• พิษโควิดฯ ทำธุรกิจโรงแรม ปิดกิจการ-เลิกจ้างพนักงานอีกเพียบ
  • ผู้ประกอบการโรงแรม เรียกร้องรัฐบาลช่วยเหลือ หลังเจอโควิดฯ พ่นพิษหนัก
  • นายกสมาคมโรงแรมเผยกลางปี 64 สถานการณ์ไม่ดีขึ้น ปิดกิจการหลายแห่ง

นับตั้งแต่ "โควิด-19" เริ่มแพร่ระบาดใประเทศจีน เมื่อปลายปี 2562 ก่อนลุกลามทั่วโลก ย่างเข้าเดือนที่ 10 ของปี 2563 ตอนนี้มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกแล้วกว่า 29 ล้านคน คร่าชีวิตมนุษย์ไปแล้วเกือบล้านราย ส่งผลกระทบกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่คนทั่วโลก และสร้างความเสียหายให้กับภาคธุรกิจต่างๆ มากมาย รวมถึงประเทศไทย โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและการบริการ ในธุรกิจประเภท "โรงแรม"

แนวโน้มธุรกิจโรงแรมปี 2563

คาดว่า "หดตัวแรง" เนื่องจากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจฯ หลายประการ ทั้งเศรษฐกิจและการค้าโลกที่หดตัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้และกำลังซื้อของหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวประเทศไทยจำนวนมาก เช่น จีน ญี่ปุ่น รัสเซีย นอกจากนี้ยังถูกซ้ำเติมจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในหลายภูมิภาค ส่งผลให้หลายประเทศออกมาตรการเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด เช่น ห้ามเดินทางเข้าออกประเทศ สั่งปิดสถานที่ที่มีความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ ส่งผลให้หลายธุรกิจต้องปิดกิจการเป็นการชั่วคราว ทำให้เกิดการว่างงานจำนวนมาก ซึ่งกระทบต่อรายได้การดำเนินชีวิตและระบบเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยธุรกิจโรงแรมและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากนักท่องเที่ยวยกเลิกการเดินทางและการจองห้องพักต่างๆ โรงแรมจึงขาดรายได้และส่งผลให้ภาพรวมของธุรกิจหดตัวรุนแรง

...

พิษโควิดฯ ทำโรงแรมเจ๊ง วอนรัฐช่วยพักหนี้–ปล่อยกู้ดอกต่ำ

นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยถึงภาพรวมสถานการณ์ธุรกิจโรงแรมในไทย หลังเจอพิษโควิดฯ เล่นงาน ว่า ขณะนี้ธุรกิจโรงแรมเลิกจ้างไปแล้วประมาณ 1 ล้านคน หากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ไทยไม่สามารถรับนักท่องเที่ยวได้ถึงกลางปี 2564 โรงแรมต้องเลิกจ้าง ปิดกิจการ และขายกิจการจำนวนมาก เพราะ "เงินทุน" หมุนเวียนหมด แม้รัฐบาลมีโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับอย่างชัดเจน สมาคมโรงแรมจึงออกแถลงการณ์เพื่อขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล ด้วยการออกมาตรการทางการเงินเพื่อเสริมสภาพคล่อง ค่าจ้างงาน ค่าสาธารณูปโภค รักษาการจ้างงาน โดยให้กระทรวงการคลังตั้งกองทุนเปิดเพื่อพัฒนาและฟื้นฟูกิจการท่องเที่ยว ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 วงเงิน 100,000 ล้านบาท โดยเข้าร่วมทุนในส่วนทุน หรือซื้อหนี้ของแต่ละกิจการระยะเวลา 7 ปี และเปิดสิทธิรับซื้อคืนได้ในผลตอบแทน 1 เปอร์เซ็นต์ต่อปีของกองทุนฯ

"ขณะเดียวกันขอให้ช่วยโรงแรมเข้าถึง "แหล่งเงินทุน" และ "เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ" ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยขอให้ภาครัฐพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 2 เปอร์เซ็นต์ พร้อมทั้งพักการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 2-3 ปี และขอวงเงินเพิ่มสภาพคล่อง โดยให้อนุมัติปล่อยสินเชื่อเพิ่ม 20 เปอร์เซ็นต์ จากวงเงินกู้เดิมในอัตราดอกเบี้ย 2 เปอร์เซ็นต์ ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 2-3 ปี เมื่อครบกำหนดชำระให้แปลงเป็นสินเชื่อระยะยาวดอกเบี้ยตำ่ ผ่อนชำระกับธนาคารพาณิชย์ หากมีหลักประกันไม่พอ ขอให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เป็นผู้ค้ำประกัน 100 เปอร์เซ็นต์" นางมาริสา กล่าว

ขอเปิดรับต่างชาติเฉพาะกลุ่ม แนะกระตุ้นท่องเที่ยวให้โดนใจ

ส่วนข้อเรียกร้องที่อยากให้รัฐบาลผ่อนปรนเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการโรงแรมจากโควิดฯ นางมาริสา กล่าวว่า ขอให้ "เปิดประเทศรับชาวต่างชาติ" เฉพาะกลุ่มมากขึ้น อาทิ กลุ่มเกษียณที่สามารถพำนักในไทยได้ 1-2 ปี กลุ่มนักธุรกิจ และนักลงทุนต่างชาติ ที่มีกิจกรรมเอื้อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทย โดยให้นักธุรกิจและนักลงทุนที่ต้องการเดินทางมาประชุม หรือเจรจาธุรกิจระยะสั้นน้อยกว่า 14 วัน สามารถเดินทางเข้าประเทศได้ โดยมีผลตรวจปลอดโควิดฯ ก่อนเข้าไทย และให้เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจากประเทศหรือเมืองที่มีการควบคุมการแพร่กระจายของไวรัสได้เป็นอย่างดี เช่น ไต้หวัน เวียดนาม ลาว กัมพูชา และในพื้นที่บางส่วนของจีน เป็นต้น โดยนักท่องเที่ยวดังกล่าว จะต้องเข้าสู่การกักกันตัวตามนโยบายกักกันตัวที่เหมาะสมของไทย

สำหรับข้อเสนอแนะเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการโรงแรมนั้น นางมาริสา มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐว่า ให้เร่ง "กระตุ้นการท่องเที่ยว" ภายในประเทศ โดยขยายเวลาโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวฤดูกาลท่องเที่ยว โดยปรับเงื่อนไขของโครงการ เพิ่มเงินสนับสนุนของรัฐบาลสำหรับ ค่าห้องพัก-โรงแรม จาก 40 เป็น 50 เปอร์เซ็นต์ ในวันเสาร์-อาทิตย์ สนับสนุน ค่าใช้จ่าย 60 เปอร์เซ็นต์ ในวันธรรมดา เปิดโอกาสให้ต่างชาติที่มีใบอนุญาตทำงานในประเทศไทย และชาวต่างชาติที่มีวีซ่าให้พำนักอยู่ในประเทศไทยระยะยาว สามารถจองห้องพักผ่านโครงการนี้ได้ รวมทั้งสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเข้าพักในโรงแรม 50 เปอร์เซ็นต์ ของราคาที่โรงแรมเสนอขายแพ็กเกจในราคาคงที่ ในรูปแบบของบัตรกำนัล "Voucher" เช่นเดียวกับการเสนอขายในงาน "ไทยเที่ยวไทยโดยผ่านอีคอมเมิร์ซ แพลตฟอร์ม ที่ให้ผู้บริโภคเข้าถึงง่าย เมื่อจองและเข้าพักให้โรงแรมนำต้นขั้วของ Voucher ไปรับเงินสนับสนุนจากทางรัฐคืนจากธนาคารพาณิชย์ที่รัฐกำหนด" เป็นต้น

...

ไม่มีใครรู้ว่าการแพร่ระบาดของเชื้อร้ายนี้จะ "ยืดเยื้อ" แค่ไหน ผู้ประกอบการจะ "ยื้อ" ธุรกิจได้นานเท่าไร บางแห่งถ้า "สายป่าน" สั้นก็จบเห่ กว่าภาครัฐจะยื่นมือเข้ามา คงได้เห็นผู้ประกอบการโรงแรม "ปลดพนักงานอื้อ-ปิดตัวลงเป็นเบือ"

เขียนโดย : หงเหมิน

กราฟิก : Supassara Taiyansuwan