• รัฐบาลงัดยาแรง คุมเข้มพื้นที่สีแดง ควบคุมสูงสุด ก่อนนำไปสู่ "ล็อกดาวน์"
  • ทหาร ตำรวจ คุมเข้มชายแดน หวั่นแรงงานหนีทะลักเข้าไทยอีกครั้ง
  • 3 เหล่าทัพ เตรียม รพ.สนาม แพทย์ทหาร พร้อมรับผู้ป่วยโควิด-19 ประเมินแล้วหนัก

ดูแล้ว โควิด-19 ระลอกใหม่ หนักหนาสาหัสและทวีความรุนแรง เพราะทั่วโลกติดเชื้อพุ่งไปกว่า 87.5 ล้านคนในระยะเวลาแค่ 1 ปี และคร่าชีวิตมนุษย์กว่า 2 ล้านคนแล้ว ยิ่งกว่านั้นเชื้อได้กลายพันธุ์ ติดง่าย ตายเร็ว และเชื่อว่าจะอยู่กับมวลมนุษยชาติไปอีกนานแสนนาน หากตราบใดที่ยังไม่มีวัคซีนที่สามารถป้องกันได้จริง ย้ำ..ได้จริง

ข้ามมาประเทศไทย หลังการ์ดตก ตัวเลขผู้ติดเชื้อก็พุ่งกลายเป็น "ซุปเปอร์สเปรดเดอร์" อย่างรวดเร็ว จนตัวเลขใกล้แตะหลักหมื่น แม้ "รัฐบาล" โดย ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. จะกำหนดทิศทางและมาตรการป้องกันต่างๆ ออกมา เพื่อให้การระบาดลดน้อยลง โดยมี "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม นั่งหัวโต๊ะบัญชาการ ขับเคลื่อนแผนงานทุกวัน แต่ก็ยังไม่สามารถหยุดผู้ที่ติดเชื้อที่พุ่งแบบก้าวกระโดดได้

...

รัฐบาลงัดยาแรงควบคุมพื้นที่สูงสุดและเข้มงวด

แม้รัฐจะเห็นชอบให้ขยายเวลาประกาศใช้ พ.ร.ก. ที่จะครบกำหนดในวันที่ 15 ม.ค.นี้ ออกไปอีก 45 วัน หรือสิ้นเดือน ก.พ. 64 เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 รวมทั้งมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด โดยเฉพาะในพื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือพื้นที่สีแดง 28 จังหวัด รวมทั้งยกระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุดที่จำเป็นต้องมีมาตรการเข้มงวด โดยให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเส้นทางคมนาคมและยานพาหนะของประชาชนเดินทางเข้าออกเขตพื้นที่เข้มงวด ได้แก่ จันทบุรี ชลบุรี ตราด ระยอง และสมุทรสาคร เพื่อสกัดคัดกรองคนเข้าออกพื้นที่ โดยบุคคลที่จะออกนอกพื้นที่ ต้องแสดงเหตุผลความจำเป็น บัตรประชาชน บัตรแสดงตนอื่นๆ ควบคู่กับเอกสารรับรองต่อเจ้าหน้าที่

หากตัวเลขยังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง มีการประเมินว่า สุดท้ายแล้วมาตรการที่รัฐบาลจะงัดออกมาใช้คือการ "ล็อกดาวน์" เพื่อจำกัดวงการแพร่เชื้อ คาดว่าน่าจะเป็นคำตอบสุดท้ายที่ตอบสนองมาตรการควบคุมได้อย่างดีที่สุด เพราะขณะนี้ โควิด-19 ทะลุทะลวงกระจายไปวงกว้าง 54 จังหวัดแล้ว จากจุดเริ่มต้นที่พบผู้ติดเชื้อจากโรงแรมวันจีวัน ท่าขี้เหล็ก ที่กลุ่มหญิงสาวลอบข้ามไปทำงานในสถานบันเทิงแห่งนี้แล้วติดเชื้อโควิด-19 ได้ลักลอบข้ามกลับฝั่งไทยโดยผ่านช่องทางธรรมชาติ

ตลาดกลางกุ้ง บ่อนพนัน แหล่งแพร่เชื้อโควิด

และตามมาด้วย กลุ่มแรงงานต่างด้าว ที่ตลาดกลางกุ้ง จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นจุดแพร่ระบาดหนัก ที่เพียงไม่กี่วันทำประเทศไทยตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ และกระจายไปสู่อีกหลายจังหวัดอย่างรวดเร็ว ขณะที่บ่อนการพนันก็เป็นจุดที่ทำให้ตัวเลขยอดของการติดเชื้อพุ่งไม่หยุด และกระจายไปเกือบทุกภูมิภาคของประเทศส่งผลให้ผู้ติดเชื้อเสียชีวิต และป่วยหนักจำนวนมาก จนนำมาสู่การเด้ง ผบช.ภ.2 และ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ระยอง ตราด จันทบุรี รวมถึงในเขตกรุงเทพฯ ผบก.น.2 และ 5 เสือโรงพักอีกเพียบ

ขณะที่รัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เร่งลงนามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กำหนดให้ 28 จังหวัดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด และลงนามใน 8 มาตรการคุมเชื้อโรคโควิด-19 ระบาด โดยให้มีผลตั้งแต่เวลา 06.00 น. ของวันที่ 4 ม.ค. 64 เพื่อป้องกันให้มีผู้ติดเชื้อลดน้อยลง และสถานการณ์กลับมาสู่ภาวะปกติ

ไทยได้ข่าวดี จีน มอบวัคซีนต้านโควิด 2 ล้านโดส

แม้จะมีสิ่งดีๆ เข้ามาบ้างเมื่อไทยจะได้รับวัคซีนจากบริษัทซิโนแวค ประเทศจีน จำนวน 2 ล้านโดส หากเป็นไปตามแผนภายในเดือนกุมภาพันธ์จะได้รับวัคซีน 2 แสนโดสแรก ฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง และในเดือนมีนาคมจะได้รับอีก 8 แสนโดส เดือนเมษายนอีก 1 ล้านโดส โดยมีคณะกรรมการเป็นผู้พิจารณากำหนดกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งการทำสัญญาจองซื้อวัคซีนล่วงหน้ากับบริษัทแอสตราเซเนกา จำนวน 26 ล้านโดสนั้น จากเดิมจะได้รับวัคซีนในไตรมาสที่ 2 แต่จากการเจรจาจะได้วัคซีนมาเร็วกว่ากำหนด ทยอยส่งตามแผนการฉีดวัคซีน โดยมีองค์การเภสัชกรรมเป็นผู้จัดส่งและกระจายวัคซีนไปยังสถานบริการสาธารณสุขทั่วประเทศ

...

นอกจากนี้ยังมีการจัดหาวัคซีนจากแหล่งอื่นๆ จาก COVAX Facility อยู่ระหว่างพิจารณาเงื่อนไขและเจรจาต่อรอง และได้รับจัดสรรงบประมาณเพิ่ม เพื่อให้ได้วัคซีนครอบคลุมประชาชนไทยร้อยละ 50 ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

กองทัพ รับบทหนักออกมาตรการป้องกัน หน.ศปม. สั่งห้ามชุมนุม มั่วสุม 

ขณะที่ฝ่ายความมั่นคง กองทัพ ตำรวจ ได้รับบทหนัก ในการขับเคลื่อนเพื่อกำหนดมาตรการป้องกัน และลดการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ต้องบูรณาการร่วมกับสาธารณสุข ก็ยังพุ่งเป้าไปที่แรงงานต่างด้าวยังเป็นปัจจัยสำคัญในการยากต่อการตรวจสอบ ด้วยปัญหาปากท้อง กับเหตุระบาดรุนแรงเป็นอีกปัจจัยที่แรงงานประเทศเพื่อนบ้านต้องการหลบหนีเข้ามาประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง แม้ทางกำลังป้องกันชายแดนจะสกัดกั้นป้องกันอย่างเต็มที่แล้ว แต่ด้วยแนวชายแดนยาวกว่า 2,400 กิโลเมตร จึงถือเป็นงานหินทีเดียว

...

แม้ความพยายามของ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง (ศปม.) ได้ออกประกาศการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุมที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โควิด-19 ที่มีแนวโน้มจะแพร่ระบาดไปทั่วประเทศ เพื่อป้องกันการระบาดของการติดเชื้อโรค มิให้ขยายไปในวงกว้าง รวมทั้งก่อให้เกิดความเสียหายอื่นๆ โดยดำเนินมาตรการป้องกันควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ จึงอาศัยอำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548

ห้ามมิให้มีการมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค หรือการกระทำอันเป็นการฉวยโอกาส ซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน หรือการกลั่นแกล้งเพื่อแพร่เชื้อโรค ณ ที่ใดๆ ทั่วราชอาณาจักร ห้ามมิให้มีการชุมนุม หรือการทำกิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัดในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคในพื้นที่ซึ่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัด ประกาศหรือมีคำสั่งให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือพื้นที่ควบคุม เว้นแต่การทำกิจกรรมของทางราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีมาตรการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลที่ปลอดภัย หรือการทำกิจกรรมภายในครอบครัว ที่อยู่ในเคหสถาน การชุมนุม หรือการทำกิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัด ในพื้นที่ หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ ต้องรับโทษตามมาตรา 18 จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

...

ตำรวจ หวั่นแรงงานต่างชาติลักลอบเข้าไทยอีกครั้ง

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ออกมาย้ำกรณีที่รัฐบาลเปิดโอกาสให้แรงงานผิดกฎหมายในประเทศ มาขึ้นทะเบียนเพื่อเข้าสู่ระบบคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด-19 และพิสูจน์ตัวตน จะมีแรงงานต่างด้าวทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย ซึ่งลักลอบออกจากประเทศไทยไปตั้งแต่ช่วงการระบาดรอบแรก ที่คาดว่ามีประมาณแสนคน จะใช้โอกาสนี้ลักลอบกลับเข้าไทยอีกครั้ง เพราะเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง มีการจับกุมแรงงานชาวเมียนมาหลบหนีเข้าเมืองได้ โดยลอบมาทำงานบริเวณตลาดย่านดอนเมือง และได้ตรวจคัดกรองพบติดเชื้อโควิดถึง 7 คน

"สอบสวนพบมีนายหน้าและขบวนการนำพาเข้าไทย โดยเสียค่านายหน้าคนละ 6,000 บาท ส่วนชาวเวียดนามอีกรายได้ลักลอบเข้าไทยผ่านทางอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ด้วย จึงต้องสั่งการให้ตำรวจในพื้นที่ที่มีการประกาศคุมเข้มพื้นที่ควบคุมสูงสุด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ร่วมกับฝ่ายปกครอง ทหาร ตั้งจุดคัดกรองเส้นทางหลัก ทั้งทางบกและทางน้ำ เช่นเดียวกับจังหวัดสมุทรสาคร โดยจะอนุญาตการเดินทางเข้าออกเท่าที่จำเป็น เน้นการตรวจค้นรถตู้ รถโดยสาร ป้องกันการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามพื้นที่ให้ได้มากที่สุด โดย 5 จังหวัด จังหวัดสมุทรสาคร มีด่านตรวจจำนวน 12 จุดทั้งทางบกและทางน้ำ จังหวัดระยอง มีด่านตรวจจำนวน 5 จุด จังหวัดตราด มีด่านตรวจจำนวน 3 จุด จังหวัดชลบุรี ด่านตรวจ 17 จุด และจังหวัดจันทบุรี มีด่านตรวจจำนวน 4 จุด"

ผบ.สตม. ยกระดับคุมเข้มแนวชายแดนป้องกันลักลอบหนีเข้าเมือง

ด้าน พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. กล่าวว่า ได้ยกระดับมาตรการคุมเข้มแนวชายแดนเพื่อป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าประเทศของแรงงานผิดกฎหมาย โดยได้ดำเนินการต่อเนื่องมาถึงการระบาดรอบใหม่ พร้อมยอมรับว่าพื้นที่ตะเข็บชายแดนรอบประเทศ ยาวกว่า 5,000 กิโลเมตร โดยเฉพาะทิศตะวันตกติดกับประเทศเมียนมา มีตะเข็บชายแดน 10 จังหวัดยาว 2,400 กิโลเมตร เช่น จังหวัดระนอง, ชุมพร, กาญจนบุรี, ตาก, แม่ฮ่องสอน และเชียงราย แต่กำลังพลไม่เพียงพอ ยิ่งในช่วงที่รัฐบาลเปิดโอกาสให้แรงงานผิดกฎหมายในประเทศ มาขึ้นทะเบียนเพื่อเข้าสู่ระบบคัดกรองโควิดและพิสูจน์ตัวตน ผบ.ตร.จึงสั่งการให้เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังชายแดนมากขึ้น เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นช่วงเวลาให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้ามาเพื่อฟอกตัว

นอกจากนี้ ตนสั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ประจำตามท่าอากาศยานทุกแห่ง ลงพื้นที่เสริมกำลังกับ ตม.จังหวัด เพื่อสกัดกั้นตามตะเข็บชายแดน โดยสถิติจับกุมแรงงานต่างด้าวในรอบปี 2563 ทั่วประเทศจับได้ประมาณ 68,000 คน และถูกผลักดันออกนอกประเทศไปแล้วขณะนี้เหลือตกค้างในประเทศตามห้องกักต่างๆ ประมาณ 2,000 คน ในจำนวนนี้เป็นแรงงานชาวเมียนมา 1,500 คน และสัญชาติอื่นๆ อีกประมาณ 500 คน ทั้งนี้เดือนมกราคม 2564 นี้ จับกุมคนต่างด้าวลักลอบเข้าประเทศไปแล้วกว่า 800 คน สำหรับ เจ้าหน้าที่ สตม. ยังไม่พบการติดเชื้อโควิด-19 จากการระบาดรอบใหม่

ผบ.ทสส.ตรวจหน่วยพื้นที่ชายแดน ย้ำมาตรการป้องกันโควิด

ในส่วนกองทัพไทย พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด ในฐานะสวมหมวก หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ลงพื้นที่ ค่ายรัตนรังสรรค์ กองกำลังเทพสตรี จ.ระนอง เพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ จุดตรวจคัดกรองโควิด หน้าด่านศุลกากร และจุดตรวจเกาะสะระนีย์ เพื่อให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงานด้านความมั่นคงในการสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายโดยไม่ผ่านการตรวจสอบและปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด และตรวจภูมิประเทศโดยอากาศยานตามแนวชายแดนบ้านน้ำทุ่น – บ้านปากจั่น อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง และตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ ตามมาตรการป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ณ บ้านหัวถนน อำเภอกระบุรี โดยสถานการณ์ในพื้นที่ซึ่งมีเขตติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ย้ำในการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และมีการใช้มาตรการเชิงรุก เพื่อคัดกรองผู้เดินทางเข้าออกในพื้นที่อย่างรัดกุม นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจากภาคประชาชนในการร่วมเป็นหูเป็นตา สอดส่องดูแลและแจ้งความผิดปกติต่างๆ ให้กับเจ้าหน้าที่

"สิ่งที่กำชับต่อกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ชายแดน ได้เน้นย้ำเรื่องการสกัดกั้นการเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของแรงงานต่างด้าว รวมทั้งผู้ที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หรืออยู่ในประเทศโดยไม่ถูกต้อง และขอให้เจ้าหน้าที่ได้ทำความเข้าใจต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้เกิดความเชื่อมั่นต่อการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ว่าสามารถที่จะควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดให้อยู่ในวงจำกัดได้ และกวดขันการห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดมิให้ขยายไปในวงกว้าง"

ทบ. ส่ง 3 หน่วย คุมเข้ม 24 ชม. พร้อมตั้ง รพ.สนาม 2.5 พันเตียง

ขณะที่ กองทัพบก จัดกำลังพลกรมการทหารสื่อสารที่ 1, มณฑลทหารบกที่ 16 พร้อมยุทโธปกรณ์เข้าปฏิบัติภารกิจสนับสนุนจังหวัดสมุทรสาคร ในการคลี่คลายสถานการณ์โควิด-19 เฝ้าระวังพื้นที่ควบคุมและการลาดตระเวนโดยรอบตลอด 24 ชั่วโมง การตั้งจุดตรวจ จุดคัดกรองควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 จำนวน 9 จุดตรวจรอบพื้นที่จังหวัด ลงทะเบียนซักประวัติเพื่อคัดแยกบุคคลที่ตลาดกลางกุ้งเพื่อเตรียมย้ายไปพักที่ศูนย์ห่วงใยคนสาคร

รวมทั้งจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติมตามสถานที่ที่ทางจังหวัดเป็นผู้กำหนด ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมดำเนินการแล้ว 8 แห่ง สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 2,500 เตียง ซึ่งคาดว่าน่าจะเพียงพอต่อการเข้าพักรักษา และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคในสถานการณ์ปัจจุบัน

ทร. จัด รพ.สนาม 3 แห่งภาคตะวันออก และ 2 รพ.หลัก กทม.

ในส่วนกองทัพเรือ พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ ระบุทหารเรือมีความพร้อมโรงพยาบาลสนาม เพื่อเตรียมการในการรองรับผู้ป่วยโควิด-19 โดยใช้โรงพยาบาลสนาม ศูนย์การฝึกหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง พื้นที่เกล็ดแก้ว อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โรงพยาบาลสนามค่ายพระมหาเจษฎาราชเจ้า หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และโรงพยาบาลสนาม สนามฝึกกองทัพเรือ บ้านจันทเขลม จังหวัดจันทบุรี

พร้อมให้กรมแพทย์ทหารเรือ จัดเตรียมโรงพยาบาลหลัก คือ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้าและโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ สำหรับตรวจวินิจฉัยและรับผู้ป่วยที่มีอาการหนัก พร้อมทั้งเตรียมโรงพยาบาลเฉพาะโรค 2 แห่งคือโรงพยาบาลทหารเรือกรุงเทพและโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ สำหรับผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการ

นอกจากนั้นยังให้หน่วยกองทัพเรือในพื้นที่ต่างๆ จัดพื้นที่ควบคุมเพื่อเฝ้าระวัง หรือ State quarantine พื้นที่กรุงเทพฯ จัดที่กรมยุทธศึกษาทหารเรือ พื้นที่สัตหีบ จัดที่อาคารรับรองกองทัพเรือพื้นที่สัตหีบ และหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง พื้นที่จังหวัดจันทบุรี จัดที่กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด พื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 จัดที่ฐานทัพเรือสงขลา พื้นที่ทัพเรือภาคที่ 3 จัดที่ฐานทัพเรือพังงา พื้นที่จังหวัดนราธิวาส จัดที่ค่ายจุฬาภรณ์ รวมทั้งสิ้น 726 เตียงในการดูแลผู้ป่วย

ทอ. มอบกรมแพทย์ทหารอากาศ จัด รพ.สังกัดดูแลผู้ป่วยโควิด

นอกจากนี้ กองทัพอากาศ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผบ.ทอ. เตรียมความพร้อมโรงพยาบาล ในสังกัดกองทัพอากาศ ในการปฏิบัติหน้าที่รองรับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยมอบ เจ้ากรมแพทย์ทหารอากาศ ผอ.รพ.ภูมิพลอดุลยเดช ผอ.รพ.จันทรุเบกษา และผอ.รพ.ทหารอากาศ (สีกัน) จัดโรงพยาบาลที่มีขีดความสามารถในการรองรับผู้ป่วยโควิด-19

โดยโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช เป็นโรงพยาบาลหลักในการรักษาพยาบาล โดยมีขีดความสามารถในการรักษาผู้ป่วยโรครุนแรง ระดับ 4 โรงพยาบาลทหารอากาศ (สีกัน) ปรับบทบาทเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทาง ดูแลรักษาผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรงระดับ 1-3 รวมถึงการกักกันโรค โรงพยาบาลจันทรุเบกษา ดูแลรักษาผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรง ระดับ 1-3 รวมถึงการกักกันโรค ที่ ร.ร.การบิน กำแพงแสน นครปฐม ส่วนกองเวชศาสตร์ป้องกัน มีบทบาทหลักในการป้องกันและสอบสวนโรค

นอกจากนี้ยังมีการประสานกับโรงพยาบาลเครือข่าย ในการรักษาพยาบาล การสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ระหว่างโรงพยาบาลเครือข่าย และส่งต่อผู้ป่วย เพื่อให้สามารถรองรับสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สถานการณ์ถึงวันนี้หากคนไทยทุกคนไม่ช่วยกัน ยังปล่อยให้ "การ์ดตก" อีก เหตุการณ์จะวิกฤติทวีคูณกว่านี้ สิ่งสำคัญต้องมีวินัย และมั่นใจในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของรัฐ สธ. ที่พยายามดำเนินการให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ เพราะการระบาดระลอกใหม่นี้รุนแรง และเป็นสัญญาณเตือนให้พวกเราทุกคนต้องสู้เพื่อตัวเราเองและประเทศไทย.

ผู้เขียน : คชสีห์ 88

กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun