สภาพอากาศร้อน แห้งแล้ง ฝนหยุดตกเป็นเวลานานหลายวัน กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรชาวสวนทุเรียนให้เฝ้าระวังการระบาดของไรแดงแอฟริกัน ศัตรูพืชตัวสำคัญที่มักจะระบาดในสวนทุเรียนเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะเมื่ออากาศแห้งแล้งและมีลมแรง ในช่วง มี.ค.-เม.ย.

มักจะเข้าทำลายในระยะที่ต้นทุเรียนออกดอกอยู่ในระยะหางแย้จนถึงระยะติดผลอ่อน

โดยจะพบตัวอ่อนและตัวเต็มวัย ดูดกินน้ำเลี้ยงอยู่ที่บริเวณหน้าใบ สามารถสังเกตได้ที่หน้าใบต้นทุเรียนจะเห็นฝุ่นผงสีขาวจับอยู่ นั่นคือคราบของตัวอ่อนไรที่ทิ้งไว้หลังจากลอกคราบ

ทำให้ใบพืชเปลี่ยนจากสีเขียวจากและซีดเหลือง ไม่เขียวเป็นมันเหมือนใบปกติ เนื่องจากใบทุเรียนถูกไรดูดกินน้ำเลี้ยงจนสูญเสียคลอโรฟิล หากระบาดรุนแรงและต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะส่งผลทำให้ใบทุเรียนหลุดร่วงอย่างรวดเร็ว ต้นทุเรียนจะหยุดชะงักการเจริญเติบโต และมีผลต่อการติดดอกและผลของทุเรียนได้

ประชากรไรมักหนาแน่น มากในบริเวณทรงพุ่มด้านนอกที่ถูกแสงแดดส่วนยอด หรือด้านบนของทรงพุ่ม การแพร่ระบาดภายในสวนทุเรียนพบว่า จะเกิดการระบาดรุนแรงเป็นหย่อมๆทางด้านเหนือลม ด้านขอบรอบแปลง และด้านที่ติดถนน

กรณีฝนเริ่มทิ้งช่วง อากาศแห้งแล้ง และมีลมพัดแรง เกษตรกรควรรีบสำรวจส่องดูไรแดงแอฟริกันบริเวณด้านบนใบเพสลาดและด้านหน้าใบแก่ภายในสวนทุเรียน สามารถเห็น ไรแดงแอฟริกัน ได้ด้วยตาเปล่า เป็นจุดสีน้ำตาลเข้มวิ่งเคลื่อนไหวไปมา

หากพบการระบาดเข้าทำลายให้เกษตรกรพ่นด้วยสารฆ่าไรแดงแอฟริกัน ที่ใช้ได้ผล คือ โพรพาร์ไกต์ 30% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 30 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ อะมิทราซ 20% ดับเบิ้ลยู/วี อีซี อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ เฮกซีไทอะซอกซ์ 2% อีซี อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร...ให้พ่นทั้งต้นโดยเฉพาะบริเวณยอด และให้พ่นซ้ำ ได้ตามความจำเป็น

...

แต่ไม่ควรพ่นสารชนิดเดียวติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรพ่นสารสลับชนิดกัน เพื่อป้องกันไรดื้อยา และให้ใช้เมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น.

สะ-เล-เต