ทบ.โต้เข้าใจผิด แพร่ภาพทหารไทยส่งเสบียงให้ทหารเมียนมา ยันเป็นการค้าชายแดนยังเปิดปกติตามกรอบกฎหมาย และเน้นการตรวจคัดกรองโรค

วันที่ 22 มี.ค.64 พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงกรณีที่มีปรากฏภาพในเพจและนำเสนอข่าวเกี่ยวกับการค้าขายในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา และมีการวิจารณ์ให้เข้าใจผิดว่า กองทัพภาคที่ 3 ได้ส่งเสบียงทางทหารให้ทหารพม่านั้น ว่า จุดผ่านแดนถาวร จุดผ่านแดนชั่วคราว หรือด่านชายแดนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ในปัจจุบันยังคงเปิดให้มีการผ่านเข้า-ออกภายใต้มาตรการควบคุมการป้องกันโรคโควิด-19 และเป็นไปตามกฎหมายระเบียบในการข้ามแดนของบุคคลและสินค้า-สิ่งของโดยมีส่วนราชการในพื้นที่ปฏิบัติงานร่วมกันทั้ง ตำรวจ ฝ่ายปกครองของจังหวัด จนท.ศุลกากร, จนท.สาธารณสุข เป็นต้น โดยในการขนส่งสินค้าข้ามแดนต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 เป็นหลัก และพิจารณาร่วมกับกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องในการอนุญาตสินค้าบางประเภท เช่น พ.ร.บ.กักพืช กระทรวงเกษตรฯ, การนำเข้าสินค้า-ส่งออก กระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น

ในปัจจุบัน ผู้ประกอบการในพื้นที่ชายแดนสามารถดำเนินการค้าขาย ขนส่งสินค้าข้ามแดนได้ตามระเบียบและกฎหมายตามความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งได้ดำเนินการอยู่ตามปกติ โดยเฉพาะในสินค้าที่เป็นเครื่องอุปโภคบริโภคและจำเป็นต่อการดำรงค์ชีวิต ทั้งนี้ต้องไม่ได้เป็นสิ่งของต้องห้ามตามกฎหมายหรือยุทธภัณฑ์ที่อยู่ในการควบคุม

...

สำหรับการค้าขายสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภคในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ในขณะนี้นั้นเป็นเรื่องของผู้ประกอบการโดยตรง เป็นการค้าชายแดนตามปกติ กองทัพไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไปดำเนินในเรื่องเหล่านี้ และ จนท.ไม่ได้ปิดกั้นการค้าขายชายแดน หากดำเนินการในกรอบของกฎหมายและเป็นไปตามขั้นตอนของศุลกากรตามที่กล่าวมาแล้ว

ทั้งนี้ ประชาชนตามแนวชายแดน รวมถึงการค้าขายของผู้ประกอบการที่มีการส่งสินค้าตามช่องทางต่างๆ ก็ยังคงต้องผ่านการตรวจสอบและกำกับดูแลจากทหารเมียนมาตามระเบียบปฏิบัติของทางการเมียนมาตามปกติเช่นกัน

ปัจจุบัน กองกำลังชายแดนยังคงภารกิจปกป้องอธิปไตย สร้างความมั่นคงปลอดภัยในพื้นที่ชายแดน สกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ การลักลอบเข้าเมืองโดยไม่ผ่านการคัดกรองโรค

นอกจากสิ่งที่ได้กล่าวมาแล้วอีกประการหนึ่งที่สำคัญก็คืออำนวยความสะดวกให้กับการดำเนินการค้าขายตามแนวผ่านจุดผ่านแดน จุดผ่อนปรนทางการค้า ช่วยตรวจสอบคัดกรองสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะสิ่งผิดกฎหมายไม่ให้มีการผ่านเข้า-ออก หรือมีการลักลอบขนส่งสินค้าข้ามแดนโดยไม่ผ่านการตรวจสอบตามกระบวนการศุลกากร โดยเฉพาะตามช่องทางธรรมชาติ ควบคู่ไปกับการติดตามสถานการณ์ด้านความมั่นคงในพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อให้พร้อมดูแลสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนในทุกสถานการณ์

อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนของประเทศเพื่อนบ้าน การนำเสนอข่าวสารด้วยความระมัดระวัง ไม่กระทบเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและไม่เป็นการก้าวล่วงกิจการภายในของประเทศอื่น เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายต้องคำนึงถึงและให้ความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าข้อมูลนั้นไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะอาจจะสร้างผลกระทบในทางลบต่อผลประโยชน์ของประเทศหรือประชาชนชาวไทยได้

สิ่งที่ทุกฝ่ายควรร่วมกันในขณะนี้คือ สร้างความรักความสามัคคี สร้างการรับรู้ในข่าวสารที่ถูกต้อง เพื่อให้ทุกเรื่องเดินหน้าไปด้วยความเรียบร้อย บ้านเมืองสงบสุข และช่วยกันดูแลคนไทยประเทศไทยให้ผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 ได้อย่างปลอดภัย.