สลดทารก 2 เดือน เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19หมอระบุเป็นโรคหัวใจแต่กำเนิด ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อรายวันยังทะลุ 2 พันคน ยังไม่รวมยอด 1.4 พันคน จากคุก 13 แห่งทั่วประเทศ แต่ยังดีมี 23 จังหวัด สถานการณ์เริ่มนิ่ง ด้านนายกฯเบรกกลางที่ประชุมครม.ห้าม “วอล์กอิน” ฉีดวัคซีนไว้ก่อน หวั่นไปแล้วไม่ได้ฉีดจะโดนคนโวย พร้อมให้เจ้าหน้าที่ไปหาข้อมูลมุมบวกมาบอกประชาชนบ้าง ตั้งเป้าปูพรมฉีดวัคซีนใน กทม.ให้ได้ 5 ล้านคนในสองเดือน ส่วนภูเก็ตเปิดฉีดวัคซีนวันแรกคนแห่มาคึกคัก

คนไทยทั่วประเทศทยอยเข้าฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กันอย่างต่อเนื่อง หลังจากยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งสูงกว่า 2 พันคนต่อเนื่องอีกวัน และผู้ติดเชื้อเสียชีวิตเพิ่มอีก 35 ศพ ในจำนวนนี้มีเด็กอายุแค่ 2 เดือนด้วย

ยอดติดเชื้อใหม่กว่า 2.4 พัน

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 18 พ.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวันว่า มีผู้ติดเชื้อ 2,473 คน ติดเชื้อในประเทศ 1,770 คน เป็นผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 680 คน เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 23 คน โดยมาจากประเทศอินเดีย 13 คน เป็นคนไทย 12 คน ชาวโปแลนด์ 1 คน จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 คน เป็นสาวไทย จากมาเลเซีย 4 คน เป็นคนไทยทั้งหมด และคนไทยมาจากกัมพูชา 5 คน ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 113,555 คน หายป่วยสะสม 69,918 คน เฉพาะวันนี้หายป่วย 2,718 คน อยู่ระหว่างรักษา 42,988 คน อาการหนัก 1,150 คน ใส่ท่อช่วยหายใจ 384 คน

ตายเพิ่ม 35 รวมเด็ก 2 เดือน

สำหรับยอดผู้เสียชีวิตเพิ่ม โฆษก ศบค.ระบุมีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม 35 คน เป็นชาย 17 คน หญิง 18 คน ช่วงอายุระหว่าง 2 เดือน-93 ปี อยู่ในพื้นที่ กทม.16 คน เชียงราย สงขลา สมุทรปราการ จังหวัดละ 2 คน อุบลราชธานี สระแก้ว ศรีสะเกษ ระยอง ชลบุรี ปทุมธานี ชัยภูมิ ลพบุรี นครปฐม สมุทรสาคร ชุมพร สระบุรี สุราษฎร์ธานี จังหวัดละ 1 คน ส่วนใหญ่มีโรคประจำตัวความดันสูง เบาหวาน ปัจจัยเสี่ยงติดเชื้อจากคนในครอบครัว ทำให้มียอดผู้เสียชีวิต สะสม 649 คน

...

ผวาลอบเข้าชายแดน 107 คน

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่จากต่างประเทศ มี 2 คนที่เป็นการเดินทางเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย โดยเป็นหญิงไทยมาจากกัมพูชา และจากข้อมูลวันที่ 17 พ.ค. พบมีผู้เดินทางเข้าประเทศโดยช่องทางธรรมชาติ 107 ราย ซึ่ง จากการสอบถามฝ่ายความมั่นคงยังคงทำงานอย่างเข้มงวด จึงขอร้องหากเป็นคนไทยจะเดินทางเข้าประเทศ ขอให้ใช้ช่องทางที่ถูกต้อง และตนขอแสดงความรู้สึกไม่ดีกับผู้ที่ลักลอบเข้าทางช่องทางธรรมชาติ ท่านเป็นผู้เสี่ยงนำเชื้อเข้ามา

23 จังหวัดไร้ผู้ติดเชื้อเพิ่ม

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สำหรับจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากที่สุดวันที่ 18 พ.ค. 5 จังหวัดแรกได้แก่ กทม. 873 คน นนทบุรี 155 คน สมุทรปราการ 121 คน ปทุมธานี 117 คน สมุทรสาคร 63 คน และจากข้อมูลยังพบว่าผู้ติดเชื้อส่วนหนึ่งมาจากการสังสรรค์ รวมถึงการเล่นสนุ้กเกอร์ในพื้นที่ปิด เพดานต่ำ อากาศถ่ายเทไม่สะดวกจึงขอให้ระมัดระวัง ขณะที่ตัวเลขผู้ป่วยและหายระหว่างวันที่ 8-14 พ.ค. กทม.มีผู้ป่วยรายใหม่ 6,644 คน หายป่วย 5,322 คนนนทบุรี มีผู้ป่วยรายใหม่ 1,212 คน หายป่วย 384 คน ปทุมธานี มีผู้ป่วยรายใหม่ 640 คน หายป่วย 624 คน สมุทรปราการ มีผู้ป่วยใหม่ 833 คน หายป่วย 658 คน นครปฐม ผู้ป่วยรายใหม่ 130 คน หายป่วย 168 คน สมุทรสาคร ผู้ป่วยรายใหม่ 431 คน หายป่วย 439 คน ขณะที่จังหวัดอื่นๆอีก 71 จังหวัด มีผู้ป่วยรายใหม่ 4,207 คน หายป่วย 4,653 คน ซึ่งตัวเลขเหล่านี้จะนำไปสู่การบริหารจัดการเตียงลงต่อไป โดยวันเดียวกันนี้มีจังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 23 จังหวัด ประกอบด้วย ขอนแก่น อุบลราชธานี พิษณุโลก ลำพูน ลำปาง อ่างทอง นครพนม เพชรบูรณ์ ตราด น่าน กาฬสินธุ์ ชุมพร พะเยา เลย แพร่ อุตรดิตถ์ ชัยนาท หนองคาย พังงา อำนาจเจริญ หนองบัวลำภู บึงกาฬ และสตูล

จับตา 21 คลัสเตอร์ 19 เขต กทม.

นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า ขณะที่พื้นที่ กทม.วันเดียวกันนี้ ยังคงมีเขตที่ต้องจับตามอง 19 เขต มี 21 คลัสเตอร์สำคัญ โดยคลัสเตอร์ที่ยังพบผู้ติดเชื้อสูงอยู่คือแคมป์คนงานหลักสี่ ตรวจเชิงรุกเมื่อวันที่ 17 พ.ค.ประมาณ 1,600 คน พบติดเชื้อ 1,107 คน คิดเป็นร้อยละ 66.41 จากนี้ต้องติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดต่อไป นอกจากนี้ ต้องจับตาในเขตจตุจักร ที่เป็นคลัสเตอร์ราชทัณฑ์ เพราะพื้นที่เรือนจำทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 13-18 พ.ค. มีผู้ติดเชื้อรวมทั้งสิ้น 11,428 คน

เด็ก 2 ด. เป็นโรคหัวใจแต่กำเนิด

ต่อมา นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิดเป็นเด็กวัย 2 เดือนว่า ข้อมูลเบื้องต้นเท่าที่ตนทราบเป็นผู้ป่วยเด็ก ติดเชื้อมาจากคนในครอบครัว โดยผู้ป่วยมีภาวะโรคหัวใจตั้งแต่กำเนิด เมื่อเป็นโควิด ทำให้ภาวะของโรครุนแรงมากขึ้น

“บิ๊กตู่” เบรกวอล์กอินฉีดวัคซีน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ ได้หารือถึงการวอล์กอินเข้าไปฉีดวัคซีน โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ไม่อยากให้ใช้รูปแบบวอล์กอิน หากประชาชนแห่ไปพร้อมกันที่จุดเดียวจะเกิดความชุลมุนขึ้นได้ ในต่างจังหวัดไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่ กทม.มีคนจำนวนมาก จึงอยากให้ปรับรูปแบบใหม่ เช่น ให้ไปลงทะเบียน ณ จุดที่ตั้งซึ่งจะกำหนดให้ชัดเจน ต้องใช้เวลา ตอนนี้ให้ยึดแอปพลิเคชันหมอพร้อมไว้ก่อน ขอให้หน่วยงานไปปรับปรุงและแก้ปัญหาแอปพลิเคชันหมอพร้อม อย่าให้เกิดปัญหาประชาชนลงทะเบียนไม่ได้ จึงอยากให้หยุดพูดเรื่องวอล์กอินไปก่อนจนกว่าจะได้มาตรการที่ชัดเจน เดี๋ยวคนวอล์กอินเข้าไปแล้วไม่ได้ฉีดจะโวยวายเอา หากวัคซีนเพียงพอหรือเหลือค่อยมาจัดการกันใหม่ เรื่องวอล์กอินละเอียดอ่อน ต้องจัดการดีๆ นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังกำชับเรื่องการให้ข่าวที่ไม่ตรงกันเรื่องวัคซีนวอล์กอินว่า ไม่ต้องให้ใครให้ข่าว ให้ ศบค.เป็นคนให้ข่าวแห่งเดียว อะไรที่ได้ข้อสรุปแล้วถึงค่อยออกมาพูด ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ที่เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการวอล์กอินไปฉีดวัคซีน ไม่ได้อธิบายหรือพูดอะไร นอกจากกล่าวสั้นๆเพียงว่า “ตามที่นายกฯสั่งการครับ”

...

สั่งหามุมบวกบอก ปชช.

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังได้พูดถึงตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมที่เกิน 1 แสนคน ว่า อยากให้ดูตัวเลขผู้ติดเชื้อกี่คน หายป่วยกี่คน พยายามหามุมดีๆ มานำเสนอ ส่วนที่มีการเสนอให้ล็อกดาวน์นั้นคงเป็นไปได้ยาก เพราะเราจำเป็นต้องดูแลคนทำงาน ลูกจ้าง และถ้าไม่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อที่มาจากร้านอาหาร อาจจะมีมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติมเข้ามาอีก เช่น ขยายปริมาณนั่งรับประทานอาหารในร้าน แต่ถ้าพบว่ามีผู้ติดเชื้อจากร้านอาหาร ต้องทบทวนอีกครั้งว่าอาจต้องปิดเป็นเวลา 14 วันหรือไม่ ขณะที่เรื่องการแพร่ระบาดในเรือนจำนั้น นายกฯมองว่า น่าจะจัดการไม่ยาก เพราะเรือนจำมีพื้นที่ชัดเจน แต่ขอให้กระทรวงยุติธรรมกับกระทรวงสาธารณสุขประสานงานแก้ปัญหากันอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังให้มีการยกเลิกทัวริสต์ บับเบิล หรือการท่องเที่ยวแบบจับคู่ที่รัฐบาลจะทำก่อนหน้านี้ออกไปก่อน เพราะสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น

เน้นใช้บับเบิลแอนด์ซีล

หลังประชุม ครม. เสร็จสิ้น พล.อ.ประยุทธ์ แถลงข่าวโดยไลฟ์ผ่านเพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้าระบุให้หาทางแก้ปัญหาการติดเชื้อในเรือนจำให้เร็วที่สุด ส่วน กทม.และปริมณฑล ให้เดินหน้าระดมตรวจเชิงรุก คัดแยกผู้ป่วย ส่งตัวรักษา และระดมฉีดวัคซีนในพื้นที่เสี่ยงที่มีการรวมตัวกันอย่างแออัด ทั้งแคมป์คนงานก่อสร้าง โรงงาน และสถานที่อื่นๆใน กทม. ทั้งหมดโดยจะใช้แนวทาง Bubble and Seal คือปิดกั้นการเดินทางเข้าออกของคนในสถานที่นั้นๆ เพื่อไม่ให้เชื้อแพร่กระจายออกไปสู่ภายนอก

เพิ่มจุดรับลงทะเบียน

นายกฯยังกล่าวถึงเรื่องการฉีดวัคซีนที่ประกาศเป็นวาระแห่งชาติว่ามีแผนการกระจายวัคซีน 3 ช่องทาง ช่องทางแรกผ่านระบบหมอพร้อม มีผู้มาลงทะเบียนแล้วประมาณ 7 ล้านคน สำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค และจะเปิดให้กลุ่มผู้อายุต่ำกว่า 60 ปี ลงทะเบียนได้ในวันที่ 31 พ.ค.ช่องทางที่ 2 เสริมช่องทางระบบหมอพร้อม เพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนมากที่สุด เร็วที่สุดคือลงทะเบียนที่จุดบริการฉีดวัคซีนหรือ Onsite Registration ในกรณีที่มีวัคซีนสนับสนุนเพียงพอ ขอย้ำมีวัคซีนเพียงพอ ณ จุดบริการนั้น และช่องทางที่ 3 กระจายวัคซีนเชิงยุทธศาสตร์ คือจัดสรรฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเฉพาะ กลุ่มที่จำเป็นพิเศษ หรือมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตประชาชน เช่น บุคลากรทางการแพทย์ ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ผู้ขับขี่รถยนต์และจักรยานยนต์สาธารณะ นักธุรกิจ นักเรียน นักศึกษาที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ ฯลฯ เพื่อให้การดำเนินชีวิตและเศรษฐกิจไทยเดินหน้าไปได้โดยไม่สะดุด

...

ระดมฉีด 5 ล้านคนใน กทม.

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ส่วนของ กทม.ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงและเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ มีเป้าหมายระดมฉีดวัคซีนแบบปูพรมให้ได้อย่างน้อย 5 ล้านคน หรือร้อยละ 70 ของประชากร เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ได้ภายใน 2 เดือน คือเดือน มิ.ย.-ก.ค. ที่นอกจากฉีดในโรงพยาบาล และจุดฉีดหลักแล้วยังมีจุดฉีดวัคซีนเสริมอีกอย่างน้อย 25 จุดกระจายทั่ว กทม. รวมถึงสถานีกลางบางซื่อ เพื่อให้ประชาชนที่หาเช้ากินค่ำและแรงงานต่างๆ เข้าถึงวัคซีนได้สะดวกและรวดเร็ว ตนได้เร่งรัดปรับปรุงระบบขั้นตอนที่ติดขัดโดยรวดเร็ว และยืนยันทุกคนในประเทศไทยจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนอย่างแน่นอน เรามีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง มากเพียงพอ และจะเริ่มให้บริการพร้อมกันทั่วประเทศในต้นเดือน มิ.ย.อย่างแน่นอน ที่ผ่านมาเราเร่งฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มเสี่ยงไปแล้วกว่า 2.3 ล้านโดส ได้ผลเป็นอย่างดี ไม่มีใครเกิดผลข้างเคียงร้ายแรงเลยแม้แต่คนเดียว ขอให้มั่นใจได้

สั่งเอาผิดคนปล่อยเฟกนิวส์

นายกฯกล่าวด้วยว่า ได้เน้นย้ำกับที่ประชุม ครม. เรื่องชี้แจงข้อเท็จจริงให้กับประชาชน เกี่ยวกับมาตรการต่างๆของรัฐบาลและ ศบค.ที่พบเกิดขึ้นบ่อยครั้งและก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคม เป็นอุปสรรค โดยเฉพาะการรณรงค์ให้ประชาชนทุกคนได้ฉีดวัคซีน หากใครมีเจตนาเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จย่อมมีความผิดตามกฎหมายและถูกดำเนินคดีได้ ดังนั้น ตนจึงขอความร่วมมือทุกหน่วยงานของรัฐให้เข้มงวดตรวจสอบดูแลข่าวปลอมตลอดเวลา และชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนโดยเร็ว หากเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งขอความร่วมมือสื่อมวลชนและผู้ใช้สื่อทุกคนให้ใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น

...

เลื่อนเปิดเทอมไป 14 มิ.ย.

วันเดียวกัน น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ศปก.ศบค.เห็นชอบให้สถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เลื่อนการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จากวันที่ 1 มิ.ย.ออกไปอีกเป็นวันที่ 14 มิ.ย. เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยหากสถานศึกษาใดในพื้นที่ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือพื้นที่สีแดงและพื้นที่ควบคุม หรือพื้นที่สีส้ม ประสงค์จะเปิดภาคเรียนที่ 1/2564 ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.เป็นต้นไป ให้สถานศึกษาแห่งนั้น ประเมินความพร้อมตามระบบ Thai Stop COVID Plus ของกระทรวงสาธารณสุข ที่มี 44 ข้อโดยต้องผ่านทุกข้อ และต้องเสนอขอความเห็นชอบต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่ออนุญาตให้สถานศึกษาแห่งนั้นสามารถจัดการเรียนการสอนได้ก่อนวันที่ 14 มิ.ย. ส่วนโรงเรียนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่สีแดงเข้ม 4 จังหวัด ได้แก่กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ หากต้องการเปิดสอนก่อนสามารถจัดการเรียนได้ในรูปแบบการสอนออนไลน์ และออนแอร์เท่านั้น ทั้งนี้ ถึงแม้โรงเรียนจะเปิดไม่พร้อมกัน แต่ต้องปิดเทอมพร้อมกันในวันที่ 15 ตุลาคม 2564 เพื่อไม่กระทบกับปฏิทินการสอบต่างๆ

เพิ่มคู่สายหมอพร้อม 180 สาย

อีกด้านหนึ่งที่วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข รับมอบอุปกรณ์สนับสนุนเป็นการชั่วคราวให้กับศูนย์ประสานงานข้อมูลหมอพร้อม หรือคอลเซ็นเตอร์หมอพร้อม 0-2792-2333 จากนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาชิกสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้แก่ ซิมโทรศัพท์ ระบบคู่สาย 200 คู่สาย โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ เป็นต้น โดยนายอนุทินกล่าวว่า ศูนย์ประสานงานข้อมูลหมอพร้อม มีนักศึกษาพยาบาลคอยรับสาย ขณะนี้มี 180 คู่สาย เพื่อเพิ่มช่องทางให้กับประชาชนในการจองฉีดวัคซีน ส่วนการฉีดวัคซีนให้กับพนักงานบริษัทเอกชน หน่วยงาน ห้างร้าน บริษัทต่างๆสามารถรวมกลุ่มกันเพื่อขอรับวัคซีน โดยแจ้งความประสงค์ไปที่ ศบค. หรือจะส่งเรื่องมาที่กระทรวงสาธารณสุขก็ได้

ฉีดคนจองผ่านหมอพร้อมก่อน

พร้อมกันนี้ นายอนุทินยังชี้แจงกรณีการฉีดแบบวอล์กอินด้วยว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้เริ่มฉีดวัคซีนผู้ที่จองผ่านระบบหมอพร้อมก่อนตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.เป็นต้นไป ส่วนการฉีดแบบวอล์กอินเป็นการฉีดภายหลังจากที่ผู้นัดหมายในระบบแล้วไม่มา ซึ่งแต่ละวันจะเหลือเท่าไรก็ขึ้นกับการบริหารจัดการของแต่ละศูนย์ฉีด หรือจะโทร.มาจองฉีดวัคซีนที่คอลเซ็นเตอร์หมอพร้อมก็ได้เช่นกัน ซึ่งให้บริการทุกวัน เวลา 09.00-22.00 น.

ชู 3 โมเดลนิคมอุตสาหกรรม

ด้านนายสุพันธุ์กล่าวว่า นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ มีความต้องการขอรับการจัดสรรวัคซีน 1 ล้านโดส โดยไม่เกี่ยงว่าจะเป็นวัคซีนยี่ห้อใด เพราะหากเกิดการระบาดและต้องปิดกิจการจะทำความเสียหายเดือนละ 1-10 ล้านบาทต่อกิจการ หรือเดือนละแสนล้านบาท ขณะนี้มีนิคมอุตสาหกรรมใน 3 จังหวัด ที่มีสถานที่พร้อมรองรับการฉีด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา สมุทรสาคร และปทุมธานี หากประสบความสำเร็จจะเป็น 3 โมเดลที่แรงงานจะได้ไปฉีดวัคซีนในนิคมอุตสาหกรรมของตนเอง ไม่ต้องแห่กันไปฉีดในโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม สภาอุตสาหกรรมจะหารือกับสำนักงานประกันสังคม ในวันที่ 19 พ.ค.นี้ เพื่อตัดยอดฉีดวัคซีนจากที่กระทรวงแรงงานสำรวจ วัคซีนจะได้ไม่ซ้ำซ้อนกัน

เจรจา รพ.เอกชนรับฉีดคนทั่วไป

ส่วนกรณีประชาชนส่วนหนึ่งจองฉีดวัคซีนผ่านระบบหมอพร้อม แต่ถูกยกเลิกการจองนั้น นพ.โสภณกล่าวว่า เกิดขึ้นเนื่องจากการสื่อสารที่ผิดพลาดของหมอพร้อมกับโรงพยาบาลเอกชนใน กทม. ซึ่งรับจองเฉพาะคนไข้ของโรงพยาบาลเท่านั้น ขณะนี้กระทรวงได้ทำความเข้าใจและขอให้โรงพยาบาลเหล่านั้นรับฉีดวัคซีนให้กับคนทั่วไปด้วย โดยสมาคมโรงพยาบาลเอกชนรับที่จะไปทำความเข้าใจกับสมาชิก อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการเยียวยาผู้ที่ถูกยกเลิกการจอง ซึ่งมีประมาณ 1 พันคน โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ระบบหมอพร้อมจะโทรศัพท์ไปหา หรือส่งเอสเอ็มเอส เพื่อนัดหมายวันเวลาและสถานที่ฉีดให้ใหม่ โดยไม่ให้ช้าไปกว่าวันนัดหมายเดิม

ฉีดวัคซีนให้พระใน รพ.สงฆ์

จากนั้นนายอนุทินพร้อมด้วยนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข และ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ มาตรวจเยี่ยมการถวายวัคซีนโควิด-19 แด่พระสงฆ์ ที่โรงพยาบาลสงฆ์ โดย นายอนุทินกล่าวว่า กรมการแพทย์จัดถวายการฉีดวัคซีนโควิด-19 แด่พระสงฆ์ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี และ 7 กลุ่มโรค ที่มีอยู่ประมาณ 13,000 รูป ใน กทม. จากพระสงฆ์ทั้งหมด 17,636 รูป ใน 457 วัด ซึ่งจะ ทยอยฉีดวัคซีนให้จนครบเป้าหมาย 300-500 รูปต่อวัน ส่วนพระสงฆ์ในต่างจังหวัดเบื้องต้นให้ลงทะเบียนเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ตามระบบในช่องทางหลัก ได้แก่ ระบบหมอพร้อม หรือผ่าน อสม. และโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม ขอให้พระสงฆ์เข้ารับ การฉีดให้ครบทั้ง 2 เข็ม และเมื่อฉีดวัคซีนแล้วขอให้ ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด เพราะว่าแม้ฉีดวัคซีนแล้วยังมีโอกาสที่จะติดเชื้อได้อยู่

เร่งขยายจุดฉีดนอก รพ.

ส่วนความคืบหน้าการจัดฉีดวัคซีนของ กทม.วันเดียวกัน ที่บริเวณชั้น 2 บิ๊กซีบางบอน เขตบางบอน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมจุดบริการฉีดวัคซีนนอก รพ. “หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร-หอการค้าไทย” ว่า ศูนย์บริการวัคซีนบิ๊กซีบางบอน ดำเนินการโดยความร่วมมือกับโรงพยาบาลเครือบางปะกอก ตั้งเป้าหมายให้บริการฉีดวัคซีน 2,500-3,000 คน/วัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. สำหรับกลุ่มเป้าหมายคือผู้ที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อสูง ได้แก่บุคลากรส่วนหน้าและอาชีพที่มีความเสี่ยงต้องให้บริการประชาชนเป็นจำนวนมาก และต่อไปจะให้บริการวัคซีนแก่ผู้ที่ขับรถยนต์สาธารณะ พนักงานเก็บค่าโดยสารสาธารณะ จากบริษัทขนส่งต่างๆซึ่งมีประมาณ 7,000 คน รวมถึงจะฉีดวัคซีนให้กับพนักงานเก็บขน พนักงานกวาดถนนจากสำนักงานเขต คนขับแท็กซี่ วินจักรยานยนต์ พนักงานขนส่งอาหารต่างๆ ผู้มีอาชีพผู้ดูแลผู้สูงอายุ และเจ้าหน้าที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็กเล็ก เป็นต้น ส่วนกลุ่มเป้าหมายต่อไปคือบุคลากรครูในกรุงเทพฯ ประมาณ 170,000 คน และกลุ่มอาชีพเสี่ยงอื่นๆ จะได้รับการพิจารณาให้ได้รับวัคซีน ขึ้นอยู่กับปริมาณวัคซีนที่ได้รับจัดสรร โดย กทม.จะเร่งขยายสถานที่ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลให้ครบตามเป้าหมาย 25 แห่งทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางมาฉีดวัคซีน ภายในวันที่ 31 พ.ค.นี้

คาดครบ 5 ล้านคนตามเป้า

ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวเพิ่มเติมว่า ในเดือน มิ.ย.-ก.ค.64 กทม.จะได้รับการจัดสรรวัคซีนจากกระทรวงสาธารณสุขเดือนละ 2.5 ล้านโดส รวม 2 เดือน 5 ล้านโดส จะเร่งฉีดให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน โดยจะกระจายการฉีดวัคซีนทั้งภายในโรงพยาบาลทั้ง 126 แห่ง มีศักยภาพในการฉีดไม่น้อยกว่าวันละ 20,000 คน และจุดบริการฉีดวัคซีนนอก รพ. 25 แห่ง มีศักยภาพในการฉีดวันละ 38,000-50,000 คน/วัน คาดว่าจะสามารถฉีดวัคซีนได้ไม่น้อยกว่า 60,000 คน/วัน ผู้ที่ได้รับการฉีดจะเป็นประชาชนทั่วไป คาดว่าน่าจะครบ 5 ล้านคนตามเป้าหมายนี้ กทม. ขอความร่วมมือประชาชนลงทะเบียนผ่านระบบแอปพลิเคชัน “หมอพร้อม” เพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการ โดยหากเปิดให้ประชาชน
วอล์กอิน อาจเกิดปัญหาความแออัดของประชาชนที่ต้องมารอคิวและเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค

เล็งหาระบบแบ่งเบา “หมอพร้อม”

ด้าน ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษก กทม. กล่าวว่า กทม.ได้หารือถึงแนวทางที่จะให้ประชาชนทุกคนสามารถลงทะเบียนเพื่อเข้ารับการฉีดได้อย่างทั่วถึงและแบ่งเบาภาระของแอปฯ “หมอพร้อม” อาจจะเป็นในรูปแบบของ web based ใช้สำหรับการจองคิวฉีดวัคซีนโดยเฉพาะ ระบบดังกล่าวจะไม่ซ้ำซ้อนกับ “หมอพร้อม” เนื่องจากขณะนี้ผู้ที่ลงทะเบียนกับหมอพร้อมจะเป็นผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป และผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่มโรค และนัดเข้ารับการฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาล ส่วนระบบ web based จะใช้สำหรับการลงทะเบียนผู้ที่อายุระหว่าง 18-59 ปี และนัดรับการฉีดวัคซีนที่จุดบริการนอกโรงพยาบาล 25 จุด จะประสานหอการค้าไทย และร้านสะดวกซื้อ อาทิ เซเว่น อีเลฟเว่น เข้าร่วมระบบ เพื่อให้สามารถลงทะเบียนจองคิวได้อย่างทั่วถึงในทุกพื้นที่ คาดว่าในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนเรื่องระบบดังกล่าว

อัยการป่วยโควิดเสียชีวิตรายที่ 2

วันเดียวกัน ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายสุรศักดิ์ บุญเพิ่ม รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีปกครองยะลา รักษาการในตำแหน่งรองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีเยาวชนและครอบครัว ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีอัยการสำนักงานคดีเยาวชนและครอบครัว มีบันทึกข้อความแจ้งว่านายสุขใจ วงษ์อาทิตย์ อัยการอาวุโสสำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีเยาวชนและครอบครัว 1 สำนักงานคดีเยาวชนและครอบครัว ได้ถึงแก่อนิจกรรม ด้วยโรคปอดอักเสบติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 16 พ.ค และเจ้าภาพได้ฌาปนกิจศพที่วัดสุทธิสะอาด แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ ในวันดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ นายสุขใจถือเป็นอัยการที่เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เป็นรายที่ 2

ติดเชื้อในคุกอีก 1,408 คน

ส่วนที่กรมราชทัณฑ์ จ.นนทบุรี นายสิทธิ สุทธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงสถานการณ์โรคโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน ณ วันที่ 18 พ.ค. เวลา 12.00 น. มีผู้ต้องขังติดเชื้ออยู่ระหว่างการรักษา 11,670 คน จากเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ 13 แห่ง วันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,408 คน ดังนี้ 1. เรือนจำกลางเชียงใหม่ ติดเชื้อรายใหม่ 50 คน อยู่ระหว่างการรักษา 3,608 คน 2. เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ อยู่ระหว่างรักษา 1,851 คน 3. ทัณฑสถานหญิงกลาง ติดเชื้อรายใหม่ 245 คน อยู่ระหว่างรักษา 1,428 คน 4. เรือนจำกลางคลองเปรม ติดเชื้อรายใหม่ 159 คน อยู่ระหว่างรักษา 1,175 คน 5. เรือนจำพิเศษธนบุรี ติดเชื้อรายใหม่ 277 คน อยู่ระหว่างรักษา 2,807 คน 6. เรือนจำกลางฉะเชิงเทราติดเชื้อรายใหม่ 7 คน อยู่ระหว่างรักษา 56 คน 7. ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ อยู่ระหว่างรักษา 12 คน 8. เรือนจำจังหวัดนนทบุรี ติดเชื้อรายใหม่ 342 คน อยู่ระหว่างรักษา 400 คน 9. เรือนจำพิเศษมีนบุรี ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ อยู่ระหว่างรักษา 2 คน 10. เรือนจำจังหวัดนราธิวาส ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ อยู่ระหว่างรักษา 1 คน 11. เรือนจำอำเภอแม่สอด ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ อยู่ระหว่างการรักษา 1 คน 12. เรือนจำกลางสมุทรปราการ ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ อยู่ระหว่างการรักษา 1 คน 13. เรือนจำกลางบางขวาง ติดเชื้อรายใหม่ 328 คน อยู่ระหว่างการรักษา 328 คน

ให้ตรวจเชื้อซ้ำทุก 7 วัน

นายสิทธิกล่าวอีกว่า ส่วนเจ้าหน้าที่ติดเชื้ออยู่ระหว่างรักษา 35 คน ทั้งนี้ เรือนจำและทัณฑสถานใดที่มีการแพร่ระบาดของโรค กรมราชทัณฑ์ได้สั่งการให้ SWAB ผู้ต้องขังทั้งเรือนจำและทัณฑสถานให้ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งเอกซเรย์ปอดผู้ติดเชื้อจนครบทุกราย เพื่อเร่งรักษาทันท่วงที รวมถึงเตรียมตั้งโรงพยาบาลสนามเรือนจำ การจัดหายาต้านไวรัส ส่วนผู้ต้องขังที่ตรวจไม่พบเชื้อในครั้งแรก จะต้องตรวจหาเชื้อซ้ำทุก 7 วัน จนกว่าสถานการณ์จะปกติ นอกจากนี้กรมราชทัณฑ์ได้เสนอขออนุมัติงบประมาณไปยังสำนักงบประมาณแล้วประมาณ 411 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างสำนักงบฯ นำเรียนนายกรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

เยี่ยมโรงครัวพระราชทาน

อีกด้านหนึ่งที่บริเวณบ้านมนังคศิลา ถนนหลานหลวง เขตดุสิต กทม. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร จตร.(สบ 8) ปฏิบัติราชการ บช.น. พล.ต.อุดม แก้วมหา ผบ.พล.ม.2 รอ. มาตรวจเยี่ยมโรงครัวพระราชทาน ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานรถประกอบอาหารเป็นโรงครัวพระราชทาน เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในชุมชนโดยรอบบริเวณดังกล่าว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าใช้จ่ายในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ประกอบด้วยชุมชนบ้านมนังคศิลา ชุมชนวัดญวณ-คลองลำปัก และชุมชนริมทางรถไฟสายแปดริ้ว รวม 3 ชุมชน ครอบคลุม 759 ครัวเรือน จำนวนประชากร 3,193 คน ทั้งนี้ บช.น.ได้จัดกำลังพลจิตอาสา พร้อม ชป.กร. (ร่วม) และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง นำอาหารส่งมอบให้แก่ผู้นำชุมชนต่อไป

ศิลปินแกรมมี่รณรงค์ฉีดวัคซีน

ขณะเดียวกัน ที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เขตหลักสี่ กทม. เหล่าศิลปินในสังกัดบริษัทจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ทยอยเข้าฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้แก่ ลุลา กันยารัตน์ แพรว คณิตกุล นิว นภัสสร เป๊ก เปรมณัช มิ้วส์ อรภัสญาน์ ข้าวทิพย์ ธิดาดิน และเต๋า ภูศิลป์ โดยเหล่าศิลปินยังได้กล่าวเชิญชวนให้คนไทยฉีดวัคซีน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ และร่วมส่งกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ นอกจากนี้ น.ส.ประภาวดี ธานีรณานนท์ รองกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายกิจการองค์กร บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ ได้บริจาคเงินให้แก่ พล.อ.ต.นพ.สันติ ศรีเสริมโภค รองเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เพื่อสมทบทุนเพื่อดูแลการสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนด้วย

หนุ่มเครียดกักตัวดิ่งฮอสพิเทลดับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเที่ยงวันเดียวกัน ร.ต.อ.จีระศักดิ์ บุญยืนนาน รอง สว. (สอบสวน) สน.พญาไท ไปสอบสวนเหตุชายตกที่สูงเสียชีวิตที่โรงแรมบางกอกพาเลส ซอยเพชรบุรี 31 ถนนเพชรบุรี แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม. เจ้าหน้าที่ต้องสวมชุดพีพีอี ป้องกันเชื้อโคโรนา (โควิด-19) ที่เกิดเหตุเป็นสถานที่กักตัวหาเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) บริเวณลานจอดรถหน้าโรงแรมพบศพนายสุทธิกานต์ นาสำแดง อายุ 35 ปี นอนหงายสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีน้ำเงิน กางเกงกีฬาขาสั้นสีขาว กะโหลกศีรษะแตก แขนขาหักผิดรูป ใกล้กันพบชิ้นส่วนเก้าอี้ไม้ตกกระจายเกลื่อน เจ้าหน้าที่สวมชุดพีพีอีชันสูตร เบื้องต้นทราบว่าผู้ตายพักอยู่ห้อง 3011 ชั้น 3 ตรวจสอบในห้องพบกระจกหน้าต่างเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่ สอบสวนทราบว่า ผู้ตายเพิ่งเดินทางมาจากประเทศเกาหลีใต้ เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่มีการสวอบตรวจโควิด-19 และถูกนำมากักตัวที่โรงแรมดังกล่าว ซึ่งใช้เป็นฮอสพิเทล มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติกักตัวอยู่หลายคน กระทั่งตอนเช้าผู้ตายใช้เก้าอี้ไม้ทุบกระจกจนแตกแล้วกระโดดลงมาเสียชีวิต สาเหตุคาดว่ามาจากความเครียดส่วนตัว

ตากล็อกดาวน์หมู่บ้านม้งผาผึ้ง

ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ทั่วประเทศตลอดวันที่ 18 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จ.ตาก กลับมาปะทุอีกครั้ง เมื่อมีผู้ที่เดินทางจากต่างพื้นที่กลับมาที่บ้านผาผึ้ง หมู่ที่ 5 ต.เชียงทอง อ.วังเจ้า ซึ่งเป็น หมู่บ้านของชาวไทยชาติพันธุ์ม้ง ตั้งอยู่บนแนวเขาถนนธงชัย เชื่อมต่อ อ.พบพระ ชายแดนฝั่งตะวันตก ของจังหวัดตากและต่อมาตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 ขณะนี้ถูกส่งรักษาตัวที่ รพ.สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อาการค่อนข้างหนัก และจากการตรวจหาเชื้อเชิงรุก พบผู้ป่วยเพิ่ม 16 คน ส่วนใหญ่เป็นเครือญาติกัน ทำให้นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผวจ.ตากออกคำสั่งปิดหมู่บ้าน ห้ามผู้ใดเข้า-ออกในพื้นที่หมู่ที่ 5 บ้านผาผึ้ง ตำบลเชียงทอง อำเภอวังเจ้า เว้นแต่มีเหตุจำเป็นอย่างยิ่งยวดและได้รับอนุญาตจากนายอำเภอวังเจ้าในฐานะเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ตั้งแต่วันที่ 17-30 พ.ค.2564

สามีภรรยาตรวจรอบ 3 ถึงเจอ

ด้านนายสิธิชัย จินดาหลวง ผวจ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า จังหวัดพบผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มอีก 2 คน ในพื้นที่ อ.แม่สะเรียง เป็นชายอายุ 44 ปี และหญิง อายุ 39 ปี ทั้งคู่เป็นสามี-ภรรยากันและเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับมารดาที่ติดเชื้อตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ทั้งคู่กักตัวอยู่บ้านตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ตลอด และได้รับการหาตรวจเชื้อแล้ว 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 29 เม.ย. และวันที่ 7 พ.ค. ผลไม่พบเชื้อ แต่เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ทั้งคู่เริ่มมีไข้ ครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดกล้ามเนื้อ ซื้อยาลดไข้กินเอง อาการไม่ดีขึ้น จึงแจ้งเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแม่สะเรียงเมื่อวันที่ 17 พ.ค และรับตัวมาตรวจหาเชื้อในวันเดียวกัน ผลตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 จึงนำตัวเข้ารับการรักษาที่ รพ.แม่สะเรียงเรียบร้อยแล้ว

ห้าม จนท.คุกออกนอกพื้นที่

ส่วนที่ จ.นครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ว่า ผู้ป่วยรายใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ภาพรวมถือว่าดีขึ้น ส่วนมาตรการป้องกันการติดเชื้อในเรือนจำในพื้นที่ จำนวน 6 แห่ง ประกอบด้วย เรือนจำกลางคลองไผ่ เรือนจำกลางสีคิ้วเรือนจำกลางบัวใหญ่ ทัณฑสถานหญิงนครราชสีมา และทัณฑสถานเกษตรอุตสาหกรรมเขาพริกสีคิ้วฯ มีผู้ต้องขังรวมกว่า 20,000 คน โดยที่ผ่านมาทุกเรือนจำงดเยี่ยมมาตั้งแต่ เม.ย.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ทางจังหวัดมีคำสั่งห้ามเจ้าหน้าที่เรือนจำ ทัณฑสถานทุกแห่ง ออกนอกพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นระยะเวลา 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 18-31 พ.ค.2564 สำหรับความพร้อมในฉีดวัคซีนให้กับประชาชนและกลุ่มเป้าหมายเสี่ยง ยอดล่าสุดผู้ที่ลงทะเบียนรับการฉีดวัคซีนขณะนี้ มีจำนวน กว่า 5 แสนคน ขณะที่ยอดผู้ป่วยรายใหม่ 4 ราย คนในอำเภอเมือง 2 คน อ.ชุมพวง 1 คน อ.ประทาย 4 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 815 คน รักษาหาย 591 คน ยังคงรักษา 216 คน เสียชีวิต 8 คน

ตร.ตายจากหัวใจโตไม่ใช่วัคซีน

ขณะเดียวกัน นายศักรินทร์ เสมหิรัญ นอภ.บัวใหญ่ ร่วมกับ นพ.ชาญชัย บุญอยู่ ผอ.รพ.บัวใหญ่ ร่วมแถลงกรณีมีข่าวเฟกนิวส์ว่า ด.ต.วัลลภ ภูพรรณา อายุ 50 ปี ตำรวจรับแจ้งเหตุประจำวันที่ สภ.บัวใหญ่ เสียชีวิตคาแฟลตตำรวจบัวใหญ่ หลังฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่สอง พบศพเมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่ายืนยันเป็นข่าวปลอม ด.ต.วัลลภไม่ใช่ฉีดยาป้องกันโควิด-19 ตาย ตามสื่อโซเชียลที่ออกมา นพ.ชาญชัย ยังกล่าวอีกว่า ด.ต.วัลลภ มีโรคหัวใจ ขาบวมด้วย รักษาที่ รพ.บัวใหญ่ อยู่ไม่เกี่ยวกับฉีดยาเข็มแรกป้องกันโควิด-19 ก่อนตาย ด.ต.วัลลภไปเยี่ยมแม่ที่บ้านหัวหนอง บอกว่าช่วงนี้ป่วยเป็นกรดไหลย้อน และขอตัวไปนอนที่บ้านพักแฟลตตำรวจบัวใหญ่ และจากนั้นนอนตายคนเดียวอยู่ในห้องนอนดังกล่าว และผลของการออกใบมรณบัตรของแพทย์ รพ.มหาราชนครราชสีมา ระบุว่าตายจากหัวใจโต ดังนั้นไม่เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แต่อย่างใด

คลัสเตอร์หมอวีตายแล้ว 1

ส่วนที่ จ.นครศรีธรรมราช พบผู้ป่วยใหม่ 11 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 เป็นหญิงวัย 68 ปี ภรรยาเจ้าของคลินิกหมอวี จากคลัสเตอร์หมอวี ในพื้นที่ ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสมของจังหวัดจำนวนรวม 9 ศพแล้ว

คนภูเก็ตแห่ฉีดวัคซีนคึกคัก

ที่ จ.ภูเก็ต หลังจากออกมาตรการเข้มงวดให้คนที่จะเดินทางเข้าภูเก็ตจะต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 มาแล้ว 2 เข็ม หรือมีผลตรวจหาเชื้อโควิดภายใน 72 ชั่วโมง หากไม่มีทั้ง 2 อย่าง จะต้องกักตัว 14 วัน ขณะเดียวกัน เริ่มจัดฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่ 1 ให้คนในพื้นที่ระหว่างวันที่ 18-28 พ.ค.ทำให้ตลอดวันที่ 18 พ.ค.คนภูเก็ตเข้ามารับการฉีดวัคซีนกันอย่างคึกคัก โดยที่อาคารยิมเนเซียม 4,000 ที่นั่ง ศูนย์กีฬาสะพานหิน อ.เมือง 1 ใน 5 สถานที่ฉีดวัคซีน นพ.เฉลิมพงษ์ สุคนธผล ผอ.รพ.วชิระภูเก็ต เปิดเผยว่า จังหวัดได้รับจัดสรรวัคซีน 200,000 โดส โดยเมื่อวันที่ 15 พ.ค. ได้รับมา 35,000 โดส และวันที่ 17 พ.ค.ได้มาอีก 50,000 โดส ส่วนที่เหลือ 115,000 โดสจะมาครบในวันที่ 19 พ.ค. นอกจากนี้การฉีดวัคซีนในรอบนี้ของจังหวัดภูเก็ตมีความท้าทายมากขึ้น โดยต้องฉีดวัคซีนให้ได้ประมาณ 14,000 คน ต่อวัน ในระยะเวลาเดือนกว่าๆ ที่จะต้องฉีดต่อเนื่องกันทุกวัน สำหรับสถานที่ฉีดวัคซีนของจังหวัดภูเก็ต 5 จุด ประกอบด้วย 1.บริเวณอาคารเอ็กซ์เทอร์มินอล ท่าอากาศยานภูเก็ต 2.ศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง 3.โรงแรมอังสนา ลากูนา ภูเก็ต 4.อาคารยิมเนเซียม 4,000 ที่นั่ง (สะพานหิน) 5.โรงแรมภูเก็ต ออร์คิด รีสอร์ท แอนด์ สปา และจังหวัดภูเก็ตเพิ่มจุดฉีดวัคซีนขึ้นมาอีก 1 แห่ง คือชั้น 1 ศูนย์การค้า เซ็นทรัลฟลอเรสต้า ภูเก็ต ทั้งนี้ ได้มีการวางแผนและประเมินศักยภาพของการฉีดวัคซีนในแต่ละจุดรวมกันแล้ว ภูเก็ตจะมีศักยภาพในการฉีดต่อวันได้ 14,000 คนต่อวัน

ฉะเชิงเทราผวา อสม.ป่วยตาย

ที่วัดสุวัณณะศรีตัณฑิกุล (ดอนทอง) ต.บางตีนเป็ด อ.เมืองฉะเชิงเทรา เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 18 พ.ค.เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา นำร่างชายวัย 52 ปี ผู้ป่วยโควิดที่เสียชีวิตรายที่ 6 ของจังหวัด มาประกอบพิธีฌาปนกิจ โดยมีภรรยา ลูกชายและญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตบางส่วนมาร่วมพิธี ทั้งนี้ ภรรยาผู้ตายเปิดเผยว่า สามีมีอาชีพขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างภายในชุมชนและหมู่บ้านใกล้เคียง เริ่มมีอาการเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ไปหาหมอที่ รพ.เมื่อวันที่ 13 พ.ค.ไม่มีการตรวจเชื้อโควิด-19 กระทั่งกลับมาบ้านเริ่มมีไข้และไอ วันที่ 16 พ.ค.มีอาการหายใจไม่ออก จึงนำส่ง รพ.พุทธโสธร และเสียชีวิตช่วงเย็นวันที่ 17 พ.ค.ขณะที่มีรายงานว่า ผู้ตายยังทำหน้าที่ อสม.ให้กับ รพ.สต.บางตีนเป็ด โดยเมื่อวันที่ 11 พ.ค.ออกเดินรณรงค์ตามบ้านเพื่อให้คนมาฉีดวัคซีนโควิด-19 ทำให้ในวันที่ 19 พ.ค.นี้ตั้งแต่เช้า ที่วัดดอนทอง จนท.สธ. จะเข้ามาตรวจหาเชื้อเชิงรุกคนในพื้นที่ทันที และขอความร่วมมืองดการเดินทางออกนอกพื้นที่เพื่อสอบสวนโรคเพิ่มเติม เนื่องจากผู้ตาย ไม่เคยออกไปนอกชุมชน จึงอาจมีคนในชุมชนที่ติดเชื้อแต่ยังไม่แสดงอาการ

3 จว.สีแดงเข้มยังป่วยทะลุร้อย

สำหรับ 4 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มที่ต้องควบคุมสูงสุดและเข้มงวด นอกจาก กทม.แล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อีก 3 จังหวัดยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวนมาก โดย จ.นนทบุรี พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 108 คน ในจำนวนนี้มาจากเรือนจำ 2 คน ขณะที่แยกตามพื้นที่พบในอ.เมือง 33 คน อ.บางบัวทอง 23 คน อ.ปากเกร็ด 21 คน อ.บางใหญ่ 14 คน อ.บางกรวย 16 คน และ อ.ไทรน้อย 1 คน ขณะที่ จ.ปทุมธานี พบผู้ติดเชื้อใหม่อีก117คน และ จ.สมุทรปราการ พบผู้ป่วยรายใหม่จำนวน121 ราย เป็นคนในพื้นที่ 110 คน อยู่ อ.เมือง 41 คน อ.บางพลี 5 คน อ.พระประแดง 1 คน อ.พระสมุทรเจดีย์ 8 คน อ.บางบ่อ 6 คน และ อ.บางเสาธง 49คนและจากนอกพื้นที่มารักษาในจังหวัด 11 คน นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 คน เป็นชายไทย อายุ 74 ปี อยู่ใน อ.เมือง และชายไทย 69 ปี อยู่ อ.บางเสาธงโดยทั้งสองมีโรคประจำตัวทั้งความดันโลหิตสูงและเบาหวาน

ติดเชื้อและตายเพิ่มไม่หยุด

นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายจังหวัด พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีกหลักสิบ เช่นที่ จ.ราชบุรี พบยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 27 คน ในจำนวนนี้มีเด็กถึง6คน อายุตั้งแต่ 6 เดือน-14 ปี ขณะที่ จ.ระยอง ระบุพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 10 คน และประกาศให้ผู้ที่ไปในสถานที่เสี่ยงหรือสัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อให้ไปรับการตรวจคัดกรองกับรถตรวจชีวนิภัยพระราชทานได้ที่ตลาดเนินอุไร สวนศรีเมือง อ.เมืองระยอง ส่วนจ.สระแก้ว รายงานพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 3 คน และเสียชีวิต 1 คน เป็นหญิงวัย 47 ปี อยู่อ.เมืองสระแก้ว ป่วยมาตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาเช่นเดียวกับ จ.เพชรบุรี ที่มีคลัสเตอร์ในโรงงาน อ.เขาย้อย ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อในกลุ่มนี้แล้ว 141 คน เป็นคนไทย 99 คน เมียนมา 41 คน และอินเดีย 1 คน แต่ยังไม่มีคำสั่งให้ปิดโรงงานดังกล่าวแต่อย่างใด มีแต่ปิดตลาดสดโดยรอบเท่านั้น

ไต้หวันสั่งปิดโรงเรียน

ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก เมื่อวันที่ 18 พ.ค. มีผู้ติดเชื้อสะสม 164,272,595 คนเสียชีวิตสะสม 3,404,279 คน ด้านนายพัน เหวิน-จงรมว.ศึกษาธิการของไต้หวัน กล่าวว่า จะปิดโรงเรียนทุกแห่งตั้งแต่วันที่ 19-28 พ.ค. หลังจากมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในประเทศสูงเกือบ 1,000คน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าอัตราการเพิ่มจะชะลอตัวลงเล็กน้อยก็ตาม ในวันเดียวกัน นายเฉิน สือจง รมว.สาธารณสุขของไต้หวัน แถลงว่ามีรายงานผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่เพิ่ม 240คนมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 คน ทำให้มียอดรวมผู้เสียชีวิตนับแต่เริ่มการระบาด 14 คน จากจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 2,260 คน พร้อมยังเตือนว่าผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่น้อยลงไม่ได้หมายความว่าสามารถควบคุมไวรัสร้ายนี้ได้แต่อย่างใด

ออสซีย้ำยังปิดพรมแดน

ส่วนที่ออสเตรเลีย นายสก็อตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีของออสเตรเลีย กล่าวเมื่อวันที่ 18พ.ค.ว่ายังไม่ปลอดภัยที่จะอนุญาตให้ประชาชนเดินทางไปต่างประเทศ แม้จะได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบแล้วก็ตาม หลังจากที่ถูกกดดันจากสายการบิน ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว และมหาวิทยาลัย อุตสาหกรรมต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรค เร่งเร้าให้รัฐบาลเปิดพรมแดนระหว่างประเทศให้เร็วขึ้น หลังจากรัฐบาลออสเตรเลียมีแผนที่จะเปิดพรมแดนอีกครั้งในช่วงกลางปี 2565 ทั้งนี้ ออสเตรเลียปิดพรมแดนระหว่างประเทศมาตั้งแต่ มี.ค.2563 ซึ่งมีส่วนช่วยให้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19อยู่ในระดับต่ำเพียง 30,000 คน และเสียชีวิตเพียง 910คน และขณะนี้มีการฉีดวัคซีนไปแล้วมากกว่า 3.1ล้านโดส ซึ่งต่ำกว่าที่ตั้งเป้าไว้ที่ 4 ล้านโดสภายในสิ้นเดือนมี.ค.นี้