ประธานบอร์ด อ.ส.ค.คนใหม่ ชูนโยบายเร่งด่วน ผลักดันองค์กรก้าวสู่อุตสาหกรรมโคนมครบวงจร พร้อมเดินหน้าเร่งแก้ไขปัญหาในองค์กร-เร่งระบายสต็อกผลิตภัณฑ์นมที่ล้น เพิ่มความคล่องตัวทางการเงิน-ขับเคลื่อนสืบสานอาชีพการเลี้ยงโคนมให้เกษตรก

เมื่อวันที่ 5 ก.ค.64 นายปริญญา เพ็งสมบัติ ประธานกรรมการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) กล่าวถึงนโยบายและทิศทางในการบริหารในโอกาสเข้ารับการดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ อ.ส.ค.คนใหม่ว่า ปี 2564 เป็นปีที่มีความท้าทายยิ่งสำหรับ อ.ส.ค.ทั้งปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ที่มีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งส่งผลกระทบไปทั่วโลก และกระทบต่อการดำเนินงานของ อ.ส.ค.ด้วยเช่นกัน ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาเกินกว่าครึ่งปีงบประมาณ 2564 พบว่า รายได้และผลประกอบการจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมยังไม่ได้ตามเป้าหมาย ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่มีความต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ส่งผลต่อการบริโภคของประชาชนโดยทั่วไป รวมถึงการบริโภคผลิตภัณฑ์นมด้วย ทั้งนี้หากการบริโภคลดลงย่อมส่งผลต่อยอดขายผลิตภัณฑ์นมลดลงด้วย แต่องค์กรยังคงต้องรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมเป็นไปอย่างปกติ จึงส่งผลให้มีสต็อกผลิตภัณฑ์นมสะสมเป็นจำนวนมาก

จากเหตุผลดังกล่าวเป็นความจำเป็น ที่องค์กรต้องระมัดระวังการบริหารจัดการให้มีความคล่องตัว ทางการเงินในช่วงเวลาปัจจุบัน ควบคู่กับการวางรากฐานของการบริหารจัดการองค์กรที่มีความเป็นเลิศ ให้ อ.ส.ค.อยู่รอด และมีการเจริญก้าวหน้าเป็นองค์กรชั้นนำของประเทศ ด้านอุตสาหกรรมโคนมแบบครบวงจรในอนาคต พร้อมกับการสืบสานอาชีพการเลี้ยงโคนม ให้เกษตรกรมีความเข้มแข็ง และเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ภายใต้สภาวะการแข่งขันที่รุนแรงเกิดขึ้น จากจำนวนคู่แข่งทางการค้า รวมถึงการเปิดเขตการค้าเสรี (FTA) และวิถีชีวิตใหม่ของคนไทย โดยมีแนวนโยบายที่มอบให้กับฝ่ายบริหารของ อ.ส.ค. 2 ด้าน คือ นโยบายเร่งด่วน และนโยบายด้านการพัฒนาองค์กร ให้เป็นองค์กรชั้นนำด้านอุตสาหกรรมโคนมแบบครบวงจรในอนาคต  

...

สำหรับนโยบายเร่งด่วนนั้น จะเร่งรัดแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยการเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพ ด้านการตลาดเพื่อนำการผลิต จัดทำแผนตลาดเชิงรุก มุ่งเน้นให้ผลิตภัณฑ์นมถึงผู้บริโภคได้สะดวก รวดเร็ว กระจายสินค้าให้ครอบคลุมทุกช่องทางการจำหน่ายและทุกพื้นที่ มีการระบายผลิตภัณฑ์นมที่มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสต็อกผลิตภัณฑ์นมที่มีปริมาณมาก และเกิดประโยชน์ต่อองค์กรสูงสุด โดยดำเนินการใน 3 ด้านคือ  1.การจัดทำแผนการตลาดเชิงรุก โดยวางแผนร่วมกับตัวแทนจำหน่าย เพื่อระบายสต็อกผลิตภัณฑ์นม 2.เร่งรัดการดำเนินงานขององค์การในด้านการลดค่าใช้จ่าย ปรับแผนงานปี 2564 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการจัดการภายในองค์กรและ 3.เพิ่มขีดความสามารถขององค์กรในด้านบุคลากรและแผนธุรกิจ สนับสนุนบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถให้ทำงาน ตามความรู้ความสามารถของตนเอง ปรับการจัดทำแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาพทางสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป

ส่วนนโยบายด้านการพัฒนาองค์กรให้เป็นองค์กรชั้นนำ ด้านอุตสาหกรรมโคนมแบบครบวงจรในอนาคตนั้น จะเน้นให้ความสำคัญตลาดนำการผลิต เป็นการปรับเปลี่ยนต่อยอดธุรกิจ เพื่อเพิ่มตลาดสินค้าด้วยนวัตกรรม การเพิ่มจำนวนคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศ หรือการสร้าง New S-curve ควบคู่กับการสร้างความมั่นคงและยั่งยืน ของอาชีพการเลี้ยงโคนมแก่เกษตรกร ให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านบุคลากรให้มีความชาญฉลาด กระบวนการทำงานที่ได้มาตรฐานสากล และเทคโนโลยีอัจฉริยะ เพื่อให้ อ.ส.ค. มีศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยต้นทุนที่ต่ำ รวมทั้งมีผลิตภัณฑ์ที่มูลค่าและกำไรต่อหน่วยที่สูงขึ้น โดยเน้น 4 ด้าน คือ 1.ด้านการบริหารจัดการองค์กร 2.ด้านการส่งเสริมการเลี้ยงโคนม 3.ด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์นม และ 4.ด้านการตลาดและการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นม

"ผมมีความมุ่งมั่นตั้งใจผลักดันให้ อ.ส.ค.ผ่านพ้นวิกฤติการณ์ที่กำลังส่งผลกระทบต่อองค์กรอยู่ในขณะนี้ และเร่งขับเคลื่อนพัฒนา อ.ส.ค.เพื่อวางรากฐานความแข็งแรงให้กับองค์กรในทุกๆด้าน เพื่อให้ อ.ส.ค.เป็นองค์กรชั้นนำด้านอุตสาหกรรมโคนมแบบครบวงจรในอนาคต ต่อไป" นายปริญญา กล่าว  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ นายปริญญา เพ็งสมบัติ ประธานกรรมการ อ.ส.ค.คนใหม่นั้น เคยดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาธุรกิจสหกรณ์ ตำแหน่งล่าสุดที่ปรึกษากรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นต้น ส่วนด้านการศึกษาระดับปริญญาตรีคณะเศรษฐศาสตร์บัณฑิต (การเกษตร) มหาวิทยาลัยรามคำแหง ระดับปริญญาโทคณะพัฒนาบริหารศาสตร์ มหาบัณฑิต (รัฐประศาสนศาสตร์) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) จากประสบการณ์จึงถือเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถในการบริหารธุรกิจได้เป็นอย่างดี