ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) แถลงข่าว ความร่วมมือเพื่อสร้างความสามารถในการพัฒนากระบวนการสังเคราะห์สารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรมของประเทศ : ยาต้านไวรัส “Favipiravir” มี ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผอ.สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผอ.องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ร่วมแถลง ศ.ดร.เอนกกล่าวว่า การพัฒนาวัตถุดิบสารออกฤทธิ์ทางยา หรือ API (Active Pharmaceutical Ingredients) สำหรับใช้เป็นสารตั้งต้นผลิตยาฟาวิพิราเวียร์เพื่อใช้ต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SAR-CoV-2) ประสบความสำเร็จ เป็นนิมิตหมายดีที่ประเทศไทยจะสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมวัคซีน ยา รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆที่จะช่วยรับมือวิกฤติโรคระบาดในอนาคต ทำให้ประเทศมีความเข้มแข็งด้านการแพทย์และสาธารณสุข พึ่งพาตนเองได้ ลดการนำเข้า ขณะนี้ สวทช.ได้เตรียมผลักดันเชื่อมโยงงานวิจัยไปสู่ระดับอุตสาหกรรม โดยนำเรื่องการพัฒนาสังเคราะห์สารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรม สำหรับยาฟาวิพิราเวียร์ต้านโรคโควิด-19 บรรจุในโครงการ BCG กลุ่มสาขายาและวัคซีนแล้ว และเป็นกรอบทำงานในงบประมาณปี 2565

ดร.ณรงค์กล่าวว่า สวทช. ร่วมกับ อภ.วิจัยพัฒนากระบวนการผลิต API ด้วยตนเองในระดับห้องปฏิบัติการกระทั่งประสบความสำเร็จ สอดคล้องกับการพัฒนาสูตรตำรับยาที่ อภ.ดำเนินการอยู่ เพื่อใช้ผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ต้านโรคโควิด-19 ขั้นต่อไป อภ.จะขยายการผลิตในระดับกึ่งอุตสาหกรรม ร่วมกับทีมนักวิจัย ไบโอเทค สวทช. และจะมีการต่อยอดขยายผลไปสู่อุตสาหกรรม API โดยมี บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมศึกษาเพื่อขยายผลเชิงพาณิชย์

ด้าน นพ.วิฑูรย์กล่าวว่า อภ.ร่วมกับ สวทช.วิจัยและพัฒนากระบวนการสังเคราะห์วัตถุดิบฟาวิพิราเวียร์ ขณะนี้ สวทช.ได้ดำเนินการระดับห้องปฏิบัติการเสร็จแล้ว ได้กระบวนการสังเคราะห์จากสารตั้งต้นตัวใหม่ที่มีราคาถูกกว่าสารตั้งต้นที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศที่ใช้อยู่ ซึ่ง อภ.อยู่ระหว่างยื่นจดสิทธิบัตรต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา ขณะเดียวกัน สวทช.พร้อมที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตให้กับ อภ. เพื่อต่อยอดกระบวนการสังเคราะห์ไปสู่ระดับกึ่งอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรม ทั้งนี้ อภ. สวทช. และ ปตท.จะศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างโรงงานสังเคราะห์วัตถุดิบยาฟาวิพิราเวียร์และวัตถุดิบยาจำเป็นอื่นๆ.

...