นายศักดิ์ชัย อุ่นจิตติกุล ประธานสถาบันอุตสาหกรรมเพื่อการเกษตร (ส.อ.ท.) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สินค้าเกษตรจะขายได้โดยเกษตรกรผู้ผลิตไม่ขาดทุน ต้องเอาการตลาดนำการผลิต ยกมาตรฐานความปลอดภัย จากการผลิตแบบเดิมที่เคยทำเกษตรสารเคมี ให้เปลี่ยนมาทำเกษตรปลอดสารพิษตามมาตรฐาน GAP ผ่านการรับรองจากหน่วยงานภาครัฐ เพราะหลังเกิดวิกฤติโควิด-19 ตลาดกลุ่มผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในชีวิตมากขึ้น

“การผลิตอาหารปลอดภัย อาหารเพื่อสุขภาพ เป็นอีกหลักเกณฑ์หนึ่งที่จะทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อ นับเป็นโอกาสของไทยในการทำเกษตรปลอดภัย เพราะเรามีต้นทุนทางด้านภูมิประเทศที่อุดม สมบูรณ์ ดินดำน้ำชุ่ม เหมาะกับการส่งเสริมปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ได้อย่างมีคุณภาพ แต่ที่ผ่านมากลับปล่อยละเลยต้นทุนที่สำคัญ หากวันนี้ยังทำเกษตรแบบดั้งเดิม ยังคงทำเกษตรอุตสาหกรรมโออีเอ็ม (Original Equipment Manufacturer) เป็นแค่ผู้รับจ้างผลิตสินค้าให้กับบริษัทที่จะนำไปขายในแบรนด์ต่างๆ ตามแบบที่ลูกค้ากำหนด

ฉะนั้นวันนี้ ต้นทางการผลิตวัตถุดิบรวมไปถึงภาคอุตสาหกรรมแปรรูป โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้วัตถุดิบจากภาคเกษตร ต้องเร่งหามาตรการส่งเสริมเกษตร เพื่อสร้างความแตกต่างด้านการผลิต โดยเฉพาะการผลักดันให้มีการทำเกษตรปลอดภัย ที่จะกลายเป็นจุดแข็งในการแข่งกันการส่งออกในอนาคต”

...

ประธาน ส.อ.ท. แนะอีกว่า สำหรับแนวทางขับเคลื่อนเกษตรปลอดภัย สิ่งแรกต้องศึกษาเรื่องความต้องการของตลาด เพื่อใช้เป็นแนวทางการผลิตให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ต้องเปลี่ยนจากที่เดิมเน้นส่งเสริมกลุ่มเกษตรกรรุ่นเก่า เปลี่ยนมาเป็นส่งเสริมผ่านกลุ่มยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์ เพราะกลุ่มนี้จะเรียนรู้ได้รวดเร็ว ควบคู่กับการทำเกษตรแม่นยำ เน้นลดต้นทุน การใช้ปุ๋ยสั่งตัด การจัดการระบบน้ำ นอกจากช่วยทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง ผลผลิตที่ได้ยังปลอดภัยสอดรับกลุ่มผู้บริโภคที่มีแนวโน้มต้องการอาหารเพื่อสุขภาพกันมากขึ้น.