ข้าวตราฉัตรจัดโครงการ “ข้าวชาวนาไทย” ปี 3 ช่วยชาวนารับมือพิษโควิดและราคาข้าวตกต่ำ ชวนคนไทยหันมากินข้าวหอมมะลิจากชาวนาไทย จำหน่ายผ่านช่องทางในกลุ่มพันธมิตรภายใต้เครือเจริญโภคภัณฑ์
นายฐิติ ลุจินตานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ธุรกิจการค้าข้าวและอาหารในประเทศและต่างประเทศ เผยว่า อุตสาหกรรมข้าวไทย ปี 2563 มีแนวโน้มตกต่ำ ทั้งในเชิงปริมาณและมูลค่าการส่งออก ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาประเทศผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่และเป็นผู้ผลิตข้าวที่สำคัญของโลก อาทิ จีน อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ มีนโยบายลดการพึ่งพา ชะลอการซื้อ เน้นเพิ่มผลผลิตข้าวภายในประเทศ
...
ประกอบกับหลังเกิดการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ตั้งแต่เดือนมีนาคม การส่งออกหยุดชะงัก สินค้าเกษตรส่งออกหลายชนิด รวมถึงข้าวได้รับผลกระทบ ไม่สามารถพึ่งพาการส่งออกตลาดต่างประเทศได้ กลุ่มผู้บริโภคทั้งตลาดไทยและต่างประเทศมีกำลังการซื้อที่หดตัวลง จึงหันไปซื้อข้าวคุณภาพใกล้เคียงที่มีราคาถูกกว่า ปัจจัยต่างๆนี้ทำให้เกิดวิกฤติราคาข้าวตกต่ำเหมือนที่เคยเกิดขึ้นช่วงปี 2560
“เพื่อช่วยเหลือบรรเทาปัญหาราคาข้าวตกต่ำ เครือเจริญโภคภัณฑ์จึงนำโครงการ “ข้าวชาวนาไทย” กลับมาอีกครั้ง โดยในปีนี้เปิดจุดรับซื้อข้าวเกี่ยวสดตรงจากเกษตรกรชาวนา ราคานำตลาดผ่านโรงสีท่าข้าวสหกรณ์ สกก. รวมทั้ง สกต.ในจังหวัดเชียงราย พะเยา กำแพงเพชร ยโสธร สุรินทร์ มหาสารคาม อุตรดิตถ์ บุรีรัมย์ ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครสวรรค์ พิจิตร และจังหวัดสุพรรณบุรี รวมทั้งหมด 46 จุดทั่วประเทศ พื้นที่รวม 190,198 ไร่ จากเกษตรกรสมาชิก 9,509 ราย ในราคานำตลาดบวกเพิ่ม 300 บาทต่อตัน นำมาปรับปรุงคุณภาพบรรจุถุง ภายใต้แบรนด์ ข้าวชาวนาไทย”
สำหรับข้าวชาวนาไทยที่นำมาสีบรรจุถุง นายฐิติ บอกว่า เป็นข้าวหอมมะลิแรกเกี่ยวคุณภาพดีสดใหม่จากนา รับซื้อโดยตรงจากชาวนาไทย ผ่านกระบวนการผลิตจากโรงงานขนาดใหญ่และทันสมัย ได้มาตรฐานสากล เป็นข้าวหอมมะลิแท้ 100% (อายุข้าว 1-5 เดือน) ลักษณะขาวใส หอม นุ่มเหนียวอร่อย โดยจะเปิดจำหน่ายลอตแรก ขนาด 5 กก. ราคาเพียง 165 บาทเท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2563-31 มกราคม 2564 หาซื้อได้ผ่านช่องทางต่างๆ อาทิ 7-Eleven, แม็คโคร และซีพี เฟรชมาร์ท.