ทับทิมเป็นอีกหนึ่งผลไม้เพื่อสุขภาพ ที่ได้รับความนิยมในระดับสากล ทั้งบริโภคผลสดและน้ำทับทิม เพราะมีสรรพคุณทั้งลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง ลดคอเลสเทอรอล ปรับระดับความดันโลหิต บำรุงและพัฒนาสมอง เสริมสร้างสมรรถภาพ ทางเพศ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เสริมสร้างกระดูก

ไม่น่าเชื่อ แต่ละปีไทยต้องนำเข้าทับทิมจากต่างประเทศ ส่วนใหญ่จากอินเดีย มูลค่ากว่า 400-500 ล้านบาท นี่ยังไม่รวมน้ำทับทิมแปรรูปอีกต่างหาก...นั่นหมายความว่า เรามีตลาดทับทิมอยู่แล้ว แต่ยังไม่ค่อยมีใครทำในเชิงพาณิชย์

“ผมค่อนข้างตกใจที่เราต้องนำเข้า ทั้งที่เห็นปลูกกันค่อนข้างเยอะ เมื่อศึกษาลึกลงไป พบว่าทับทิมอินเดียเป็นพันธุ์ที่คนทั่วโลกนิยม จึงเดินทางไปดูถึงประเทศอินเดียและคัดเลือกพันธุ์ที่ดีที่สุดชื่อว่า บังวา เข้ามาปลูก เมื่อ 3 ปีที่แล้ว นำเข้ากิ่งพันธุ์เพาะเนื้อเยื่อชุดแรก 2,000 ต้น นำมาปลูกในเมืองไทยสามารถติดผล ให้ผลผลิตไม่ต่างจากที่ปลูกในอินเดีย”

อนุรักษ์ บุญลือ อดีตวิศวกรที่ทิ้งเงินเดือนหลักแสนมาทำเกษตร ผู้บุกเบิกการปลูกทับทิมอินเดียในประเทศไทย บนพื้นที่ 12 ไร่ ของไร่ประเสริฐสุข บ้านหนองขาว ต.หนองขาว อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี บอกว่า...ทับทิมพันธุ์นี้ผลใหญ่ 3-4 ผลต่อ กก. ผิวมันสีส้มแดงสวย เกลี้ยงเกลา เนื้อสีแดงเข้มเลือดนก เมล็ดใหญ่นิ่มไม่แข็งเหมือนทับทิมทั่วไป รสชาติหวาน อร่อย

...

ระยะปลูกห่างกัน 3-4 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ปลูกได้ 130-150 ต้น เพียงแค่ปีเดียวให้ผลผลิต ศัตรูพืชน้อยมาก ดูแลบำรุงรักษาไม่ยุ่งยาก แค่ใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ 1-2 เดือนครั้ง ช่วงให้ผลผลิตสลับปุ๋ยสูตร 8-24-24 เพื่อเพิ่มรสชาติและความเข้มของสีเปลือกและเนื้อ รดน้ำ 2-3 วันครั้ง ไม่ต่างจากพืชเศรษฐกิจตัวอื่น หมั่นตัดแต่งกิ่งไม่ให้รก เพราะทับทิมจะแตกก้านเยอะมาก ถ้ารกการติดผลจะไม่ดีเท่าที่ควรและได้ลูกเล็ก โดยการตัดแต่งกิ่งจะเลือกกิ่งกระโดงหรือกิ่งหลักไว้ต้นละ 5-7 กิ่ง นอกจากนั้นตัดออกให้หมด

ปีแรกให้ผลผลิตไม่มากแค่ต้นละ 20-30 กก. ปีที่สองให้ผลผลิต 40-80 กก. ปีต่อๆมาผลผลิตจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตามขนาดของต้นทุกต้นจะติดผลดกมาก แต่ต้องเลือกไว้ผลให้เหมาะกับขนาดของต้น เพื่อให้ได้ผลผลิตคุณภาพดี ผลใหญ่ สวย โดยปลิดลูกที่ออกปลายกิ่งทิ้ง เพราะลูกจะเล็ก มีผลผลิตทยอยออกให้เก็บได้ตลอดทั้งปี แถมยังสามารถใช้วิธีการตัดแต่งกิ่ง เพื่อบังคับให้ทับทิมติดลูกได้เป็นชุดๆตามที่ต้องการได้

สำหรับเรื่องการตลาด...ทับทิมนำเข้าส่วนใหญ่วางขายในห้างโมเดิร์นเทรด ราคา กก.ละ 150 บาท ส่วนที่มีคนเอาไปปลูกแล้วขายหน้าสวน กก.ละ 50–60 บาท

ใครอยากไปชมและชิมชมรมสื่อเกษตรดิจิทัลและเอสเอ็มอีไทย จะพาไปลุยถึงแปลง 8 ส.ค.นี้ สอบถามได้ที่ 09-3697-1456 หรือ 08-1497-7680.

กรวัฒน์ วีนิล