“Green wall on highway” หรือ “กำแพงต้นไม้ริมทางด่วนหรือริมถนน” ในประเทศอังกฤษช่วยเพิ่มก๊าซออกซิเจนให้แก่ถนน...ทางเดินเท้า และ...ช่วยดูดซึมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) รวมทั้งยังช่วยดูดซับมลพิษทางอากาศ เช่น ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ไม่ให้ฟุ้งกระจายไปในอากาศ นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มความสวยงามและทัศนียภาพให้แก่เมืองและริมเส้นทางจราจรด้วย...
เมื่อหันกลับมาดูในเขตกรุงเทพมหานครและเมืองต่างๆในประเทศไทยยังไม่เห็นภาพที่ว่านี้
ประเด็นสำคัญที่หลายคนตั้งคำถาม สิ่งที่จะเกิดขึ้นย่อมต้องขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ของผู้บริหารว่าสนใจปัญหาสิ่งแวดล้อมของเมือง โดยเฉพาะมลพิษทางอากาศ เช่น ปัญหาฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5 มากหรือน้อยแค่ไหน?
“คืนผืนป่านำธรรมชาติกลับคืนสู่ชุมชน” อีกหนึ่งโครงการภาคเอกชนที่ต้องฉายภาพสะท้อนให้เห็นเป็นกรณีศึกษาด้วยว่าการพัฒนาพื้นที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น “ผืนป่า” หรือ “พื้นที่ในตัวเมือง” อาจจะมีความแตกต่างกันอยู่มาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากมีจิตสำนึกที่ดีต่อประเทศชาติ ก็สามารถที่จะนำสิ่งนั้นๆ...มาทำให้เป็นประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อย สำหรับส่วนรวมของคนในสังคม
...
นางทิพพาภรณ์ อริยวรารมย์ ประธานกรรมการ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเมนต์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ต่อส่วนรวมและต่อประเทศชาติ ซึ่งควรต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมากด้วยเช่นเดียวกัน จึงคิดพัฒนาโครงการเมือง “เดอะฟอเรสเทียส์” ขึ้นมา
ด้วยการจัดสรรพื้นที่ขนาดใหญ่ในโครงการทำเป็น “ผืนป่า” ขนาดใหญ่ ที่จะอุดมสมบูรณ์แบบ “ป่าจริง” ผสมผสานหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวอยู่ในโครงการเมืองแห่งนี้ บนพื้นที่ 398 ไร่ บนถนนบางนา-ตราด กม.7 ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก คาดว่า...จะเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษเติบโตเร็วที่สุดของประเทศไทย
เมื่อปีที่ผ่านมาได้ขยายมูลค่าโครงการจากเดิม 90,000 ล้านบาทเป็น 125,000 ล้านบาท น่าสนใจว่า...เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และจะสร้างให้เป็นต้นแบบแห่งใหม่ ของโลกในการพัฒนาเมือง
ประเด็นสำคัญมีว่า...การพัฒนาผืนป่าขนาดใหญ่ในโครงการนี้ส่วนใหญ่ใช้วิธีการเริ่มปลูกตั้งแต่เป็น “เมล็ด” และ “ต้นกล้า” ซึ่งจะสร้างการเจริญเติบโต สร้างความหลากหลายและความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ระบบนิเวศ
อีกทั้งสามารถพัฒนาเติบโตและมีวิวัฒนาการความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติอีกต่อไปเรื่อยๆ โดยแม้จะตั้งอยู่ในโครงการ แต่ก็จะมีผู้คนที่จะได้รับประโยชน์จากผืนป่านี้เป็นจำนวนมาก ไม่เพียงเฉพาะในโครงการ และพื้นที่โดยรอบ แต่หากเปิดเป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติด้วยก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อสังคมโดยรวม
ทิพพาภรณ์ บอกว่า นับเป็นครั้งแรกในโลกซึ่งไม่เคยมีที่ไหนมาก่อนที่ผืนป่าขนาดใหญ่เช่นนี้ถูกนำมาหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเมือง เพื่อนำธรรมชาติกลับคืนสู่ชุมชน และพื้นที่ที่เป็นเมือง
จนได้ขนานนามว่าเป็น “โครงการเมืองแห่งความมหัศจรรย์ในผืนป่า”
กิตติพันธ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการโครงการ เสริมว่า เพื่อเป็นโครงการเมืองที่ส่งเสริมการใช้ชีวิต ที่มีสุขภาพดียิ่งขึ้นและมีความสุขมากขึ้น เราได้ออกแบบทุกมิติของโครงการ บริหารจัดการพื้นที่ต่างๆ
ผสมผสานการใช้เทคโนโลยีอันล้ำสมัย บริหารจัดการแสงธรรมชาติ เสียง ความร้อน การหมุนเวียนของอากาศ คุณภาพอากาศ คุณภาพน้ำ และองค์ประกอบทั้งหมดของโครงการ
เพื่อให้มั่นใจว่าจะส่งเสริมการมี “สุขภาพที่ดี” ยิ่งขึ้นและ “ความสุขที่มากขึ้น” ของผู้อยู่อาศัยในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อน นอกจากนั้นแล้วหนึ่งในนวัตกรรมการออกแบบที่สำคัญที่สุด คือ วิธีการออกแบบ และวางผังองค์ประกอบของพื้นที่ที่อยู่อาศัยทั้งหมด และองค์ประกอบต่างๆ โดยรอบโครงการ
ให้มีพื้นที่ที่ตอบสนองความต้องการของคนแต่ละช่วงวัยโดยเฉพาะ ให้สามารถใช้ชีวิตของตัวเองได้อย่างมีอิสระและมีพื้นที่ส่วนตัว แต่ในขณะเดียวกัน พื้นที่ต่างๆของคนทุกช่วงวัย จะสามารถเชื่อมโยงถึงกันได้อย่าง กลมกลืนและปลอดภัย...เอื้ออำนวยให้สมาชิกในครอบครัวจากหลากหลายเจเนอเรชันสามารถมาอยู่ใกล้ชิดกันได้
...
นั่นก็คือ...ปัจจัยที่สำคัญที่สุดปัจจัยหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดียิ่งขึ้นและมีความสุขมากขึ้น...การได้อยู่ใกล้ชิดกันกับสมาชิกในครอบครัวทุกเจเนอเรชันและคนที่รัก
การพัฒนาผืนป่าขนาดใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อนด้วยงบมากกว่า 1,000 ล้านบาท คือหัวใจสำคัญ ซึ่งพื้นที่แห่งนี้ประกอบด้วยพื้นที่ “ป่าลึก” และ...เป็นป่าลึกที่อุดมสมบูรณ์ของจริง
...เป็นป่าลึกที่มนุษย์เข้าถึงอย่างง่ายดายจากทางเดินเท้า มีพื้นที่สีเขียวเปิดโล่ง ให้ผู้คนสามารถเข้าไปใช้ชีวิต...เป็นส่วนหนึ่งท่ามกลางความมหัศจรรย์ธรรมชาติแบบไร้รอยต่อ ทั้งยังมีที่กักเก็บน้ำขนาดใหญ่ รองรับน้ำได้มากกว่า 10 ล้านลิตร
แน่นอนว่า...ป้องกันมิให้มีการเกิดน้ำท่วมขังแม้จะมีพายุฝนขนาดใหญ่ก็ตาม
รวมทั้งยังทำให้ไม่เกิดปัญหากระทบต่อสิ่งแวดล้อมกับผู้อื่นอีกด้วย... ช่วยกักเก็บน้ำไม่ให้ไหลบ่าไปท่วมบนพื้นถนน
“สิ่งนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไปที่อาศัยอยู่โดยรอบและเป็นประโยชน์ต่อการที่จะมิให้เกิดภาวะน้ำท่วมเมืองอีกด้วย” กิตติพันธ์ ว่า
...
“ควบคู่ไปกับการแสดงความเป็นมิตรต่อโลกใบนี้ เรายังมีส่วนร่วมในการส่งเสริมความยั่งยืน ตัวอย่างเช่น ระบบพลังงานที่ล้ำสมัย ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้เป็นปริมาณมหาศาล ซึ่งปริมาณการลดเทียบเท่ากับปริมาณที่พื้นที่ปลูกต้นไม้ขนาด 36,000 ไร่ จะดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้”
ย้ำว่า “เดอะฟอเรสเทียส์” เป็นโครงการที่ครบวงจร โดยนอกจากจะมีโครงการที่พักอาศัยหลากหลายรูปแบบทั้งบ้านและคอนโดมิเนียม ซึ่งมุ่งตอบสนองความหลากหลายของไลฟ์สไตล์...ขนาดของครอบครัวที่แตกต่างกัน ยังมีองค์ประกอบที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
ไล่เรียงไปตั้งแต่...ผืนป่าขนาดใหญ่เป็นหลัก สปอร์ตคอมเพล็กซ์ พื้นที่ทำกิจกรรมการเรียนรู้ที่สนุก ...สร้างสรรค์ของครอบครัว โรงละคร อีเวนต์ฮอลล์ มาร์เกต...ทางเดินยกระดับความยาวกว่า 1.6 กิโลเมตร มอบเป็นเส้นทางเดินเท้าท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์
อีกทั้งยังมีโรงแรมระดับ 5 ดาว พร้อมด้วยศูนย์การแพทย์และสุขภาพขนาดใหญ่ พ่วงมากับเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุด ควบคู่ไปกับบุคลากรที่เชี่ยวชาญ...มีชื่อเสียงระดับประเทศ
เพื่อผู้สูงวัยที่สามารถจะใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย และสะดวกสบาย
ความคืบหน้าล่าสุด...งานสาธารณูปโภคและอุโมงค์คืบหน้าแล้ว 95% ขณะนี้กำลังดำเนินการก่อสร้างโครงการพักอาศัยต่างๆอย่างต่อเนื่อง...ด้วยเม็ดเงินลงทุนมหาศาลกว่า 1,400 ล้านบาท สร้าง “ฟอเรสต์ พาวิลเลียน” อาคารศูนย์การเรียนรู้ขนาดใหญ่ เพื่อจัดแสดงวิสัยทัศน์...แนวคิดโครงการผ่านประสบการณ์ที่ดื่มด่ำ จากผู้ออกแบบ experience ระดับโลก พร้อมจัดแสดงห้องตัวอย่างของโครงการต่างๆ
ขณะนี้ ฟอเรสต์ พาวิลเลียน ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ...เตรียมเปิดให้ผู้สนใจเข้าชมได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564...สะท้อนศักยภาพ “ประเทศไทย” ผู้นำระดับโลกได้ด้วยแนวคิดอันก้าวล้ำนำสมัย
...
“เดอะฟอเรสเทียส์” มิติใหม่วงการอสังหาริมทรัพย์ นิวนอร์มอล... “การพัฒนาอย่างยั่งยืน”.