กรมป่าไม้ ร่วมกับ กรมทรัพยากรน้ำ จัดทำบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือ (MOU) เพื่ออนุรักษ์ และฟื้นฟู ทรัพยากรป่าไม้ และพัฒนาแหล่งน้ำอย่างยั่งยืน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ
วันที่ 10 ส.ค. ณ กรมทรัพยากรน้ำ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วย นายภาดล ถาวรกฤชรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ร่วมกันจัดทำบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือ (MOU) ระหว่างกรมป่าไม้กับกรมทรัพยากรน้ำ ในการกำหนดแนวทางความร่วมมือของทั้งสองกรม ระยะเวลา 5 ปี เพื่อเป็นการสนับสนุนภารกิจการดำเนินงานของหน่วยงานให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อระบบสิ่งแวดล้อมและสังคม
จากนโยบายรัฐบาลภายใต้การบริหารงานของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ให้ความสำคัญในเรื่องของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเน้นย้ำให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินหน้าในเรื่องการอนุรักษ์ ฟื้นฟู ดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้ของประเทศ กรมป่าไม้และกรมทรัพยากรน้ำ ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใน ทส. ได้ขานรับนโยบายของรัฐบาล จึงได้จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่ออนุรักษ์ ดูแลรักษา ฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ พัฒนาแหล่งน้ำ ระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพ ในพื้นที่ของทั้งสองหน่วยงานในการปฏิบัติงานในพื้นที่ร่วมกัน
...
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวถึงการลงนามในครั้งนี้ว่า กรมป่าไม้ ได้เล็งเห็นความสำคัญในด้านการอนุรักษ์ คุ้มครอง ดูแลรักษา ฟื้นฟูสภาพป่า และระบบนิเวศ รวมถึงจัดการให้มีการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าไม้ ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้อย่างยั่งยืน จึงได้บูรณาการร่วมกับกรมทรัพยากรน้ำ ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อดำเนินการด้านต่างๆ ในพื้นที่โครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และพื้นที่ทรัพยากรน้ำสาธารณะ ตลอดจนการสำรวจระยะไกลและการใช้อากาศยานไร้คนขับ (UAV) รวมทั้งการสำรวจตรวจวัดข้อมูลอุตุนิยมวิทยาและอุทกวิทยา เพื่อการเฝ้าระวังภัยธรรมชาติและภัยคุกคามต่อทรัพยากรป่าไม้ ทรัพยากรน้ำสาธารณะ พร้อมทั้งได้ร่วมมือในการศึกษา วิจัย แลกเปลี่ยนเรียนรู้งานด้านวิชาการและเทคโนโลยี รวมถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้ และแนวทางการปฏิบัติงาน เพื่อนำไปเพิ่มทักษะพัฒนาบุคลากรของทั้ง 2 หน่วยงาน
"นอกจากนี้ ทั้งกรมป่าไม้และกรมทรัพยากรน้ำได้กำหนดให้เป็นนโยบายเชิงรุกในการเร่งขับเคลื่อนดำเนินการให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งสองกรมมีความเชื่อมั่นว่าการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้จะสามารถผลักดันให้มีการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ และการพัฒนาแหล่งน้ำแบบมีส่วนร่วม ซึ่งจะเกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อประเทศต่อไป" อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าว.