ในห่วงโซ่แห่งความทุกข์ ข้อ “ตัณหา” หนึ่งใน 12 ข้อต่อห่วงโซ่ ที่ท่านอาจารย์พุทธทาสบอกว่า เป็นหนึ่งในบทเพลงของพระอริยะ (ปฏิจจสมุปบาท) ผมหาได้สามความหมาย ความอยากมี ความอยากเป็น และความไม่อยากมีความไม่อยากเป็น

ตัณหา ที่เรารู้จัก ก็คือความอยาก นั่นละครับ มีสารพัดสารพัน แต่แสดงออกได้สามอย่าง

ในหนังสือ 108 เรื่องเล่า แฝงคติความคิด เพื่อการดำเนินชีวิตที่งดงาม “กิร ดังได้สดับมา” (พระธรรมกิติวงศ์ ทองดีสุรเตโช) เล่าเรื่อง “ตัณหาพาเพลิน” มีกบเป็นพระเอกของเรื่อง ลองอ่านกันดู

กบตัวหนึ่งอาศัยในสระใกล้กุฏิพระวัดหนึ่ง ทุกเช้ามันจะกระโดดจากสระขึ้นไปหมอบอยู่ริมทางเดิน มันเห็นพระเดินออกไปบิณฑบาต ไม่นานก็กลับถึงวัดพร้อมด้วยข้าวเต็มบาตร อาหารและขนมเต็มย่าม

“เออ เป็นพระนี่ดีนะ ดีกว่าเราเป็นไหนๆ เดินเข้าบ้านชั่วโมงเดียว ก็ได้อาหารมาฉันสบายๆ” กบรำพึง

พระฉันเสร็จ ท่านก็เอาเศษข้าวมาโปรยให้ไก่กิน กบเห็นแล้ว ก็อยากเป็นไก่

เหตุผลของมัน “เป็นไก่ดีกว่าเป็นพระ ไม่ต้องเดินไปหากิน ไกลๆ ได้เวลาพระก็มาโปรยข้าวให้กิน”

แต่ทันใดนั้น หมาวัดตัวหนึ่ง เห็นไก่กำลังจิกข้าวกินเพลิดเพลิน ก็วิ่งเข้าไล่กัด จนไก่หนีกระเจิง

กบเห็นดังนั้น ก็คิดว่า “เป็นหมา เป็นฮีโร่วิ่งไล่ไก่สนุกกว่า ทำยังไง เราจะเป็นหมาได้หนอ!”

ฝันอยากเป็นหมาได้ไม่ทันไร เด็กวัดเห็นหมาไล่ไก่ ก็คว้าไม้มาไล่ตีหมา หมาร้องลั่น กบสะดุ้งตื่นจากฝัน

“โธ่!เอ๋ย เรานึกว่าเป็นหมาจะเก่ง ที่แท้ก็สู้เด็กวัดไม่ได้ ขนาดเป็นเด็กวัดหมายังกลัวขนาดนี้ ถ้าเป็นผู้ใหญ่คงปราบอะไรๆได้หมด”

...

คิดถึงตอนนี้ กบก็เพ้อว่า “ถ้างั้น เราขอเป็นคนดีกว่า”

ขณะกบคิดเตลิดเปิดเปิงไป สถานการณ์ในวัดก็เปลี่ยน เด็กวัดไล่ตีหมา หมาวิ่งหนีสุดฝีตีนหมา เด็กวัดเหนื่อยนักก็มานั่งหอบแฮ่กๆ อยู่บนม้านั่งใต้ร่มไม้

ใกล้ที่เด็กนั่ง มีกองขยะกองใหญ่ เด็กวัดนั่งยังไม่ทันหายเหนื่อย แมลงวันก็บินมาตอมขา เด็กวัดใช้มือปัดแมลงวันวุ่นวาย แต่จำนวนแมลงมาก เด็กวัดทนรำคาญต่อไปไม่ไหว ต้องลุกหนี

“รำคาญจริง ตอมได้ตอมดี เจ้าพวกแมลงวันนี่” เด็กวัดเดินไปก็บ่นพึมไป

กบได้ยินเสียงบ่นของเด็กวัดเต็มหู ความคิดอยากเป็นคนก็หมดไปอีก

“หนอยแน่ เป็นคนนึกว่าจะเก่งสักแค่ไหน ที่แท้ก็สู้แมลงวันตัวเล็กไม่ได้”

ในสถานการณ์นั้น กบตัดสินใจแล้ว เป็นแมลงวัน น่าจะดีกว่าเป็นอะไรทั้งหมด

ฝันหวานรอบใหม่ของกบดำเนินไปครู่เดียว แมลงวันตัวหนึ่งก็บินผ่านหน้า ด้วยสัญชาตญาณ กบใช้ลิ้นตวัดเอาแมลงวันตัวนั้นเข้าปาก

พอได้สัมผัสรสชาติแมลงวัน อาหารจานโปรด ตัณหาสารพันที่กระเจิดกระเจิงไปไกลแสนไกลของกบก็สะดุดหยุดลง กบได้ดวงตาเห็นชัดถึงสัจธรรม

มันรำพึงเสียงดัง “เป็นอะไรก็ไม่สู้ เป็นตัวกูเอง”

แล้วนิทานเรื่องตัณหาพาเพลินของกบ ก็จบลง

กบพระเอกของเรื่องนี้ มีความสุขกับการเป็นกบนั่งกินแมลงวันอยู่ในวัดไปอีกนาน เป็นคนละตัวกับพวกกบที่เลือกนาย ในนิทานอีสป ที่เบื่อนายขอนไม้ เทวดาเลยให้นกกระสามาจับกบกินไปเรื่อยๆ จนเกลี้ยงบ่อ

บ้านเมืองแถวๆนี้ มีข่าวกบพวกเก่าหรือเปล่าผมก็จำไม่ได้ กำลังเรียกร้องเทวดาหานายใหม่ แต่สถานการณ์ก็หมิ่นเหม่หนักหนา เจอเชื้อโควิดกลายพันธุ์รุกหนัก จนยังไม่แน่ใจว่าจะมีชีวิตรอดไปเจอนายใหม่ได้สักกี่ตัว.

กิเลน ประลองเชิง