คนเรามีคดีติดตัว ได้ประกันออกมามีอิสรภาพอยู่ในสังคม

แต่ไม่ทำตามระเบียบข้อบังคับของศาล มันก็เป็นแบบนี้แหละครับ...

ตัวอย่างให้เห็นจะจะ กรณี นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง โด่งดังเพราะรักในการแข่งรถมอเตอร์ไซค์ และเคยเป็นสามีของดาราดัง

ต้องมาดับเพราะมีบัญชีธนาคารเกี่ยวพันกับการฟอกเงินยาเสพติด แก๊ง นายไซซะนะ แก้วพิมพา เจ้าพ่อยาเสพติดรายใหญ่ชาวลาว ที่ตำรวจ บช.ปส.ทลายจนราบคาบ

จากใช้ชีวิตหรูหราฟู่ฟ่า ต้องย้ายนิวาสสถานไปอยู่ในคุกกันหมด!

แต่หลังจากติดคุกอยู่พักนึง นายอัครกิตติ์ได้รับความปรานีจากศาลให้ปล่อยตัวชั่วคราว ทั้งที่ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 8 ปี ด้วยเงื่อนไขต้องใส่กำไลอีเอ็ม และมารายงานตัวตามเงื่อนไข

หลังใส่กำไลอีเอ็มมาเป็นปี นายอัครกิตติ์ทำตัวดี มารายงานตัวตรงเวลานัดตามระเบียบทุกอย่าง จนศาลเห็นว่า ไม่หนีไปไหนแน่ กำลังจะอนุญาตให้ถอดเครื่องติดตามตัวอยู่แล้ว

ดันมาผิดนัดรายงานตัวศาลวันที่ 24 มิ.ย. อ้างเหตุผลว่า ลืม...!

แถมช่วงดึกคืนวันที่ 24 มิ.ย.ยังไปสร้างวีรกรรม ถูกตำรวจจราจรกลางและตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง จับพร้อมพวก ขณะขี่บิ๊กไบค์บนถนนวิภาวดีรังสิต ข้อหาผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.จราจร

เจ้าตัวอ้างว่า ไปกินหมูกระทะกับเพื่อนตอนตี 2 ขี่รถมาประสบเหตุรถชนเลยลงไปช่วย แต่กลับถูกตำรวจจับ

เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นข่าวดัง พอมารายงานตัวศาลเลยถูกถอนประกัน ต้องระเห็จกลับไปอยู่ในเรือนจำอีก!

หลังจากนั้นญาติยังพยายามยื่นประกัน แต่ศาลปฏิเสธด้วยเหตุผล...จำเลยขัดคำสั่งศาล ไม่เข้ารายงานตัวตามนัด อ้างว่า หลงลืมนัด ไม่น่าเชื่อถือ ทั้งยังถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และข้อหากระทำผิด พ.ร.บ.จราจร

...

ถือว่าประพฤติตนไม่เหมาะสม...

ถูกศาลอุทธรณ์ปฏิเสธปล่อยตัวชั่วคราวครั้งนี้ หนักหนาสาหัส ไม่รู้จะมีโอกาสอีกหรือเปล่า?

ถือเป็นบทเรียนราคาแพงแล้วกันนะครับ!

สหบาท