ปรัชญาการตลาดของเกษตรกรยุค 5G นอกจากปลูกได้ ขายเป็น เน้นสตอรี มีดีที่แปรรูปแล้ว ตลาดยังอยู่ที่ปลายนิ้ว คลิกขายของออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา ขอเพียงมีสัญญาณอินเตอร์เน็ต แต่เหนือกว่าสิ่งอื่นใด กว่าจะมาถึงจุดที่จะทำสิ่งเหล่านี้ได้ ต้องใช้ความมานะอดทน ศึกษาหาความรู้ ลงมือทำ ลองผิดลองถูก แล้วยังต้องพัฒนาความรู้เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา...ดังตัวอย่างของหญิงแกร่งวัย 27 ปี คนนี้
“ตอนเด็กฐานะค่อนข้างไม่ดี อยู่กับยายเพียง 2 คน ต้องช่วยทำงานทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่ทำเกษตรเล็กๆน้อยๆ มีอยู่วันหนึ่งเก็บเมล็ดพันธุ์ไม้ป่ามาลองเพาะเล่นๆ พอเมล็ดงอกเป็นต้นกล้า รู้สึกมีความสุขที่ได้เห็นต้นสีเขียวอ่อนค่อยๆ แทงทะลุเมล็ดออกมา และเติบโตเป็นไม้ใหญ่ จึงตั้งใจไว้โตมาต้องทำอาชีพเกี่ยวกับต้นไม้ เมื่อเรียนจบเขียนแบบเครื่องกล วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ จึงกลับมาบ้านเปิดร้านอาหารได้พักหนึ่ง แล้วค้นพบว่าไม่ใช่ทางของตัวเอง จึงหันมาเริ่มต้นเก็บเมล็ดพันธุ์ไม้ป่ามาเพาะขาย ขยับขยายสู่ขายต้นกล้าไม้ขุดล้อมจนปัจจุบัน”
ส้ม-สุวิมล อำภัยบุญ สาวคนเก่งแห่งบ้านห้วยกรด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท บอกถึงที่มาก่อนจะผันตัวเป็นเกษตรกรผู้เพาะกล้าไม้ขาย จนมีรายได้ไม่น้อยกว่าเดือนละครึ่งแสน
...
เริ่มต้นชีวิตจากเก็บเมล็ดไม้ป่ามาขายผ่านทางออนไลน์ พร้อมกับศึกษาไม้ชนิดต่างๆ กรรมวิธี เทคนิคการเพาะต้นกล้าให้ติด จากสื่อโซเชียล แล้วลงมือเพาะดูเล่นๆ ทำได้ประมาณ 1 ปี...เริ่มได้ยินเสียงคำสบประมาทจากคนรอบข้าง เพาะกล้าอย่างเดียวคงไปไม่รอด
คำสบประมาทนี้เอง เป็นแรงผลักดันให้ต้องทำให้ดีกว่าที่ถูกติฉินนินทา จึงเริ่มแบ่งพื้นที่ 2 งานของที่บ้าน เป็นแปลงเพาะเมล็ดพันธุ์ไม้ป่า จากนั้นจึงเพาะกล้าขาย ขยับสู่ไม้แปลก ไม้หายากใช้เวลาเพาะ 2-5 เดือน จะได้ต้นกล้าสูงไม่เกิน 30 ซม. ที่ตลาดต้องการ ราคาตั้งแต่ต้นละ 5-400 บาท ขึ้นกับความหายากของไม้ และความยากง่ายของการงอก
ต่อมาไม้ที่ลองปลูกเล่นๆ เริ่มโตขึ้น จึงศึกษาวิธีการขุดไม้ล้อมเพิ่มเติม จากนั้นจึงขยายพื้นที่ 4 ไร่ของที่บ้าน เปิดเป็นสวน ขายทั้งเมล็ดพันธุ์ กล้าไม้ และไม้ล้อม
“ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการเพาะปลูกต้นไม้นัก ส่วนใหญ่จึงศึกษาจากทั้งผู้รู้ และสื่อโซเชียล ว่างก็จะเสิร์ชหาไม้แปลก ไม้หายาก แล้วเสาะหาซื้อมาเพาะขยายพันธุ์ต่อ ที่สวนจึงมีทั้งไม้พื้นๆที่หาได้ทั่วไป อาทิ ยางนา และไม้แปลกหายาก เช่น ไม้ผลโบราณ ไม้ประจำถิ่นที่มีเฉพาะบางพื้นที่ ไม้แปลกที่คนไม่ค่อยมี อาทิ ชมพู่น้ำดอกไม้ แอปเปิ้ลสตาร์ ฝรั่งสายพันธุ์ไต้หวันต่างๆ รวมถึงไม้ล้อมราคาต้นละตั้งแต่ 600-800 บาท พวกนี้จะค่อนข้างขายดี”
สำหรับแรงงาน ส่วนใหญ่จะให้กลุ่มเด็กๆ และใช้คนในหมู่บ้าน มาช่วยกรอกดินใส่ถุงเพาะ เพื่อเป็นรายได้เสริม และค่าขนม ส่วนการตลาด ส่วนใหญ่จะขายผ่านสื่อโซเชียล โดยเน้นการโพสต์ทุกวัน เซลฟี่กับต้นไม้ตัวเอง เปลี่ยนชุดไปเรื่อย บางครั้งนำใบไม้มาตัดแต่งเป็นเสื้อผ้า เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้า โดยส่วนหนึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากดาราคนดังที่โพสต์กับต้นไม้ แล้วราคาต้นไม้ก็แพงขึ้น
...
“คงไม่มีอาชีพอะไรอีกแล้ว ที่ได้ทั้งความสุข ได้อยู่กับบ้าน กับพื้นที่ของตัวเอง มีเวลาให้ครอบครัว เป็นเจ้านายตัวเอง ไม่ต้องตอกบัตรเข้าทำงาน ไม่ต้องเผชิญการจราจรที่คับคั่ง ไม่ต้องเสียเงินค่ารถไปทำงาน มีรายได้พอประมาณเลี้ยงครอบครัว แล้วยังถือเป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง เพราะเราขายกล้าให้เขาไปปลูก ก็เหมือนทำบุญให้ธรรมชาติ มีส่วนสำคัญในการสร้างโลกสีเขียว ลดมลภาวะ สร้างที่อยู่อาศัยให้สัตว์เล็กสัตว์น้อย แถมยังได้เพื่อนในวงการ รู้จักกับคนหน้าใหม่หน้าเก่า ที่แวะเวียนมาเป็นลูกค้าตลอด”
สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ 09-5357-4315 หรือเพจ ส้มมล สุวิมล (น้ำส้ม)
กรวัฒน์ วีนิล