ค่ำคืนวันที่ 25 สิงหาคม ที่ผ่านมา แขกเหรื่อระดับวีไอพีของประเทศ ได้รับเชิญไปร่วมงานฉลองครบรอบ 100 ปี ของกิจการเดินเรือ กลุ่มบริษัท สุภัทรา จำกัด ในโอกาสให้บริการประชาชนอยู่คู่กับแม่น้ำเจ้าพระยา ยาวนานครบ 1 ศตวรรษ
งานฉลองจัดเต็มด้วยทีมงานนักแสดงพร้อม แสง สี เสียง เจิดจรัสยิ่งใหญ่ ทั่วคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมี “ครูเล็ก” ภัทราวดี มีชูธน ทายาทรุ่นที่ 3 น้องสาวคนเดียวของคุณสุภาพรรณ พิชัยรณรงค์สงคราม เป็นผู้จัดการแสดงอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีขบวนพาเหรดเรือเล่าเรื่องราวของจุดเริ่มต้นกลุ่มบริษัทสุภัทรา มาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ทั้งการเล่นเปียโน จะเข้ และการแสดงประกอบ บ่งบอกถึงความเป็นศิลปินที่อยู่ในสายเลือด ซึ่งคุณค่าเหล่านี้ได้ถูกหล่อหลอมและสะท้อนออกมาในการดำเนินธุรกิจเป็นเอกลักษณ์ ของกลุ่มบริษัทสุภัทราและส่งต่อเป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น


ส่วนประธานในพิธี คือ ฯพณฯ ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และ ประธานสภาผู้แทนราษฎรให้เกียรติมากล่าว ความว่า “ตลอดระยะเวลา 100 ปี ผมได้เห็นการวิวัฒนาการและการพัฒนาของบริษัทฯ มาอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีวิกฤติและอุปสรรคปัญหาต่างๆ เข้ามามากมาย บริษัทฯ ได้ต่อสู้และผ่านมาได้ทุกครั้งด้วยการทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ ความรู้และความสามารถในการบริหารจัดการปัญหาต่างๆ”

นอกจากค่ำคืนสุดประทับใจแล้ว การฉลอง 100 ปี ของกลุ่มบริษัท สุภัทรายังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นงานวิ่ง Supatra Charity Virtual Run for UNICEF NextGen กิจกรรม Love Chao Phraya Save the River Life เก็บขยะฟื้นผืนน้ำ นิทรรศการหอเกียรติยศ (Hall of Fame) แสดงภาพพนักงานที่ทุ่มเททำงานให้บริษัท รวมถึงกิจกรรมบริจาคโลหิต และการประกวดภาพถ่ายในหัวข้อ “100 ปีแห่งความเจริญบนสายน้ำ” เป็นต้น




เปิดตำนาน 100 ปี กลุ่มบริษัทสุภัทราภายใต้การบริหารงานของผู้หญิง 3 รุ่น
แผ่ขยายอาณาจักรจากธุรกิจเรือแจวสู่ธุรกิจเรือโดยสาร และอสังหาริมทรัพย์พร้อมเดินหน้าส่งต่อธุรกิจสู่ผู้บริหารหญิงรุ่นที่ 4 ก้าวสู่ศตวรรษที่ 2 อย่างมั่นคง
ย้อนไปเมื่อ 100 ปีที่แล้ว คุณหญิงบุญปั่น สิงหลกะ เริ่มบุกเบิกธุรกิจเรือข้ามฟาก หลังเดินทางมาจากเชียงใหม่ ในฐานะนางพระกำนัลตามเสด็จเจ้าดารารัศมี เข้าสู่วังหลวงในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 คุณหญิงบุญปั่นได้สมรสกับพระยาราชมนตรี (สง่า สิงหลกะ) พำนักอยู่ในเรือนแพบริเวณท่าวังหลัง เริ่มเดินเรือแจวข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยาระหว่าง ท่าเรือพรานนกและวัดมหาธาตุ เมื่อปี พ.ศ. 2463 ด้วยค่าโดยสาร 1 สตางค์

กิจการได้สืบทอดมาถึงคุณหญิงสุภัทรา สิงหลกะ ทายาทรุ่นที่ 2 ในช่วงปี พ.ศ. 2475 ได้พัฒนาจากเรือแจวข้ามฟากมาสู่เรือยนต์ลำแรก (สภ. 1) โดยใช้สีแดงขาวซึ่งเป็นสีกาชาดสากล (Red Cross) เป็นสัญลักษณ์ของการช่วยเหลือประชาชน
ในปี พ.ศ. 2512 มีเรือโดยสารที่เรียกว่าเรือด่วน ริเริ่มโดยกระทรวงคมนาคม วิ่งระหว่างตลาดขวัญ - พายัพ และเกียกกาย - ถนนตก ซึ่งต่อมาได้โอนกิจการให้แก่ เอกชน คือ คุณหญิงสุภัทรา สิงหลกะ และได้ตั้งชื่อว่า บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด เมื่อ พ.ศ. 2514
กิจการได้ขยายเติบโตมาจนกระทั่งนางสุภาพรรณ พิชัยรณรงค์สงคราม ได้รับช่วงบริหารต่อ “ตัวดิฉันเองเป็นทายาท รุ่น 3 หลังจากที่จบปริญญาตรี ด้านศิลปศาสตร์ จาก American University เข้ามาทำงานตั้งแต่วันแรกที่เริ่มกิจการเรือด่วนเจ้าพระยา ตำแหน่งแรกที่ได้รับเป็นกรรมการผู้จัดการ ได้เรียนรู้งานเรื่อง เครื่องยนต์เรือ การต่อเรือ ดูแลเรือ จากประสบการณ์ของตนเองและคำแนะนำของคุณแม่ จะเห็นได้ว่าในระยะเวลา 100 ปีที่ผ่านมา เรามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่เคยหยุดนิ่ง” สุภาพรรณกล่าว

ในปีนี้ บริษัทฯ ได้เปิดตัวเรือด่วนปรับอากาศ Riva Express จำนวน 4 ลำ ซึ่งเป็นเรือสองท้อง Catamaran ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชาวออสเตรเลีย ผลิตจากอะลูมิเนียม น้ำหนักเบา มีรูปแบบและมาตรฐานความปลอดภัยเช่นเดียวกับเรือในแม่น้ำทั่วโลก ภายในเรือออกแบบให้ดูโปร่งสบายตา ลวดลายบนตัวเรือเป็นผลงานศิลปะของศิลปินไทย เพื่อรักษาไว้ซึ่งความเป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทย ที่นั่งมีขนาดกว้าง รองรับผู้โดยสารได้ 200 คน พร้อมระบบประกาศสาธารณะ (Public Announcement) และ GPS ติดตามเรือ โดยให้บริการเส้นทางนนทบุรี-บางโพ-สาทร นับเป็นการเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างระบบเรือและระบบรางได้อย่างสมบูรณ์ และยังมีระบบตั๋วร่วม (Common Ticketing) รับชำระค่าโดยสาร ผ่าน Rabbit Card อีกด้วย
ในปัจจุบันกลุ่มบริษัทสุภัทรา มีเรือโดยสารทั้งหมด 96 ลำ บริการผ่านท่าเรือ 40 แห่ง รับส่งผู้โดยสาร หลายหมื่นคนต่อวัน หรือกว่า 17 ล้านคนต่อปี และขยายธุรกิจในกลุ่มบริษัทสุภัทรา จาก 2 เป็น 10 บริษัท อันประกอบด้วยธุรกิจเรือข้ามฟาก เรือด่วนเจ้าพระยา เรือท่องเที่ยว (Hop On Hop Off) และอสังหาริมทรัพย์ริมแม่น้ำ อาทิ ท่ามหาราช ท่าวังหลัง โรงแรมริมฝั่งน้ำ ริว่า เซอร์ย่า ริว่า อรุณ รวมถึงธุรกิจสื่อโฆษณา รวมทั้งยังมีร้านอาหารและรีสอร์ตที่หัวหินด้วย

จากความสำเร็จตลอดช่วงเวลา 1 ศตวรรษของการทำงานโดยผู้หญิง 4 รุ่น ที่ได้สืบทอดกันมา ขณะนี้กำลังส่งต่อจากรุ่นที่ 3 ไปสู่รุ่นที่ 4 นางสาวณัฐปรี พิชัยรณรงค์สงคราม ภายใต้วิสัยทัศน์ที่จะพัฒนาระบบการเดินทางทางน้ำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พัฒนาเทคโนโลยีของเรือ การเดินเรือให้มีความทันสมัยและปลอดภัย และมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวทางน้ำโดยจะขยายการลงทุนมุ่งสู่น่านน้ำทะเลไทยต่อไป






