพิจารณาอย่างรอบคอบ ทั้งด้านสาธารณสุขและด้านเศรษฐกิจ เชื่อว่าหากทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันเต็มที่ ประเทศไทยจะฝ่าวิกฤตินี้ไปได้โดยเร็วที่สุดและรัฐบาลจะเร่งจัดหาวัคซีนจากทุกๆแหล่งให้ได้มากที่สุดเร็วที่สุด โดยไม่เคยปิดกั้นการจัดหาวัคซีนทางเลือกจากภาคเอกชน”

...

ศปก.ศบค.เชิญตัวแทนสื่อทีวีหารือ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ได้เชิญตัวแทนสื่อมวลชนในส่วนของสถานีโทรทัศน์ระดับผู้มีอำนาจตัดสินใจในการกำหนดทิศทางการนำเสนอข่าวเข้าหารือ ในเวลา 13.30 น. วันที่ 18 ก.ค.ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล คาดว่าเป็นการหารือเพื่อกำหนดทิศทางการนำเสนอข่าวสารต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งปัจจุบันมีความสับสนในเรื่องของข้อมูลข่าวสาร เป็นที่น่าสังเกตว่าในการเชิญตัวแทนสื่อมวลชนเข้าพบปะหารือครั้งนี้เป็นเฉพาะในส่วนของสถานีโทรทัศน์ก่อนเท่านั้น

ติดเชื้อใหม่ 9,692 ตาย 67

ต่อมาเวลา 14.00 น. พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค.แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวัน ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า มีผู้ติดเชื้อใหม่ 9,692 ราย ติดเชื้อในประเทศ 9,062 ราย จากระบบเฝ้าระวังและบริการ 6,733 ราย ค้นหาเชิงรุกในชุมชน 2,329 ราย เรือนจำและสถานที่ต้องขัง 615 ราย จากต่างประเทศ 15 ราย ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 381,907 ราย หายป่วยเพิ่ม 5,730 ราย ยอดหายป่วยสะสม 271,857 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 106,951 ราย อาการหนัก 3,367 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 847 ราย เสียชีวิตเพิ่มเติม 67 ราย ชาย 34 ราย หญิง 33 ราย อยู่ใน กทม. 33 ราย สมุทรปราการ ปทุมธานี จังหวัดละ 5 ราย นครนายก นครปฐม นครสวรรค์ นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ์ ยะลา สงขลา สมุทรสาคร จังหวัดละ 2 ราย จ.เชียงราย เพชรบุรี ตราด นราธิวาส ร้อยเอ็ด สกลนคร อำนาจเจริญ อุดรธานี จังหวัดละ 1 ราย ยอดเสียชีวิตสะสม 3,099 ราย ยอดฉีดวัคซีน เพิ่มเติม 289,998 โดส ฉีดสะสม 13,823,355 โดส

กทม.ครองแชมป์รายวัน

พญ.อภิสมัยกล่าวว่า สำหรับ 10 จังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพฯ 2,195 ราย สมุทรสาคร 653 ราย สมุทรปราการ 607 ราย ชลบุรี 530 ราย นนทบุรี 456 ราย ฉะเชิงเทรา 374 ราย ยะลา 264 ราย ปทุมธานี 243 ราย นครปฐม 202 ราย และปัตตานี 191 ราย

คนไม่ค่อยร่วมมือจ่อเข้มมาตรการ

พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ในที่ประชุม ศบค.ที่มีนายกฯเป็นประธาน ได้ติดตามมาตรการในพื้นที่เฝ้าระวังสูงสุดและเข้มงวด ช่วง 5 วันที่ผ่านมา เพื่อประเมินการควบคุมการแพร่ระบาด โดยศูนย์ปฏิบัติการการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) รายงานว่า มีการกระทำผิด 217 ราย เป็นการฝ่าฝืนมาตรการออกนอกเคหสถาน 158 ราย ฝ่าฝืนการห้ามรวมกลุ่ม 59 ราย ดำเนินคดีไปทั้งสิ้น 45 คดี ที่เหลือเป็นการว่ากล่าวตักเตือน ศปม.ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่จะทำงานอย่างเข้มงวด ขอความร่วมมือให้ประชาชนทำตามมาตรการ

ติดเชื้อจากวงไพ่หลังรถกระบะ

ขณะที่กระทรวงคมนาคมรายงานว่า ยังคงมีการเดินทางของประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะออกนอกพื้นที่สีแดงเข้ม กรมควบคุมโรคพบผู้ติดเชื้อจากวงไพ่ที่เล่นกันหลังรถกระบะไม่สวมหน้ากากขณะเดินทาง ทำให้เห็นว่าบางส่วนไม่ทำตามมาตรการ ที่ประชุมเป็นห่วง เห็นว่าอาจต้องปิดกิจการบางอย่างมากขึ้น และอาจต้องปรับมาตรการให้เข้มข้นขึ้น จากให้เปิดกิจการกิจกรรมถึงเวลา 20.00 น. เพื่อให้มีเวลาเดินทางกลับก่อนเวลา 21.00 น. ที่กำหนดห้ามออกนอกเคหสถาน มาตรการที่ประกาศไปเป็นการล็อกดาวน์เฉพาะ 10 จังหวัด แต่ช่วง 5 วัน ยังพบว่า ยังน่าเป็นห่วง ผอ.ศบค.ขอให้คณะแพทย์ที่ปรึกษา ทบทวนมาตรการเพื่อเสนออย่างเร่งด่วน อาจมีการปรับมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้น

สธ.แจ้ง รพ.ฉีดสลับชนิด

ขณะที่ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการใช้วัคซีนสลับชนิดว่า จากนี้จะมีหนังสือจากกระทรวงสาธารณสุข ส่งไปยังสถานพยาบาลต่างๆ ให้รับทราบแนวทางการใช้อย่างชัดเจน หลักการจากนี้จะให้ใช้ 2 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย 1.วัคซีนซิโนแวคเข็มที่ 1 ตามด้วยแอส-ตราเซเนกาเข็มที่ 2 ห่างกันประมาณ 3-4 สัปดาห์ 2.วัคซีนแอสตราเซเนกา เข็มที่ 1 และแอสตราฯ เข็มที่ 2 ส่วนการฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม ขึ้นอยู่กับกรณี เช่น ผู้มารับบริการขอฉีดซิโนแวค เป็นต้น ทั้งหมดฉีดได้ในกลุ่มอายุ 18 ปีขึ้นไป การฉีดตรงนี้ มีเหตุผลทางข้อมูลวิชาการ เพื่อนำมารองรับกรณีสายพันธุ์เดลตา แต่หากมีสายพันธุ์อื่นๆ หรือมีวัคซีนชนิดอื่นๆ มาต้องปรับเปลี่ยนอีก จะปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์และสายพันธุ์ที่ปรับเปลี่ยนกัน

บูสเตอร์หลังเข็ม 2 ใน 4 สัปดาห์

ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวด้วยว่า ส่วนการบูสเตอร์โดส กระทรวงฯ จะมีหนังสือแจ้งการฉีดดังกล่าว โดยฉีดให้กับบุคลากรการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคไปก่อนหน้านี้ครบ 2 เข็ม โดยจะบูสเตอร์หลังเข็มสองไปแล้ว 4 สัปดาห์ด้วยการฉีดวัคซีนแอสตราฯ หรือชนิด mRNA ของรัฐ คือไฟเซอร์ หากมาเมื่อไหร่ ฉีดต่อได้ทันที แต่ตอนนี้มีแอสตราฯ จะดำเนินการด้วยแอสตราฯ ใครจะรอไฟเซอร์ก็รอได้แต่ต้องป้องกันตัวเองอย่างเข้มข้น

กาชาดเปิดจองวัคซีน

อีกด้าน นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด แจ้งว่า สภากาชาดไทยได้สั่งจองวัคซีนป้องกันโควิด-19 โมเดอร์นาจำนวนหนึ่งและจะจัดสรรโควตาให้แก่ อบจ.แต่ละจังหวัด เพื่อนำไปฉีดให้ประชาชนกลุ่มเปราะบางและกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่ฟรี จึงขอให้ อบจ.ที่ต้องการซื้อวัคซีนไปฉีดให้ประชาชน แจ้งมายังสภากาชาดไทย ภายในวันที่ 21 ก.ค. โดยให้จัดทำแผนจำนวนคนแต่ละกลุ่มเป้าหมาย 5 กลุ่ม โดยแผนดังกล่าวต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัด เมื่อสภากาชาดไทยแจ้งการจัดสรรโควตาให้ อบจ. แล้วขอให้ชำระเงิน ภายในวันที่ 23 ก.ค. ก่อนเวลา 12.00 น. สภากาชาดไทยจะทยอยจัดสรรวัคซีนได้ ตั้งแต่เดือน ต.ค.64 เป็นต้นไป

จองไว้ไม่ได้แย่งใครมา

นายเตชเผยด้วยว่า คาดว่าสภากาชาดไทยจะได้รับวัคซีนโมเดอร์นา ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 และต้นปี 2565 วัคซีนส่วนหนึ่งสภากาชาดไทยจะฉีดเอง อีกส่วนส่งต่อให้โรงพยาบาลรัฐที่ต้องการฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ ที่เหลือส่งต่อให้ อบจ. ที่ต้องฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายที่สภากาชาดไทยกำหนด หน่วยงานที่รับวัคซีนโมเดอร์นา ต้องนำวัคซีนไปฉีดโดยไม่คิดมูลค่าห้ามจำหน่ายต่อ สำหรับวัคซีนโมเดอร์นา คาดว่า 1-2 สัปดาห์จะทราบราคาที่ชัดเจน สภากาชาดไทยสั่งจองจากบริษัทตัวแทนผู้ผลิตวัคซีนโมเดอร์นาในประเทศไทยไว้ 1 ล้านโดส เมื่อองค์การเภสัชกรรมที่เป็นตัวแทนภาครัฐในการนำเข้าวัคซีน ทราบว่าสภากาชาดไทยได้เจรจาและสั่งจองไว้ 1 ล้านโดส ซึ่งองค์การเภสัชกรรมจะนำเข้าได้ 5 ล้านโดส จึงได้กันไว้ให้สภากาชาด 1 ล้านโดส เราไม่ได้แย่งมาจากใครทั้งสิ้น

ขอช่วยผู้ด้อยโอกาสมากที่สุด

“ขณะนี้ไทยมีผู้ด้อยโอกาสอยู่ประมาณ 11 ล้านคนใน 76 จังหวัด ต้องขอความเข้าใจและความเห็นใจ สภากาชาดไทยเป็นเพียงองค์กรการกุศลที่ต้องการช่วยประชาชนเท่าที่เราจะทำได้ งบประมาณก็มีจำกัดแต่พยายามหางบมาช่วยเท่าที่จะทำได้ หากเราได้รับวัคซีนมา 1 ล้านโดส เราจะฉีดวัคซีนได้คือ 5 แสนคน ขณะที่ไทยมีผู้ด้อยโอกาส 11 ล้านคน ก็ต้องช่วยผู้ด้อยโอกาสมากที่สุดก่อน และจะทำอย่างดีที่สุด” นายเตชกล่าว

เศร้าตายระหว่างรอเตียงเพียบ

ด้าน พล.อ.ท.นพ.อนุตตร จิตตินันทน์ ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า เมื่อวันที่ 15 ก.ค. เป็นวันแรกที่ผู้ป่วยโควิด-19 รักษาอยู่ในระบบเกิน 1 แสนราย ผู้ป่วยรายวันยังสูงมาก 8-9 พันคน ถ้าเทียบกับที่มีการคัดกรองได้ไม่เต็มที่ ตัวเลขจริงๆน่าจะเกินหมื่นไปแล้ว คนไข้นอน รพ.เพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่าในเวลาไม่ถึง 1 เดือน จาก 6,105 ราย เมื่อ 19 มิ.ย. เป็น 58,582 ราย สภาพแบบนี้ทุก รพ.สาหัสกันหมด แบ่งเตียงกันเต็มที่ ทำงานไม่ได้หยุด ทุกโรงพยาบาลต้องการหมุนเตียงเพื่อรับผู้ป่วยให้ทัน ถึงแม้ใช้มาตรการแยกตัวที่บ้าน (Home isolation) แล้ว แต่โรงพยาบาลก็ยังแน่น ผู้ป่วยกว่าจะได้เตียงต้องใช้เวลาหลายวัน จึงเห็นภาพผู้ป่วยอาการหนักต้องเสียชีวิตระหว่างรอเตียงมากขึ้น ยังเห็นรถราติด คนใช้บริการรถสาธารณะ รถไฟฟ้ากันแน่น

เวิร์กฟรอมโฮมไม่ได้ผล

ประธานราชวิทยาลัยฯระบุอีกว่า การขอความร่วมมือ WFH ดูไม่ค่อยได้ผล หลายคนยังคงต้องออกมาทำงานกัน ไม่แน่ใจว่ามาตรการที่ออกมาจะได้ผลแค่ไหน คงต้องรออีกระยะ ตอนนี้คงต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย บุคลากรทางการแพทย์ใน รพ.ต่างๆ ตอนนี้เราได้แค่ตั้งรับ เหมือนเขื่อนที่น้ำล้นเต็มที่ ถ้าไม่รีบลดภาวะน้ำหลาก ก็เพียงรอเวลาที่เขื่อนจะพัง ถึงตอนนั้นจะเห็นผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นมากกว่านี้อีก ช่วยกันป้องกันตนเองด้วยมาตรการสูงสุด อยู่บ้านให้มากที่สุด คิดเสมอว่าทุกคนอาจมีเชื้อที่จะติดต่อมาถึงเราได้ สวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง ใช้สองชั้นยิ่งดี ล้างมือบ่อยๆ คิดเสมอว่าพื้นผิวรอบตัวอาจมีเชื้อที่จะติดมือเรามาได้ ทานอาหารสุก แล้วรีบรับวัคซีนให้เร็วที่สุดเมื่อมีโอกาส

ราชวิทยาลัยฯหนุนบูสเตอร์โดส

ขณะเดียวกัน ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์สนับสนุนใช้วัคซีนโควิด-19 บูสเตอร์โดส มีเนื้อหาอ้างถึงจุดยืนราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ฯ ที่แถลงเมื่อวันที่ 5 ก.ค. สนับสนุนให้ใช้วัคซีนที่มีข้อมูลประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อเชื้อกลายพันธุ์ กระตุ้นภูมิคุ้มกันให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเสี่ยงสูง ต่อมามีนโยบายจาก ศบค.ว่าบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับซิโนแวคครบ 2 เข็มแล้ว จะได้รับวัคซีนกระตุ้นภูมิเป็นเข็มที่ 3 ด้วยวัคซีนแอสตราเซเนกาหรือไฟเซอร์ เนื่องจากพบว่าภายหลังการได้รับซิโนแวค 2 เข็มแล้ว ค่า Nab ลดลงอย่างรวดเร็วภายใน 1-2 เดือน จึงควรเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า การกระตุ้นด้วยแอสตราฯ มีรายงานจากกลุ่มประชากรตัวอย่างไม่มากในประเทศไทยทั้งต่อสายพันธุ์อัลฟาและเดลตาได้ดี น่าจะเป็นวัคซีนที่ได้รับการฉีดกระตุ้นได้เร็วที่สุด ส่วนการกระตุ้นด้วยไฟเซอร์ มีรายงานในกลุ่มประชากรตัวอย่างไม่มากนักในต่างประเทศ พบว่ากระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีเช่นกัน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเราจะได้รับไฟเซอร์เมื่อไหร่ และยังไม่มีรายงานอาการไม่พึงประสงค์จากการกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วยวัคซีนของทั้งสองบริษัท การตัดสินใจฉีดกระตุ้นด้วยวัคซีนชนิดใด จึงขึ้นกับการตัดสินใจของแต่ละท่าน โดยต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงต่อการเป็นโควิด-19 และความพร้อมของวัคซีนที่จะได้รับด้วย

โกงอายุหวังได้ฉีดวัคซีน

นพ.ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ตามที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เปิดให้ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ลงทะเบียนรับการฉีดวัคซีนผ่านค่ายมือถือเพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีนในวันที่ 16-31 ก.ค. เวลา 09.00-17.00 น. ปรากฏว่าพบการแจ้งข้อมูลวันเกิด อายุ เป็นเท็จ ในการลงทะเบียนจำนวนมากพอสมควร เพื่อรับคิวสำหรับผู้สูง อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งผู้แจ้งข้อมูลเท็จแม้จะลงทะเบียนจองคิวได้สำเร็จ แต่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อตรวจพบได้และจะไม่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ เนื่องจากต้องเร่งฉีดให้เฉพาะกลุ่มเป้าหมายคือ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีอัตราการป่วยรุนแรงและอัตราการเสียชีวิตสูงมากก่อน

จะมีเอสเอ็มเอสและโค้ดพิเศษ

ด้าน พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผอ.ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ กล่าวว่า ผู้สูงอายุที่ได้คิวฉีดวัคซีนจะได้รับเอสเอ็มเอสและคิวอาร์โค้ด ที่มีสัญลักษณ์พิเศษ สำหรับผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปี ขอให้เตรียมเอสเอ็มเอสและคิวอาร์โค้ด พร้อมบัตรประชาชน แสดงต่อเจ้าหน้าที่คัดกรอง เพื่อให้เกิดความรวดเร็วลดความแออัด

อนุมัติชุดตรวจ 4 รายการ

นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า อย.อนุมัติขึ้นทะเบียนชุดตรวจโควิด-19 แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเองรวม 4 รายการ คาดว่าผู้ผลิตและผู้นำเข้าจะเริ่มกระจายชุดตรวจไปถึงมือประชาชนได้ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค. วางจำหน่ายในสถานพยาบาล หน่วยงานของรัฐ ร้านขายยาที่มีเภสัชกร เพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้ วิธีเก็บสิ่งส่งตรวจ วิธีแปลผล ข้อปฏิบัติตัวหลังทราบผลการตรวจ การทิ้งชุดตรวจอย่างเหมาะสม ขอให้ผู้บริโภคสังเกตที่ฉลากของชุดตรวจจะมีข้อความภาษาไทยระบุว่า บุคคลทั่วไปสามารถใช้ได้ และเลขที่ประเมินเทคโนโลยีที่ได้รับอนุมัติจาก อย.บนฉลากหรือเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์ ตรวจสอบชุดตรวจที่ได้รับอนุญาตจาก อย.ได้ที่ https://www.fda.moph.go.th/sites/Medical/SitePages/test_kit_covid19.aspx  และไม่ควรซื้อชุดตรวจหาแอนติเจนเองผ่านสื่อออนไลน์หรือแหล่งอื่นเพราะอาจได้รับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐาน เสี่ยงต่อการนำไปใช้และแปลผลผิดพลาด ผู้ประกอบการที่จะโฆษณาจำหน่ายชุดตรวจต้องได้รับอนุญาตจาก อย. ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อียูถอดไทย ปท.ปลอดภัยโควิด

นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 ก.ค.คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป (อียู) ได้ปรับไทยออกจากรายชื่อกลุ่มประเทศที่ 3 ที่เห็นว่าปลอดภัยและควรได้รับการผ่อนปรนมาตรการจำกัดการเดินทางเข้าหรือ EU White List ทำให้มี 23 ประเทศที่อยู่ใน EU White List ได้แก่ แอลเบเนีย อาร์เมเนีย ออสเตรเลีย อาเซอร์ไบจาน บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา บรูไน แคนาดา อิสราเอล ญี่ปุ่น จอร์แดน เลบานอน มอนเตเนโกร นิวซีแลนด์ กาตาร์ มอลโดวา มาซิโดเนีย ซาอุดีอาระเบีย เซอร์เบีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ยูเครน สหรัฐฯ และจีน ทั้งนี้มาตรการดังกล่าว สมาชิกอียูแต่ละประเทศยังมีอำนาจเต็มในการกำหนดเงื่อนไขการเดินทางเข้าประเทศของตน ผู้เดินทางจากไทยอาจมีมาตรการการกักตัว หรือการตรวจหาเชื้อโควิดที่เข้มข้นขึ้น ตรวจสอบรายละเอียดที่เว็บไซต์ https://reopen.europa.eu  หรือสถานเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทยได้

หมอขอโทษ ปชช.เลื่อนฉีดวัคซีน

นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ผช.ผอ.รพ.มหาราชนครราชสีมา จ.นครราชสีมา เปิดเผยภายหลังร่วมประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา ถึงเรื่องการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชนที่ลงทะเบียนจองวัคซีนกับ รพ.มหาราชฯ ว่า ต้องขอโทษประชาชนในเขต อ.เมืองนครราชสีมา ที่มาขอรับการฉีดวัคซีนกับ รพ.มหาราชฯ แต่ยังไม่สามารถเข้ารับการฉีดได้ในช่วงนี้ ต้องขอเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด รพ.ขอยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า สาเหตุเกิดจากวัคซีนไม่เพียงพอ เพราะขณะนี้ต้องระดมฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่สีแดงเข้มอย่างเร่งด่วน คาดว่าจะสามารถฉีดได้ครอบคลุมตามเป้าโดยเร็ว จากนั้นจึงจะจัดสรรกระจายวัคซีนไปยังจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ ในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อระดมฉีดให้ได้ตามเป้าของแต่ละจังหวัดต่อไป

สมุทรสาครยอดพุ่งลิ่ว 681

วันเดียวกัน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาครรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิดใหม่รวม 681 ราย เป็นผู้ติดเชื้อจากค้นหาเชิงรุก 139 ราย จากการเข้ารับการตรวจในโรงพยาบาลทั้งคนในจังหวัดและคนนอกจังหวัด 514 ราย ติดเชื้อในกลุ่ม Bubble & Sealed ในเรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร 28 ราย ขณะที่นายบรรพต จันทรวงษ์ นอภ.กระทุ่มแบน นำคณะเปิดโรงพยาบาลสนามในชุมชน หรือ “ศูนย์พักคอยคนสาคร (กระทุ่มแบน ศูนย์ 8)” แห่งแรกของอำเภอกระทุ่มแบนและแห่งแรกของจังหวัดสมุทรสาคร ที่อาคารโกดังอุตสาหกรรมเพื่อการเก็บพืชผลทางการเกษตร ภายในโครงการโชคอำนวยแฟคตอรี่ ต.ท่าเสา รองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 กลุ่มสีเขียวอ่อนได้ 300 ราย

มักง่ายทิ้งขยะเชื้อโรคข้าง รง.

ขณะที่ผู้สื่อข่าวไทยรัฐได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในซอยจงศิริปาร์ค หมู่ 21 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ว่ามีรถตู้พยาบาลของเอกชนนำเอาถุงขยะติดเชื้อมาทิ้งข้างกำแพงหน้าโรงงานริมถนนในซอย น.ส.ยุพิน ทรัพย์สิน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 21 ต.บางพลีใหญ่ ไปที่เกิดเหตุ พบกองขยะที่มีผู้มักง่ายนำขยะต่างๆ มาโยนทิ้งไว้ มีทั้งถุงมือ ชุด PPE หน้ากากอนามัยที่ถูกใช้งานแล้วจำนวนมาก และยังมีรถตู้คันหนึ่งนำถุงขยะติดเชื้อจำนวนมากมาโยนทิ้งที่ข้างกำแพงโรงงาน มีกล้องวงจรปิดจับภาพและพฤติกรรมเอาไว้ได้อย่างชัดเจนเป็นรถตู้พยาบาลของเอกชนคล้ายกับอาสาสมัครกู้ภัยแต่ไม่มีการติดโลโก้ของหน่วยงานใด ในถุงมีทั้งหน้ากากอนามัย ชุด PPE รวมถึงชุดตรวจโควิด ที่ถูกใช้งานแล้วจึงประสาน อบต.บางพลีใหญ่ ส่งเจ้าหน้าที่มาเก็บไปกำจัดอย่างถูกวิธี พร้อมทั้งฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อแล้ว

เศร้าแม่ติดโควิดตายลูกรอด

ที่ จ.ปทุมธานี นางอร (นามสมมติ) อายุ 44 ปี ไปขอความช่วยเหลือมูลนิธิปวีณาฯ เรื่องลูกสาว อายุ 24 ปี ที่ตั้งท้อง 8 เดือน ตรวจพบว่าติดโควิด-19 เข้ารักษาตัวที่ รพ.เอกชนใน จ.ปทุมธานี และได้ผ่าคลอดลูกชายออกมาปลอดภัยแต่เด็กต้องอยู่ในตู้อบห้องปลอดเชื้อและ รพ.แจ้งค่าใช้จ่ายของลูกสาวกับหลานอยู่ที่ 3 แสนบาท ต่อมานางปวีณาได้ประสานนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผวจ.ปทุมธานี ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือและนายชัยวัฒน์ได้ให้เจ้าหน้าที่ สปสช. มาเจรจากับ รพ.ช่วยลดค่าใช้จ่ายจนเหลือประมาณ 7 หมื่นบาท ต่อมาเช้าวันที่ 16 ก.ค. นางอิงได้เสียชีวิต ส่วนทารกยังอยู่ในตู้อบห้องปลอดเชื้อและมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม นางอรมีฐานะยากจนจึงขอความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญขอรับบริจาคเป็นค่าใช้จ่ายของทารกที่ยังต้องอยู่ในตู้อบโรงพยาบาล ผ่านบัญชีนายเอกชัย เกาะพราหมณ์ (สามีผู้เสียชีวิตพ่อของทารก) ธ.ออมสิน สาขาลำลูกกา บัญชีเลขที่ 0202 79176414

สลดตายคาบ้าน–คาถนน–คารถ

วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เดินทางไปเก็บศพผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่เสียชีวิตคาบ้านในซอยเจริญกรุง 107 แยก 9 ระหว่างรอเตียงเข้ารับการรักษาและยังพบคนในบ้านป่วยโควิด-19 อีก 5 คน ขณะที่อีกรายตายอยู่ที่ถนนปากทางเข้าสำนักงานเขตบางรัก ถนนนเรศ กทม. พ.ต.ต.ศักดิ์นรินทร์ ตรีสุภาพ สว. (สอบสวน) สน.บางรัก ไปตรวจสอบเหตุพบศพนายสมศักดิ์ แจ่มพงศ์ษา อายุ 79 ปี พ.ต.ต.ศักดิ์นรินทร์เผยว่า ผู้ตายเป็นคนเร่ร่อน ก่อนเกิดเหตุมีคนเห็นนายสมศักดิ์ขี่รถจักรยานมาแล้วจอดรถเดินมาถึงที่เกิดเหตุ แล้วทรุดตัวลงนั่งก่อนจะนอนลงไปกับพื้น ชาวบ้านเห็นจึงแจ้งรถกู้ชีพ รพ.เลิดสินมาช่วยปั๊มหัวใจแต่ไม่เป็นผล ช่วงเย็นมีผู้ป่วยโควิด-19 รวม 4 คนนั่งรถจะเดินทางไปรพ.ประชาพัฒน์ แต่ได้เสียชีวิตบนรถไป 1 คน ส่วนอีก 3 คน เจ้าหน้าที่ รพ.และเจ้าหน้าที่ตำรวจให้นั่งอยู่ในรถรอเจ้าหน้าที่ชุด PPE มารับตัว นับเป็นเรื่องสุดหดหู่น่าสลดใจรายวันที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร

ศปม.ห้ามชุมนุมมั่วสุม

เวลา 21.00 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่องห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุมที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ฉบับที่ 6) มีเนื้อหาสรุปว่าโดยที่การระบาดของโรคโควิด-19 ทวีความรุนแรงจนเสี่ยง และมีการประกาศข้อกำหนดฉบับที่ 27 จึงห้ามมิให้มีการมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค หรือการกระทำอันเป็นการฉวยโอกาสซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนหรือการกลั่นแกล้งเพื่อแพร่โรค ณ ที่ใดๆทั่วราชอาณาจักร ห้ามมิให้มีการชุมนุม หรือการทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ที่มีประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และพื้นที่ควบคุมสูงสุด เว้นแต่กรณีได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเป็นกิจกรรมที่ดำเนินโดยพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเป็นกิจกรรม สำหรับการจัดกิจกรรมในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ให้ประชาชนงดจัดกิจกรรมทางสังคมที่มีการรวมกลุ่มในลักษณะการสังสรรค์ ขณะที่มาตรการควบคุมแบบบูรณาการเร่งด่วน เฉพาะในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดปริมณฑล ได้แก่ จังหวัดนครปฐม จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรสาคร ห้ามการชุมนุมหรือการทำกิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีจำนวนรวมกันมากกว่าห้าคน เว้นแต่กรณีได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นกิจกรรมที่ดำเนินการโดยพนักงานเจ้าหน้าที่

ฝ่าฝืนคุกไม่เกิน 2 ปี

ประกาศระบุด้วยว่า ห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือการทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค ในพื้นที่ที่มีประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูงหรือพื้นที่เฝ้าระวัง เว้นแต่กรณีได้รับอนุญาต จากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นกิจกรรมที่ดำเนินโดยพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเป็นกิจกรรมในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นสถานที่กักกันโรค หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศนี้ ต้องรับโทษตามมาตรา 18 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ในกรณีที่มีการออกข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้ประกาศฉบับนี้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไป เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดฉบับใหม่ดังกล่าวทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.2564 เป็นต้นไปพล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง