ชงเพื่อความยั่งยืน! เนสกาแฟนำเทรนด์ส่งนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่นำไปรีไซเคิลได้ 100% ชวนดื่มกาแฟรักษ์โลก พร้อมเปิดไอเดียอัพไซคลิ่งสุดปัง เชื่อมทุกความผูกพันในวันกาแฟสากล
จะดีแค่ไหน ถ้าบรรจุภัณฑ์กาแฟที่เราดื่มทุกวัน จะไม่ไปจบที่หลุมฝังกลบ หรือลอยอยู่ในทะเล แต่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ทั้งหมด และสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืน เพราะความห่วงใยต่อคุณและโลก
เนสกาแฟ กาแฟอันดับหนึ่งขวัญใจคนไทย จึงถือเอาวันดีอย่างวันกาแฟสากล (ในวันนี้) ซึ่งตรงกับวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี ประกาศความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เนสกาแฟทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้สามารถรีไซเคิลได้ 100% ภายในปี 2565 เพื่อสร้างสรรค์อนาคตปลอดขยะให้คนไทย สอดคล้องกับพันธกิจระดับโลกของเนสท์เล่ที่มีเป้าหมายเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดให้รีไซเคิลได้ หรือนำกลับมาใช้ใหม่ได้ 100% ภายในปี 2568
ไม่เพียงแต่ให้คำมั่น เนสกาแฟ ยังเป็นผู้นำเทรนด์วงการกาแฟในเมืองไทย ด้วยการนำร่องเปิดตัวนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ใน 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ คือ เปลี่ยนซองเนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู ให้เป็นแบบ Mono Structure ซึ่งผลิตจากพลาสติกตระกูลเดียวกัน ด้วยเทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะของเนสท์เล่ ที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100% เป็นครั้งแรกของโลก เป็นการต่อยอดจากการนำร่องใช้ในผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ โพรเทค โพรสลิม ในช่วงกลางปีนี้ โดยนวัตกรรมดังกล่าวจะถูกขยายผลให้ครอบคลุมกลุ่มผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรูทั้งหมด ภายในไตรมาส 1 ปี 2564
พร้อมกันนี้ ยังมีการเปลี่ยนเนสกาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม จากกระป๋องเหล็กให้เป็นกระป๋องอะลูมิเนียม เพื่อให้สามารถรีไซเคิลได้ 100% ได้ครบทั้งหมด ภายในเดือนตุลาคมปีนี้ หลังจากทยอยเปลี่ยนมาใช้กระป๋องอะลูมิเนียมใน 2 รสชาติ คือ ลาเต้ และ แบล็กไอซ์ ตั้งแต่เมื่อปีที่ผ่านมา และล่าสุดคือ เอสเปรสโซ โรสต์
ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ขยะบรรจุภัณฑ์ โดยเฉพาะพลาสติกที่แปลกปลอมอยู่ในทะเล เป็นปัญหาเร่งด่วนระดับโลกที่ทุกคนต้องร่วมมือกันรับผิดชอบ ตั้งแต่ต้นน้ำ หรือผู้ผลิต ไปถึงปลายน้ำอย่างผู้บริโภค รวมไปถึงการจัดการขยะที่ถูกวิธี เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างเป็นรูปธรรม ข้อมูลของกรมมลพิษเมื่อปี 2562 พบว่า คนไทยสร้างขยะพลาสติกมากถึง 1.14 กิโลกรัมต่อคนต่อวัน และมีขยะพลาสติกที่เกิดขึ้นในประเทศไทยประมาณ 27.04 ล้านตันต่อปี
“ขยะพลาสติกมันมหาศาล เราต้องร่วมมือกันแก้ไขอย่างเป็นระบบ การที่เนสกาแฟลุกขึ้นมาประกาศพันธกิจสู่ความยั่งยืน เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดให้นำไปรีไซเคิลได้ 100% ถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม และเป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภค ผมว่าการจะเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เดิมให้ง่ายต่อการรีไซเคิล ต้องลงทุนทั้งด้านทีมงานและเทคโนโลยีในการวิจัยพัฒนา ตลอดจนความกล้าเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลง เพราะต้องใช้เวลาให้ความรู้และผลักดันการเปลี่ยนแนวความคิดและเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคในส่วนอื่นๆ อีกด้วย ผมเชื่อว่า หากผู้ผลิตและผู้บริโภคร่วมมือกันอย่างจริงจัง ภารกิจในการเปลี่ยนโลกของเราให้น่าอยู่จะเป็นจริงได้ครับ”
นายวิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า กล่าวว่า “เนสกาแฟเป็นแบรนด์กาแฟชั้นนำระดับโลกของเนสท์เล่ ที่เชื่อมทุกความผูกพันกับผู้บริโภคมานานกว่า 47 ปี เราต่อยอดความมุ่งมั่นของแบรนด์เนสกาแฟในการเชื่อมทุกความผูกพันอย่างมีความหมายมากกว่าเดิมในปีนี้ การจัดการขยะพลาสติกเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญสูงสุด เราจึงเป็นผู้นำในการประกาศเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เนสกาแฟครบทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของเนสท์เล่ในประเทศไทยให้นำไปรีไซเคิลได้ 100% ภายในปี 2565 ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในพันธกิจด้านความยั่งยืนของเนสท์เล่ระดับโลก”
นางสาวนาริฐา วิบูลยเสข ผู้จัดการธุรกิจกาแฟปรุงสำเร็จ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า “เราภูมิใจมากที่ทีมวิจัยและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ของเนสท์เล่ ประเทศไทยได้เป็นผู้ริเริ่มพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกอย่างซองแบบ Mono Structure ที่ผลิตจากพลาสติกตระกูลเดียวกัน และสามารถนำไปรีไซเคิลได้เป็นครั้งแรกของโลกได้สำเร็จให้คนไทยได้ใช้กันเป็นประเทศแรก นวัตกรรมซอง Mono Structure ได้รับการออกแบบให้ทำหน้าที่เหมือนกับซองกาแฟปัจจุบันมากที่สุด เพื่อกักเก็บรสชาติ กลิ่นหอม และความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์ที่บรรจุอยู่ในซองจนกว่าจะถึงมือผู้บริโภค ซึ่งข้อดีที่แตกต่างคือ ซอง Mono Structure สามารถนำไปรีไซเคิลได้ โดยต้องมีการคัดแยกขยะอย่างถูกต้อง”
จากความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนนี่เอง จึงเป็นที่มาของแคมเปญเนสกาแฟ เดย์ในปีนี้ที่มาพร้อมคอนเซปต์ “เชื่อมทุกความผูกพัน ชงเพื่อความยั่งยืน” ชวนคอกาแฟทั่วประเทศมาร่วมรักษ์โลก ด้วยการโชว์เคสไอเดียการอัพไซคลิ่งบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการนำซองผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรูที่คอกาแฟส่งมาร่วมชิงโชคทุกปี ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 100 ล้านซอง มาเพิ่มมูลค่าด้วยการอัพไซคลิ่งเป็นวัสดุรักษ์โลกอย่างไม้เทียม (Wood Plastic Composite- WPC) สำหรับทำเป็นโต๊ะอาหารเพื่อมอบให้กับโรงเรียนทั่วประเทศ 100 โรงเรียน พร้อมกับนำไปใช้ตกแต่งเนสกาแฟฮับ 7 สาขา ได้แก่ 2 สาขาใหม่คือ BTS เพลินจิต และหมอชิต และจะทยอยเปลี่ยนใน 5 สาขาเดิม คือ BTS ชิดลม อารีย์ อนุสาวรีย์ชัย ศาลาแดง และช่องนนทรี และตกแต่งเนสกาแฟ สตรีท คาเฟ่ ด้วย
ในส่วนของเนสกาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม เนสกาแฟได้จัดการประกวดสร้างสรรค์ไอเท็มใหม่จากการนำกระป๋องอะลูมิเนียมไปรีไซเคิล ได้ร่วมมือกับอาจารย์วิทยาลัยสารพัดช่าง ระยอง นำกระป๋องอะลูมิเนียมใช้แล้วมาสร้าง Prototype หุ่นยนต์สั่งการด้วยเสียง ที่สามารถแจกตัวอย่างเครื่องดื่มได้ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้นักศึกษาอาชีวะได้เห็นว่า ขยะสามารถนำไปใช้ต่อยอดเป็นนวัตกรรมที่มีประโยชน์ต่อสังคมและส่วนรวมได้ ซึ่งจะเริ่มดำเนินโครงการในเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป
สำหรับไฮไลต์ในงานเปิดตัวแคมเปญเนสกาแฟ เดย์ 2020 เป็นการรวมพล 10 แบรนด์แอมบาสเดอร์ของเนสกาแฟ นำทีมโดย โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต เจเจ-กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม แบงค์-ธิติ มหาโยธารักษ์ และ แพต-ชญานิษฐ์ ชาญสง่าเวช มาร่วมออกแบบโต๊ะอาหารอัพไซคลิ่งจากซองเนสกาแฟเบลนด์ แอนด์ บรู ที่มีเพียงตัวเดียวในโลก ซึ่งเป็นหนึ่งในโต๊ะอาหารอัพไซคลิ่งที่จะนำไปมอบให้กับน้องๆ ในโรงเรียน 100 แห่งทั่วประเทศ พร้อมแชร์ไอเดียในการรักษ์โลกอย่างยั่งยืนด้วย
โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ กล่าวว่า “ในฐานะหนึ่งในแบรนด์แอมบาสเดอร์ของเนสกาแฟ รู้สึกดีใจและภูมิใจที่เนสกาแฟลุกขึ้นมาพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นครั้งแรกของโลก และรู้สึกตื่นเต้นมาก ที่เห็นว่า ซองกาแฟที่ดื่มทุกวันนอกจากจะมีกลิ่นหอม เข้ม กลมกล่อม ยังสามารถนำซองไปเพิ่มมูลค่าด้วยการอัพไซคลิ่ง เป็นโต๊ะอาหารให้กับน้องๆ ในโรงเรียนต่างๆ ช่วยเติมเต็มโมเมนต์ในการดื่มกาแฟของผมให้มีความสุขมากขึ้น ผมเองเริ่มปรับไลฟ์สไตล์รักษ์โลกมากขึ้น เช่น ไม่รับถุงพลาสติก พยายามเตือนตัวเองให้พกถุงผ้าติดตัวเวลาไปข้างนอก เพราะไม่อยากทำร้ายโลก และพยายามไม่ใช้หลอดพลาสติกถ้าไม่จำเป็น ช่วงแรกๆ ที่เปลี่ยนพฤติกรรมอาจจะไม่ชิน หรือ รู้สึกว่ายาก แต่ถ้าทุกคนเริ่มต้นจากการเป็นส่วนเล็กๆ ก็สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ไม่ยาก เพราะฉะนั้นผมอยากชวนให้ทุกคนมารักษ์โลกด้วยกันครับ”
ด้าน อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม เสริมว่า หลังจากมีโอกาสไปลงพื้นที่ถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับป่าพรุเมื่อต้นปี ทำให้จากที่อินกับธรรมชาติอยู่แล้ว ยิ่งอินขึ้นไปอีก และอยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการทำอะไรเพื่อสิ่งแวดล้อม พอได้เห็นเนสกาแฟ มีพันธกิจเพื่อโลกแบบนี้ ก็รู้สึกดีใจ เพราะนอกจากจะได้สัมผัสกับประสบการณ์การดื่มกาแฟที่แตกต่าง หอมกรุ่น นุ่มละมุนแล้ว ยังมีนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่นำไปรีไซเคิลได้ ฟินทั้งคนดื่มแถมยังดีต่อโลก ผมมองว่า ทุกคนไม่จำเป็นต้องไปปลูกป่า หรือ ทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ เพราะต่อให้เป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ แต่ถ้าเราร่วมมือร่วมใจกันก็จะสามารถช่วยให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้นได้ ตัวผมเองเริ่มจากเรื่องใกล้ตัว อย่างการฝึกนิสัยแยกขยะ หลักการง่ายๆ ของผม คือ แยกประเภท และไม่ทิ้งเศษอาหารไปปะปนกับขยะอื่นๆ เด็ดขาด”
อีกหนึ่งความพิเศษของแคมเปญเนสกาแฟ เดย์ในปีนี้ คือ การเปิดตัวแคมเปญ Red Pillar 2020 ซึ่งยังคงแกนหลักของไอเดียที่ต้องการเชื่อมทุกความผูกพัน พร้อมส่งต่อสมการความผูกพันครั้งใหม่ ด้วยธีม “สมการความผูกพันที่ไม่สิ้นสุด” มาพร้อมไฮไลต์ที่เชื่อว่าต้องถูกใจคอกาแฟ ด้วยการนำ 8 แบรนด์แอมบาสเดอร์ นำทีมโดย เจมส์–จิรายุ ต่อ–ธนภพ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ไอซ์-พาริส เจเจ-กฤษณภูมิ แบงค์-ธิติ และ แพต-ชญานิษฐ์ ที่ล้วนเป็นนักแสดงแถวหน้าของไทยมาร่วมแสดงในเว็บฟิล์มตัวใหม่ ซึ่งออนแอร์ครั้งแรกทางเฟซบุ๊กและยูทูบเนสกาแฟ ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้