วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา บริษัทไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค ได้ยื่นขอใบอนุญาตต่อ คณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) เป็นกรณีฉุกเฉิน คาดกันว่าเอฟดีเอสหรัฐฯ จะใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนในการพิจารณาออกใบอนุญาตฉุกเฉิน นายอเล็กซ์ อาซาร์ รัฐมนตรีสาธารณสุขสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าจะใช้เวลานานเท่าใด เพราะต้องพิจารณาบนมาตรฐานหลัก 2 ข้อคือ ประสิทธิภาพ และ ความปลอดภัย คาดว่า วัคซีนจะได้รับไฟเขียวจากเอฟดีเอในเดือนธันวาคมนี้ แต่เป็นการรับรองให้ใช้แบบมีเงื่อนไข เพื่อรับมือกับภาวะโรคระบาด
ผมเชื่อว่า เอฟดีเอสหรัฐฯ คงรีบออกใบรับรองให้ ไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค ในเดือนธันวาคมนี้อย่างที่รัฐมนตรีสาธารณสุขสหรัฐฯคาดการณ์ เพราะสหรัฐฯระบาดหนักขึ้นทุกวัน พฤหัสบดีที่แล้ว มีผู้ติดเชื้อ สูงสุดใหม่ถึงวันละ 187,000 คน เสียชีวิตวันเดียว 2,015 คน
นพ.อลิส จา คณบดีคณะสาธารณสุข มหาวิทยาลัยบราวน์ ประเมินว่า ถ้าผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตด้วยโควิด-19 ยังเพิ่มขึ้นในอัตรานี้ ก่อนวันที่ 20 มกราคมปีหน้า วันที่ โจ ไบเดน สาบานเข้ารับ ตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ จะมีชาวอเมริกันเสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มขึ้นอีก 100,000 คน และ ถ้ายืดเยื้อไปจนถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้าราวเดือนมีนาคม จะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 4.5–5 แสนคนเลยทีเดียว น่ากลัวไหม
ผมเขียนบทความนี้บ่ายวันเสาร์ ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกอยู่ที่ 57.9 ล้านคนแล้ว วันนี้คงเลย 58 ล้านคนไปแล้ว สหรัฐฯมีผู้ติดเชื้อ 12.27 ล้านคน อินเดีย 9 ล้านคน บราซิล 6 ล้านคน กว่าจะมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 ผมคาดว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกอาจจะเพิ่มขึ้นเป็น 68 ล้านคน เท่ากับจำนวนคนไทยทั้งประเทศเลยทีเดียว
...
วันนี้ วัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ผ่านมาทดลองกับมนุษย์ในขั้นที่ 3 มีอยู่ด้วยกัน 3 ยี่ห้อ คือ 1.ไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค ของสหรัฐฯร่วมกับเยอรมนี ต้องฉีด 2 โดสห่างกัน 3 สัปดาห์ พบว่าทำให้คนมีภูมิคุ้มกันกว่า 90% 2.โมเดอร์นา ค่ายนี้ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อได้รับอนุญาตแล้วต้องฉีดให้กับชาวอเมริกันก่อน เหลือแล้วจึงขายต่อให้ประเทศอื่น ผลการทดลองฉีดกับมนุษย์ขั้นที่ 3 พบว่ามีประสิทธิภาพป้องกันไวรัสโควิด-19 ได้ถึง 95% 3.บริษัทกามาเรยา หรือ สปุตนิก 5 ของรัสเซีย ที่ประกาศว่ามีประสิทธิภาพป้องกันไวรัสโควิด-19 ได้ถึง 92%
อีกค่ายหนึ่งคือ แอสตราเซเนกา ที่วิจัยร่วมกับ มหาวิทยาลัยออกฟอร์ด อังกฤษ ที่ คุณอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีสาธารณสุข ขออนุมัติ ครม. จัดสรรงบกว่า 6 พันล้านบาท เพื่อซื้อวัคซีนแอสตราเซเนกา 26 ล้านโดส สำหรับคนไทย 13 ล้านคน กำลังอยู่ในการทดลองขั้นสุดท้าย เป็นวัคซีนที่ทำจากไวรัสไข้หวัดทั่วไป ที่อ่อนแอ เมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้สร้างแอนติบอดีและกระตุ้นให้ทีเซลล์ไปทำลายเซลล์ติดเชื้อ จากการทดลองพบว่าวัคซีนแอสตราเซเนกาตอบสนองการสร้างภูมิคุ้มกันในผู้ใหญ่อายุ 56-69 ปี และ 70 ปีขึ้นไป เท่ากับผู้ใหญ่ที่มีอายุ 18-55 ปี
วัคซีนของ ไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค และ โมเดอร์นา ถือเป็นวัคซีนใหม่ ผลิตจาก RNA ที่เป็นสารพันธุกรรมโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนยี่ห้อไหนใช้การผลิตจาก RNA ที่แตกต่างกันอีกอย่างก็คือ วัคซีนของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทคต้องเก็บในอุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียส และ โมเดอร์นา -20 องศาเซลเซียส แต่ของ แอสตราเซเนกา และ กามาเลยา สามารถเก็บใน อุณหภูมิตู้เย็นปกติ จึงมีการขนส่งไปยังลูกค้าง่ายกว่า
แต่วันนี้ที่น่าห่วงยิ่งกว่าวัคซีนก็คือ คนไทยการ์ดตกไปมาก ใส่หน้ากากอนามัยกันเพียง 50% กว่าเท่านั้น เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตอนนี้ วิกฤติรอบใหม่มาแน่นอน.
“ลม เปลี่ยนทิศ”