รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กระตุ้นคนไทยการ์ดอย่าตก ดึงตำรวจท่องเที่ยวช่วยยกระดับความปลอดภัย สอดส่องดูแลนักท่องเที่ยวเป็นกรณีพิเศษ ในช่วงของการระบาดของโควิด-19 ให้ความสำคัญกับความสะอาดของแหล่งท่องเที่ยว สร้างความเป็นธรรม รณรงค์ผู้ประกอบการไม่เอาเปรียบนักท่องเที่ยว และส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวต้องเน้นใน 4 ด้าน โดยสิ่งแรกที่ต้องเน้นมากที่สุดคือ การยกระดับความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว (Safe) ทางกระทรวงฯ ได้ทำงานร่วมกับกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ที่ดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ซึ่งตนเองได้หารือกับผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว โดยเฉพาะในเทศกาลปีใหม่ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวช่วยสอดส่องดูแลนักท่องเที่ยวเป็นกรณีพิเศษในขณะที่มีการระบาดของโควิด-19 ถ้าเห็นใครไม่ใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย ต้องเข้าไปตักเตือน หรือแนะนำ สำคัญที่สุดจะมีจุดตรวจของตำรวจท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ของประเทศไทย รวมทั้งจะต้องมีการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้พัฒนาระบบความปลอดภัยด้วย
ประเด็นต่อมาที่ส่งเสริม คือ ความสะอาดในแหล่งท่องเที่ยว (Clean) จะต้องสร้างจิตสำนึกให้นักท่องเที่ยวรักษาความสะอาดในแหล่งท่องเที่ยว ส่งเสริมอาหารปลอดภัย ถูกสุขลักษณะ และรณรงค์ห้องน้ำสะอาดในแหล่งท่องเที่ยว ขณะเดียวกัน การที่คนออกเดินทางท่องเที่ยวแล้ว ต้องมีการส่งเสริมความเป็นธรรมในการท่องเที่ยว (Fair) รณรงค์และส่งเสริมผู้ประกอบการไม่ให้เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว สร้างจิตสำนึก ท่องเที่ยวเป็นธรรม ไม่เอารัดเอาเปรียบ และป้องกันการหลอกลวงนักท่องเที่ยว
นอกจากนั้น ต้องส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและรักษ์สิ่งแวดล้อม (Sustainability) เศรษฐกิจสร้างสรรค์ท่องเที่ยว ยั่งยืน ส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชน (Community-Based Tourism) เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชน สร้างชุมชนท่องเที่ยว เสริมพลังให้ท้องถิ่นจัดการได้ด้วยตนเอง เพิ่มขีดความสามารถ บริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะพื้นที่เกาะ และรณรงค์รักษาสิ่งแวดล้อมในแหล่งท่องเที่ยว
“นักท่องเที่ยวต้องดูแลตัวเองให้ได้ตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข ที่คุณหมอพูดออกมา ถ้าผมใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย และคนที่อยู่กับผมก็ใส่หน้ากาก เป็นวิธีป้องกันที่สำคัญที่สุด โอกาสที่จะระบาดใส่กันแค่ 0.5% เท่านั้น ฉะนั้นทุกท่านการ์ดอย่าตก ให้เว้นระยะห่าง และล้างมือบ่อยๆ ถ้าล้างมือด้วยน้ำเปล่าและสบู่ได้ดีที่สุด ถ้าไม่ได้ก็ล้างด้วยแอลกอฮอล์เข้มข้นเกินกว่า 70% หรือเจลแอลกอฮอล์”
สำหรับผู้ประกอบการในภาคท่องเที่ยวที่ประสบความยากลำบาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า รัฐบาลประกาศตลอดเวลาว่าสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการอะไรบ้าง และที่รัฐบาลได้ช่วยเหลือมีอะไรบ้าง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดกรณีเกิดการระบาดรอบใหม่ เป็นสิ่งที่ผมเองกังวล เป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลต้องหารือร่วมกันว่าในแต่ละกระทรวงที่ดูแลจะช่วยเหลือเรื่องอะไรบ้าง
อย่างไรก็ตาม ขอคนไทยมีสติไม่ตกใจเกินกว่าเหตุ และเสพเฉพาะข่าวจริง ขอให้เช็กข้อมูลก่อนว่าจริงหรือไม่จริง เพราะทุกวันนี้ 90% เป็นข่าวปลอม และไปลือกันจนข่าวปลอมเป็นเหมือนข่าวจริง ใครรับข่าวสารอะไรขอให้พิจารณาโดยถ่องแท้ก่อน เพื่อไม่ให้เกิดการตื่นตระหนกของคนทั้งประเทศ และมั่นใจกระทรวงสาธารณสุขเอาอยู่
รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้กล่าวถึงตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศว่า จากการสื่อสารกับหลายประเทศ ทุกสถานทูตแต่ละประเทศพูดเสียงเดียวกันว่า ในช่วงฤดูหนาวของปีนี้เป็นช่วงที่แต่ละประเทศต้องทดสอบศักยภาพสาธารณสุขของประเทศตัวเอง มีการป้องกันและสามารถเอาอยู่หรือไม่ ตัวอย่าง สาธารณรัฐประชาชนจีน รับทราบการติดเชื้อโควิด-19 ครั้งแรกในเดือนพ.ย.2562 จากนั้นสามารถควบคุมการระบาดได้ในเดือน มี.ค.2563 ก็ต้องการทดสอบว่าในช่วงฤดูหนาวของปีนี้จีนสามารถเอาอยู่ไหม หากเอาอยู่หลังจากนี้มีวัคซีนออกมา การกระเพื่อมของโควิด-19 ของจีนไม่มีแน่นอน และเมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน ถ้าไทยพร้อมและจีนพร้อมก็จะทำการจับคู่ท่องเที่ยวกัน
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากระทรวงท่องเที่ยวพยายามเปิดรับต่างชาติในหลายๆ กลุ่ม แต่ล่าสุดนายกรัฐมนตรีพูดการชะลอเปิดประเทศ เพราะให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพของประชาชนเป็นสำคัญ เมื่อนายกรัฐมนตรีมีดำริมาอย่างนี้ กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาก็ต้องชะลอการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่จะมาประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยก็เพียง 1,000 กว่าคน และที่มาโดยสเปเชียล ทัวริสต์ วีซ่า (เอสทีวี) ซึ่งมีเงื่อนไขรัดกุมมาก รวมทั้งมีการเดินทางเข้ามาของนักธุรกิจ ผู้เชี่ยวชาญ และผู้มาทำการรักษาพยาบาลในไทยตามใบนัดของแพทย์ ซึ่งไม่ใช่การรักษาโรคโควิด-19 และสมาชิกไทยแลนด์ อีลิท โดยทุกคนที่เข้ามาต้องถูกกักตัว 14 วัน อย่างเคร่งครัด
“ตลอดฤดูหนาวปีนี้จนถึงสิ้นเดือนมี.ค. 2564 คงไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา ยกเว้น ผู้เชี่ยวชาญ นักการทูต นักธุรกิจ สมาชิกไทยแลนด์ อีลิท หรือคนที่มีความจำเป็น วันนี้การเดินทางทางอากาศยังไม่เปิดเต็มที่ เมื่อมีการสัญจรทางอากาศปกติจึงจะเห็นการท่องเที่ยวคึกคักขึ้น"
นายพิพัฒน์ ได้กล่าวทิ้งท้ายถึงการบริหารงานท่องเที่ยวภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ระบาดด้วยว่า ผมกินแต่ยา “สู้ สู้ สู้” ไม่เคยกินยา “ถอย ถอย ถอย” ฉะนั้นคำว่าท้อไม่เคยมีในความคิดของผม และเชื่อว่าทุกคนในคณะรัฐมนตรี ร่วมกับนายกรัฐมนตรี วันนี้ท่องคำว่า “เดินหน้าและสู้” ถอยไม่มี โดยเฉพาะท่านนายกฯ บอกสู้ทุกวัน คณะรัฐมนตรีชุดนี้ทุกคนทำงานสุดความสามารถ และบอกได้เลยว่ารัฐมนตรีทุกท่านไม่มีคนไหนที่ปล่อยเกียร์ว่าง ทุกคนทำงานทุกวันหยุดและทำนอกเวลาราชการตลอด แม้วันหยุดราชการ นายกรัฐมนตรีก็ยังไปตรวจราชการ หัวหน้ารัฐบาลเป็นแบบนี้ พวกผมเป็นลูกทีมรัฐบาลก็อยู่บ้านไม่ได้ จึงขอให้สบายใจได้ว่าพวกเราสู้