มีเรื่องดีๆจากบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. มาเล่าสู่กันฟังอีกแล้วครับ หลังจากเข้าร่วมงานลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ การอนุรักษ์ทะเลเพื่อชีวิต (Ocean for Life) ร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หรือ ทช. เป็นระยะเวลา 10 ปี เพื่อเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ ส่งเสริมให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรท้องทะเลไทย และเพิ่มรายได้แก่ชุมชนใน 17 จังหวัดรอบอ่าวไทย

การดำเนินการภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นแผนระยะยาวครับ นานถึง 10 ปีทีเดียว เริ่มตั้งแต่ปี 2563-2573 โดยมีแผนการดำเนินงานครอบคลุมการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลหลายด้าน ทั้ง การบริหารจัดการขยะทะเล การป้องกันขยะลงสู่ทะเลด้วยการสร้างจิตสำนึกให้กับประชาชนทั่วไปให้ตระหนักถึงความสำคัญของทะเล และการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการกำจัดขยะและแปรรูปขยะเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ การปลูกและฟื้นฟูป่าชายเลนให้สามารถเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ ชายฝั่งและระบบนิเวศที่มีความสมบูรณ์

การพัฒนาศูนย์การเรียนรู้เพาะฟักสัตว์น้ำเศรษฐกิจ เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์วิถีประมงชายฝั่งอย่างยั่งยืน และการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ทะเลหายาก การจัดทำแนวเขตอนุรักษ์และเพิ่มแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลบริเวณชายฝั่ง หรือบ้านปลา รักษาสมดุลของระบบนิเวศทางทะเล สนับสนุนการผลิตและจำหน่ายอาหารทะเลแปรรูปที่มีคุณภาพและมาตรฐาน รวมถึงการสนับสนุนงานวิจัยเพื่อการตรวจติดตามสุขภาพของมหาสมุทรและความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล

...

คุณพงศธร เล่าให้ฟังว่า เพราะพื้นที่ปฏิบัติการส่วนใหญ่ของ ปตท.สผ. อยู่ในทะเล ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองที่ต้องช่วยกันดูแลและปกป้อง ที่ผ่านมา ปตท.สผ.มีการดำเนินกิจกรรมและโครงการต่างๆในการอนุรักษ์ท้องทะเลหลายโครงการ โดยร่วมมือกับชุมชน หน่วยงานราชการทั้งส่วนกลาง ท้องถิ่นและทุกภาคส่วนเป็นอย่างดี ส่งผลให้การดำเนินกิจกรรมประสบผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม สำหรับโครงการการอนุรักษ์ทะเลเพื่อชีวิต เป็นเรื่องที่ดีที่ ปตท.สผ.จะได้มีส่วนในการเสริมสร้างความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพให้กับทะเลไทย รวมทั้งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนรอบชายฝั่งซึ่งเป็นเหมือนเพื่อนบ้านของเราอีกด้วย

ขณะที่ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง บอกว่า ด้วยพื้นที่ทางทะเลกว่า 202 ล้านไร่ ป่าชายเลนกว่า 2.58 ล้านไร่ เกาะกว่า 533 เกาะ และชายฝั่งความยาวกว่า 3,151 กิโลเมตร จำเป็นต้องหาพันธมิตรที่มีอุดมการณ์ ความพร้อม และมีความตั้งใจที่จะอนุรักษ์ ดูแลทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มาร่วมกันปฏิบัติงาน ซึ่งก็เป็นที่น่ายินดีว่า ปตท.สผ.ได้ให้ความสำคัญ ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพแล้ว ยังส่งเสริมให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรท้องทะเลไทย และเพิ่มรายได้แก่ชุมชนใน 17 จังหวัดรอบอ่าวไทย ได้แก่ จังหวัดสงขลา นครศรีธรรมราช ปัตตานี สุราษฎร์ธานี ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด นราธิวาส รวมทั้งกรุงเทพมหานคร และการดำเนินงานในครั้งนี้ ยังสอดคล้องกับเป้าหมายในการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ SDG 14 Life Below Water การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลและมหาสมุทรอย่างยั่งยืนด้วย.