"สถาบันวัคซีนแห่งชาติ" ยืนยันวัคซีนบริษัท "แอสตราเซเนกา" สามารถฉีดให้ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ไม่จำกัดเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ขอประชาชนมั่นใจ เข้ารับการฉีดวัคซีนตามแผน

นายแพทย์นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ แถลงข่าวประเด็นวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ว่า ขณะนี้ประเทศไทยได้นำเข้าวัคซีนจาก 2 บริษัท โดยระยะเร่งด่วนได้นำเข้าวัคซีนจากบริษัทซิโนแวค เพื่อให้กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด-19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย ในจังหวัดที่เป็นพื้นที่ระบาดและจังหวัดพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ จำนวน 2 ล้านโดส ในช่วงเดือน ก.พ.-พ.ค. 2564 ใช้เป็นมาตรการเสริมควบคู่ไปกับมาตรการควบคุมโรค ซึ่งมีข้อบ่งชี้ในการใช้ฉีดในกลุ่มประชากรที่มีอายุ 18 ถึง 60 ปี

ส่วนวัคซีนของบริษัท "แอสตราเซเนกา" ประเทศไทยได้สั่งจอง สั่งซื้อ จำนวน 61 ล้านโดส สำหรับประชาชนกลุ่มเสี่ยงทั้งประเทศ มีข้อบ่งชี้การใช้ฉีดในกลุ่มอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ไม่เฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น โดยวัคซีนแอสตราเซเนกาที่ได้รับมาลอตแรก 117,300 โดส ได้นำมาฉีดให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปก่อน แต่เมื่อมีวัคซีนจำนวนมากทยอยส่งมอบ จำนวน 61 ล้านโดส จากการที่ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตวัคซีนแอสตราเซเนกาของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็จะใช้ฉีดให้กลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่มอายุตามแผนการดำเนินงานของกรมควบคุมโรค

ทั้งนี้ การกำหนดกลุ่มอายุที่สามารถรับวัคซีนได้ เป็นไปตามผลการวิจัยในระยะที่ 3 ของแต่ละบริษัท หากทดลองในกลุ่มอายุใดเมื่อมาขึ้นทะเบียนใช้วัคซีนก็จะอนุญาตให้ใช้ในกลุ่มอายุนั้นๆ ไปก่อน เช่น วัคซีนซิโนแวค ทดลองในกลุ่มประชากร 18-60 ปี เมื่อขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรมการอาหารและยา จะได้รับอนุญาตให้ใช้ตามผลการทดลองในผู้ที่มีอายุ 18–60 ปี แต่หากมีข้อมูลเพิ่มเติมในผู้มีอายุมากกว่า 60 ปี หรือกลุ่มอายุน้อยกว่า 18 ปี แล้วให้ผลไม่ต่างจากผู้มีอายุ 18–60 ปี ก็จะสามารถขยายกลุ่มอายุในการฉีดวัคซีนได้มากขึ้น

...

ส่วนวัคซีนแอสตราเซเนกา การทดลองวิจัยในกลุ่มประชากร 18 ปีขึ้นไป ไม่ได้จำกัดเพดานกลุ่มอายุ และมีผู้ที่เป็นผู้สูงอายุจำนวนพอสมควรในการทดลอง จึงได้รับอนุญาตให้ใช้ได้ทุกกลุ่มอายุตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้น

ขณะที่ในประเทศแถบยุโรปได้ฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาให้ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มต้นๆ ส่วนในสหราชอาณาจักรฉีดไปแล้วมากกว่า 16 ล้านโดส มีข้อมูลด้านความปลอดภัย และยืนยันว่ามีผลในการชะลอการเกิดโรค ชะลอการป่วยรุนแรง เมื่อฉีดจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ พบว่าแนวโน้มของการระบาดของโรคดีขึ้น จำนวนการป่วยลดลง

อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุข ยังคงติดตามทั้งเรื่องความปลอดภัยของการใช้วัคซีน ขอความร่วมมือประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนเช่นเดียวกับการสวมหน้ากากที่ทุกคนร่วมมือกัน ไม่ต้องมีกฎหมายบังคับ จะช่วยให้เราผ่านสถานการณ์โรคโควิด-19 ภายในเวลาอันรวดเร็ว.