ในปี 2564 “สปสช.” ได้จัดเตรียมวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่จำนวน 6.4 ล้านโดส เพื่อบริการฉีดให้กับประชากรกลุ่มเป้าหมาย 7 กลุ่มเสี่ยง และสำหรับหญิงตั้งครรภ์โดยเฉพาะจำนวน 3.5 แสนโดส โดยเปิดให้กลุ่มเสี่ยงจองสิทธิและนัดฉีดวัคซีนล่วงหน้าได้
ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์-30 เมษายน 2564 เพื่อเข้ารับบริการฉีดวัคซีนในระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม-31 สิงหาคม 2564 ยกเว้นหญิงตั้งครรภ์สามารถขอลงทะเบียนและฉีดวัคซีนได้ตลอดทั้งปี
ย้ำว่า...ประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยงที่มีสิทธิรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ฟรี ได้แก่ 1.หญิงมีครรภ์ 2.เด็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ปี 3.ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค (โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน) 4.ผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
5.ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ 6.โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง และ 7.โรคอ้วน มีน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป หรือดัชนีมวลกายมากกว่า 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ทั้งนี้ หญิงมีครรภ์แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เมื่อมีอายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป
...
นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) บอกว่า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน สปสช.ได้เปิดช่องทางให้ประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง สามารถจองสิทธิและนัดหมายเข้ารับการฉีดวัคซีนล่วงหน้าได้มาตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์แล้ว
สำหรับหญิงตั้งครรภ์สามารถขอลงทะเบียนและฉีดวัคซีนได้ตลอดทั้งปี โดยมี 4 ช่องทางในการจองสิทธินัดฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ล่วงหน้าดังนี้...สายด่วน สปสช. โทร. 1330 กด 1 หลังจากนั้นกด 8 ตั้งแต่เวลา 08.30-17.00 น. ...หน่วยบริการประจำหรือโรงพยาบาลในระบบบัตรทอง
Line @UCBKK สร้างสุข (เฉพาะผู้มีสิทธิบัตรทองหรือพักอาศัยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร) ให้บริการวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 08.30-18.00 น. และวันเสาร์ถึงวันอาทิตย์ เวลา 09.00-16.00 น. เฉพาะผู้สูงอายุที่อายุ 65 ปีขึ้นไป สปสช.เปิดทางเลือกให้สามารถลงทะเบียนจองสิทธิและนัดฉีดผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
เมนู “Health Wallet” หรือ “กระเป๋าสุขภาพ”
ระบบ “กระเป๋าสุขภาพ” จะมีบริการแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลานัดหมาย มี “QR Health ID” ที่ยืนยันตัวตนแทนบัตรประชาชน รวมทั้งชำระค่าบริการส่วนเกินที่อยู่นอกเหนือสิทธิผ่าน Wallet ได้ทันที
เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว ลดระยะเวลาการรอที่โรงพยาบาล ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ช่วยลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่
สำหรับกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ รวมถึงผู้ที่ไม่สะดวกตรวจสอบสิทธิสุขภาพผ่านแอปฯ เป๋าตัง สามารถจองสิทธิและนัดหมายผ่านหน่วยบริการ หรือโรงพยาบาลที่เข้ารับการรักษาเป็นประจำได้
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เสริมว่า ประเทศไทยรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทุกปีก่อนเข้าสู่ฤดูฝนที่เป็นช่วงการแพร่ระบาด เพื่อลดอัตราป่วยและเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อน ประกอบกับปีนี้ยังคงพบการระบาดของโรคโควิด-19 ต่อเนื่อง
...
ซึ่ง...เป็นโรคระบบทางเดินหายใจที่มีอาการคล้ายคลึงกันที่อาจก่อให้เกิดภาระในการวินิจฉัยและดูแลรักษาผู้ป่วย
“กรม และ สปสช. จึงได้ร่วมดำเนินการเพื่อให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่อย่างครอบคลุม...ทั่วถึง พร้อมวางระบบเข้ารับบริการที่ช่วยลดความกังวลให้กับประชาชนถึงความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ เน้นการเว้นระยะห่างทางสังคม จัดให้มีระบบจองสิทธิฉีดวัคซีนล่วงหน้า”
นอกจากนี้ยังให้สถานบริการสาธารณสุขจัดเตรียมความพร้อมสถานที่และจำนวนประชาชนเข้ารับบริการวัคซีนที่เหมาะสมในการรองรับ การดำเนินการทั้งหมดนี้เชื่อว่าจะทำให้การให้บริการวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ในปีนี้ดำเนินการไปอย่างมีประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพประชาชน
ข้อมูลจาก อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตอกย้ำจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นโรคกลุ่มระบบทางเดินหายใจ...มีอาการเบื้องต้นคล้ายคลึงโรคไข้หวัดใหญ่ คาดว่าจะมีประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เพิ่มมากขึ้น
...
นอกจากช่วย “ป้องกัน” และ “ลดภาวะความรุนแรง” จากโรคไข้หวัดใหญ่แล้ว ยังลดความสับสนในการวินิจฉัยโรคและรักษา ในปีนี้ได้เพิ่มวัคซีนอีก 2.4 ล้านโดส รวมเป็น 6.4 ล้านโดส
“การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่มีส่วนช่วยประเทศให้สามารถจัดการโรคโควิด-19 ได้ด้วย เพราะหากสามารถลดภาระจากโรคไข้หวัดใหญ่ได้ นอกจากจะช่วยลดความสับสนระหว่างโรคไข้หวัดใหญ่กับโควิด-19 ได้แล้ว ยังจะลดอุปสรรคในการป้องกันและควบคุมโควิด-19 รวมถึงค่าใช้จ่ายในระบบสาธารณสุขที่ลดลงไปด้วย”
พญ.สุชาดา เจียมศิริ ผู้อำนวยการกองโรคป้องกันด้วยวัคซีน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข บอกอีกว่า อาการป่วยโรคไข้หวัดใหญ่กับโควิด-19 นั้นมีลักษณะคล้ายกันมาก ไม่สามารถแยกได้ด้วยอาการ ฉะนั้นช่วงที่โควิดแพร่ระบาด ซึ่งเมื่อเจอเคสแล้วจะต้องมีการตรวจความเสี่ยงตามไทม์ไลน์สอบสวนโรค
“หากเรามีการฉีดวัคซีนที่ช่วยลดอัตราการป่วยไข้หวัดใหญ่ ก็จะช่วยลดความสับสนกับโควิด-19 ลงไปได้”
...
ข้อดีสำคัญอีกประการก็คือ กลุ่มเป้าหมายของการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่กับวัคซีนโควิด-19 นั้นใกล้เคียงกัน และมีหลายกลุ่มที่ซ้อนทับกันอยู่ ฉะนั้นการเข้ารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่โรงพยาบาล ผู้รับวัคซีนก็จะมีโอกาสได้พบกับเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบถึงสิทธิในการได้รับวัคซีนโควิด-19 ที่จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงให้ได้มากขึ้น
“แม้วัคซีนทั้งสองชนิดจะฉีดพร้อมกันไม่ได้ โดยต้องเว้นห่างอย่างน้อยประมาณหนึ่งเดือน แต่การเข้ารับวัคซีนตัวหนึ่งก็จะได้ทำนัดในการรับอีกตัวหนึ่งไปเลย เพื่อให้แพทย์สามารถจัดตารางการให้วัคซีนได้ ในกรณีของกลุ่มเป้าหมายที่มีสิทธิได้รับวัคซีนทั้งสองตัว”
เนื่องด้วย “ไทม์ไลน์” การให้ “วัคซีน” ทั้ง 2 ชนิดใกล้เคียงกัน โดยวัคซีนไข้หวัดใหญ่ สำหรับประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยงมีแผนให้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป ส่วนวัคซีนโควิด-19 ก็จะเริ่มมีเข้ามาฉีดสำหรับประชาชนในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ดังนั้น การเข้ารับวัคซีนก็จะเหมือนกับการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
ต้องย้ำว่า...หลักการของวัคซีนทั้ง 2 ชนิดเองก็มีลักษณะเดียวกัน คือไม่ได้หมายความว่าเมื่อฉีดแล้วจะมีภูมิขึ้น สามารถป้องกันโรคได้ 100% ทุกคน แต่จุดมุ่งหมายของ “วัคซีนไข้หวัดใหญ่” กับ “วัคซีนโควิด-19” คือ...ช่วยลดอาการป่วยรุนแรง ลดโอกาสที่จะเสียชีวิตจากโรคเหมือนกัน
ในส่วนสถานการณ์ของ “โรคไข้หวัดใหญ่” ปัจจุบันพบว่ามีการ ลดลงเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยช่วงที่เราควบคุมสถานการณ์ “โควิด-19” ซึ่งต้องมีมาตรการใส่หน้ากาก รักษาความสะอาดต่างๆ ได้ช่วยลดจำนวนผู้ป่วยในโรคที่เกิดจากการสัมผัสไอจามลงได้
อย่างไรก็ตาม พญ.สุชาดา ผอ.กองโรคป้องกันด้วยวัคซีน ฝากทิ้งท้ายว่า การรับ “วัคซีนไข้หวัดใหญ่” ก็ยังคงมีความ “จำเป็น” สำหรับประชาชนกลุ่มเป้าหมายและระบบการจัดการในภาพรวม.