“พ่อแม่ทำนาตามแบบที่เรียนรู้จากปู่ ใช้ปุ๋ยเคมีตามคำแนะนำพ่อค้าเร่ที่มาขายในหมู่บ้าน ให้ใช้ก่อนแล้วเก็บเงินหลังเกี่ยวข้าว ทุกวันชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในท้องนา เท้าแช่น้ำผิวสัมผัสยอดใบข้าวที่อบอวลไปด้วยสารเคมี เพื่อกันไม่ให้หนู-แมลง ลงแปลงนา นานวันสุขภาพเริ่มแย่ ขายข้าวได้เงินมาก แต่มีเหลือไว้ใช้กับทำทุนในปีต่อไปไม่มาก”
จากปัญหาที่กล่าวมา ทำให้ กฤตนัน ภูมิรินทร์ หนุ่มวัย 25 ปี ชาว อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี เกิดแนวคิดอยากทำนาข้าวแบบชีววิถี ลดการใช้เคมีหันมาปลูกข้าวปลอดภัยไว้ขายตลาดสุขภาพ จึงเข้าโครงการโรงเรียนเกษตรกรชาวนา รุ่น 1 อบรมพื้นฐานการทำนาปลอดสารเคมี

หลังอบรมจึงขอที่นา 10 ไร่ จากพ่อแม่ เพื่อปลูกข้าวให้ดูเป็นแปลงตัวอย่าง พร้อมตั้งเป้าหมายเข้าร่วมโครงการนาแปลงใหญ่ที่กรมการข้าว ร่วมกับบริษัทข้าว ซี.พี. จำกัด (ข้าวตราฉัตร) เข้ามาในหมู่บ้าน มีทีมงานพัฒนาวัตถุดิบต้นน้ำจากทางบริษัทคอยให้คำปรึกษาเรื่องการวางแผนการผลิตตั้งแต่ขั้นตอนการปลูกจนถึงเป็นตลาดรับซื้อผลผลิตแน่นอนและมีการประกันราคา
...
“หลังลงทะเบียนเป็นสมาชิก เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยส่งเสริมเรื่องขั้นตอนการปลูกข้าวแบบใหม่ๆ เริ่มตั้งแต่นำตัวอย่างดินไปตรวจ ผลคือหน้าดินมีเกลือโซเดียมตกค้าง จึงปรับสภาพดินด้วยการไถปรับหน้าดินทิ้ง 7 วัน ล่อให้วัชพืช ข้าวที่ตกหล่นงอก จากนั้นหว่านปุ๋ยหมัก พื้นที่ 10 ไร่ หว่านปุ๋ย 150 กก. ปล่อยน้ำเข้า ไถตีเทือก”

ส่วนการใช้เมล็ดพันธุ์ จากเดิมใช้ 14 กก.ต่อไร่ ต้นข้าวขึ้นหนาแน่นจะได้ข้าวปริมาณมาก หญ้าวัชพืชไม่ขึ้น ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด เปลืองเมล็ดพันธุ์ยังทำให้ข้าวกอเล็กออกรวงน้อย จึงเปลี่ยนมาใช้เครื่องหยอดเมล็ด ใช้เมล็ดพันธุ์ 4 กก.ต่อไร่
วิธีนี้ทำให้กำจัดวัชพืชง่าย ข้าวกอใหญ่ ควบคู่กับการลดปริมาณปุ๋ย จากเดิมพื้นที่ 10 ไร่ ใช้ปุ๋ย 250 กก. ลดลงมาเหลือ 150 กก.

การกำจัดแมลงศัตรูพืช ใช้วิธีสังเกต แมลงตัวดีกับตัวร้ายอย่างไหนมากที่สุด แล้วปล่อยให้ระบบนิเวศควบคุมกันเอง
การให้น้ำจะใช้นวัตกรรมเลเซอร์วัดน้ำ ตรวจความชื้นในดิน ทำให้รู้ระดับน้ำใต้ดิน ปรากฏว่าปีแรกได้ข้าว 11 ตัน จากเดิมได้เพียง 7–9 ตัน และจากเดิมมีต้นทุนไร่ละ 2,000 บาท ลดลงเหลือ 980 บาท.

เพ็ญพิชญา เตียว