ตำรวจไทยโชว์ฟอร์ม ชุดเทคนิคสืบสวน 2 ศปอส. ตร.ชุดสืบสวน บก.ปคบ. ทลายแก๊งแคเมอรูนร่วม สาวไทย ตุ๋นขายแมสก์-ถุงมือยาง ข้ามชาติ สร้างความเสียหายนับสิบล้านบาท หลังตำรวจ สากลเจ้าหน้าที่สถานทูตอิสราเอลแจ้งเบาะแสขอความช่วยเหลือ พบทั้ง 2 แก๊งเชื่อมโยงกัน มีผู้ต้องหาชาวแคเมอรูนคนเดียวกันมาเกี่ยวข้อง ชุดจับกุมต้องอายัดตัวมาดำเนินคดี
ตำรวจระดมกวาดล้างขนานใหญ่ทลายแก๊งแคเมอรูน ตุ๋นขายแมสก์-ถุงมือยาง คดีแรกที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 3ก.ย. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.ข่าวกรอง บช.ปส.ในฐานะหน.ชุดเทคนิคสืบสวน 2 ศปอส.ตร.แถลงข่าวจับกุมแก๊งหลอกขายหน้ากากอนามัย เครื่องวัดอุณหภูมิผ่านทางสื่อออนไลน์ ข้ามประเทศ มูลค่าความเสียหายกว่า 12 ล้านบาท ได้ผู้ต้องหาชาวไทยและต่างชาติจำนวนมาก
สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเป็นชาวเกาหลีใต้และชาวฮ่องกง 3 ราย ติดต่อซื้อขายสินค้าประเภทหน้ากากอนามัยและเครื่องวัดอุณหภูมิ ผ่านทางออนไลน์ข้ามประเทศในช่วงวิกฤติโควิด แล้วถูกหลอกลวงสูญเงินกว่า 400,000 ดอลลาร์สหรัฐฯหรือประมาณ 12 ล้านบาท ผู้เสียหายทั้งหมดจึงแจ้งความร้องทุกข์ผ่านตำรวจสากลกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ และตำรวจสากลฮ่องกง ก่อนประสานส่งเรื่องมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
จากการสืบสวนพบเป็นเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ใช้ช่องทางติดต่อสื่อสารผ่านออนไลน์ทาง www.globalsource.com, อาลีบาบา โดยโพสต์ข้อความและจัดทำเว็บไซต์หลอกขายสินค้าหน้ากากอนามัย เครื่องวัดอุณหภูมิและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ผ่านทางอินเตอร์เน็ตติดต่อเสนอขายสินค้าระหว่างประเทศ โดยกลุ่มคนร้ายตั้งบริษัท TIMBERMATE และร้านค้าชื่อ ECHO SPORT ในประเทศไทย เพื่อจัดจำหน่ายหน้ากากอนามัย เครื่องวัดอุณหภูมิ หลอกขายสินค้าให้ชาวต่างชาติและรับโอนเงินค่าสินค้า
...
กระทั่งวันที่ 1 ก.ย. ชุดสืบสวนสอบสวนศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ประสานงานกับ บก.สส.บช.ภ.4 กก.สส.บก.ภ.จ.ขอนแก่น กก.สส.บก.ภ.จ.กาฬสินธุ์ และ สภ.เมืองมหาสารคาม ลงพื้นที่จ.ขอนแก่น จ.มหาสารคาม และ จ.กาฬสินธุ์ สืบสวนติดตามจับกุมชาวต่างชาติและหญิงไทยรวม 6 คนทั้งหมดเกี่ยวข้องกับบริษัท TIMBERMATE ประกอบด้วย นายวิเทียน อะจองคอม อนุโบเด็ม อายุ 33 ปี ชาวแคเมอรูน น.ส.ชวัลกร หรือคาร่า อนุโบเด็ม อายุ 23 ปี ชาวไทย นางวารุณี ประทุมทิพย์ อายุ 51 ปี ชาวไทย น.ส.อาทิตา หรือนุ่น พันธฤทธิ์ อายุ22ปี ชาวไทย นายเซฟโฟ คองกาเด้น ยานนิค จูเนียร์ อายุ 27 ปี ชาวแคเมอรูน นายฟลอเบิต อะจองคอม อยามู อายุ 35 ปี ชาวแคเมอรูน พร้อมยึดของกลาง อาทิ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็ม หน้ากากอนามัย เครื่องวัดอุณหภูมิถุงมืออนามัย รถยนต์ และเงินสด 6,141,000 บาท ทั้งหมดถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนหรือฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นผู้อื่นโดยทุจริตหรือโดยการหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนและใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน นอกจากนี้ยังจับกุม น.ส.ซูซาน เมนเค็มเน็ง อายุ 30 ปี ชาวแคเมอรูนซึ่งเป็นเพื่อนกับผู้ต้องหากลุ่มนี้แต่ไม่มีส่วนในการกระทำผิดดังกล่าว ดำเนินคดีฐานเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด ส่งผู้ต้องหาทั้งหมดให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม ดำเนินคดีตามฐานความผิด
อีกด้านที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) วันเดียวกัน พ.ต.อ.เชษฐ์พันธ์ กิติเจริญศักดิ์ ผกก.1 บก.ปคบ.พ.ต.ท.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข รอง ผกก.1 บก.ปคบ. นำกำลังจับกุม น.ส.วราพร หรือพลอย ภัทร์ชาดอนชัยอายุ 30 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ จับได้ที่ อ.เมืองกาฬสินธุ์
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 ส.ค. เจ้าหน้าที่ทูตอิสราเอลได้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหาย แจ้งความร้องทุกข์ต่อตำรวจ กก.1 บก.ปคบ.ให้ดำเนินคดีกับ บริษัท วูเด็กซ์ จำกัด ที่มี น.ส.วราพร กับพวกเปิดหลอกลวงไว้โฆษณาขายถุงมือยางลาเท็กซ์และถุงมือยางไนไตรล์ โดยผู้เสียหายชำระค่าสินค้าเบื้องต้น 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นเงิน 44,925 ดอลลาร์สหรัฐฯคิดเป็นเงินไทย 1,388,215.80 บาท โอนเงินเข้าบัญชีของบริษัท วูเด็กซ์ จำกัด แต่ไม่ได้รับสินค้าตามที่ตกลงกันไว้ จากนั้นไม่สามารถติดต่อได้อีก
สืบสวนพบ น.ส.วราพร ถอนเงินสดที่ได้จากการหลอกลวงผู้เสียหายไปมอบนายเซฟโฟ คองกาเด้น ยานนิค จูเนียร์ ชาวแคเมอรูน แล้วส่งต่อให้กับนายวิเทียน อะจองคอม อนุโบเด็ม ชาวแคเมอรูน อีกทอดหนึ่ง น.ส.วราพรได้ส่วนแบ่งเป็นเงินสด 10,000 บาท โทรศัพท์มือถือไอโฟน ราคา 38,000 บาท 1 เครื่อง สำหรับนายเซฟโฟและนายวิเทียน ถูกตำรวจจับกุมก่อนหน้านี้ในคดีลักษณะเดียวกันในพื้นที่ สภ.เมืองมหาสารคาม ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน กก.1 บก. ปคบ.ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา ขอศาลออกหมายจับนายเซฟโฟและนายวิเทียน ในคดีนี้อีกหนึ่งคดีพร้อมขออายัดตัวทั้งคู่มาดำเนินคดี พร้อมขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการรายอื่นที่คาดจะมีอีกจำนวนมาก เนื่องจากผู้กระทำความผิดทั้งสองคดีมีความเชื่อมโยงกัน โดยเฉพาะนายเซฟโฟ คองกาเด้น ยานนิค จูเนียร์ และนายวิเทียน อะจองคอม อนุโบเด็ม 2 ผู้ต้องหาชาวแคเมอรูน รวมทั้งมีการเปิดเป็นบริษัทบังหน้าเพื่อก่อเหตุตุ๋นขายแมสก์และถุงมือข้ามชาติ ในหลายพื้นที่ของประเทศ